*** ความใฝ่ฝันที่สวนทางกับความจริง
ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำงานโรงพยาบาลเพราะรู้สึกกลัว
เชื้อโรคมาก ผมอยากเป็นทหาร มีค่านิยมว่า
เป็นทหารแล้วโก้อวดสาว ๆ ได้ ผมสอบได้ทหาร
อากาศตอนรายงานตัวผมไปไม่ ทันเลยอดเรียน
และมาสอบติดสาธารณสุขเลย ต้องทำงานรักษาคน
อาจเป็นเพราะ วัยเด็กเรา ซึมซับมาตลอดว่า
พ่อนอกจากเป็นครูแล้ว ยังเป็นหมอสมุนไพรด้วย
พ่อรักษาช่วยชีวิตผู้อื่น ให้เราเห็น อยู่เสมอ
เราเคยเห็น คนถูกงูกัดซึ่ง ทางโรงพยาบาลรักษา
ไม่หาย บางคนอาการปางตาย แต่มาหาพ่อ
แล้วหาย โดยพ่อใช้สมุนไพรรักษา
พอเรียนจบผมรับราชการที่โรงพยาบาลหว้านใหญ่
จังหวัดมุกดาหาร อยู่ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ ผมทำ
โครงการ เรื่องเด็กขาดสารอาหาร เรื่องยาเสพติด
บุหรี่ ทำกับ ชาวบ้านเป็นส่วนใหญ่ ทำไปทั้งที่ไม่มี
งบประมาณ แต่เห็นว่าโครงการนี้มีประโยชน์
ก็ตั้งใจมุมานะทำ ในปีแรกผมก็ได้รับคัดเลือก
เป็น ข้าราชการดีเด่น ของโรงพยาบาลเมื่อปี ๓๖
ทำไปสักพักเห็นคนเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง เบาหวาน
ความดัน หลาย โรคที่เรื้อรังรักษาไม่หาย หรือแม้แต่
ไม่ใช่โรคเรื้อรัง เช่น โรคกระเพาะอาหาร ก็รักษาไม่หาย
ผมเริ่มสนใจเรื่องเส้นเอ็น เรื่องแพทย์แผนไทย
โดยเริ่ม บุกเบิกโครงการแพทย์แผนไทยขึ้น
ในโรงพยาบาลหว้านใหญ่ เพราะเห็นว่าชาวบ้าน
น่าจะพึ่งตนเองได้ผมเชิญหมอพื้นบ้าน ไปเป็น
วิทยากร อบรม อ.ส.ม. สาธารณสุข เราก็ถือ
โอกาสเรียนด้วย ผมทำหลาย ๆ เรื่องในด้าน
แพทย์แผนไทย เริ่มจากเรื่องนวดและการใช้
ยาสมุนไพร ทำให้ได้พื้นฐานตรงนั้น
จึงเริ่มเห็นทางออกของสุขภาพ
ต่อมาคุณหมอเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ได้เข้ามา
ส่งเสริมให้ทำโครงการนี้ ต่อเนื่อง จนมีโรงอบ
สมุนไพรที่โรงพยาบาลผมส่งน้องในฝ่ายฯมา
อบรมเป็นครูฝึกแพทย์แผนไทย แล้วกลับไป
ทำงาน รวมทั้งส่งจ้าหน้าที่ที่เป็นคนงาน
มา ฝึกนวดฝ่าเท้า เพื่อกลับไปบริการชุมชน
ตรงนี้เป็นการเริ่มต้นของงานต่าง ๆ
*** พบต้นเหตุของโรค
จากจุดที่ทำเรื่องบุหรี่ ผมมีโอกาสมาดูงาน
ที่โรงพยาบาล มิชชั่น คอร์สเลิกบุหรี่ ๕ วัน
ได้แนวคิดกลับไปประยุกต์ใช้ ได้ผลดีเพิ่มขึ้น
ช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ ทำให้สุขภาพดีขึ้น
ทำให้มีโอกาสเสนอ ผลงาน ให้จังหวัดอื่นรับรู้
ผมจึงได้ รับเชิญไปเป็นวิทยากรตามที่ต่าง ๆ
ทำไปเรื่อย ๆ ก็เจอความเครียด จากคนที่เคย
เข้าคอร์ส เลิกสูบบุหรี่ได้แล้วก็หันกลับไป
สูบอีก ส่วนใหญ่เขาบอกว่า เพราะความ
เครียด ต้องใช้บุหรี่คลายเครียด
ต่อมาผมก็เริ่มค้นหาสาเหตุว่าความเครียดเกิดจากอะไร
ค้นไป ค้นมาพบว่า ความเครียดเกิดจาก กิเลสนี่เอง
ก็ตรวจตัวเองว่า มีไหม เพราะเราก็เครียดเหมือนกัน
ผมเริ่มเห็นความจริงว่า กิเลสทำให้เครียด ทำให้ทุกข์
*** ค้นพบสัจธรรมชีวิต
เริ่มสนใจอ่านหนังสือธรรมะ อ่านหมดทั้งของท่าน
พุทธทาส หลวงปู่เทสก์ อาจารย์ชา และธรรมะ ของ
ชาวอโศก เข้าใจเหตุของความเครียดว่ามาจากตัวโกรธ
ตัวโลภ ตัวหลงโลกธรรม อยากให้เขา คิดเหมือนเรา
อยากรวย อยากได้โน่นได้นี่ หลงดี ยึดดี อยากให้คน
อื่นได้ดีไม่อยาก ให้เขามาว่าเรา อยากให้คนเคารพ
สรรเสริญ อยากได้ ๒ ขั้นแม้ได้ ๒ ขั้น มาก็ทุกข์เพราะ
ต้องแก่งแย่งกันตอนได้มา ก็สุขนิดหน่อย แล้วก็ทุกข์
อีกเพราะอยากอวด เมื่อเริ่มเข้าใจธรรมะก็รู้สึกถึง
ความเครียดที่ลดลง เริ่มมีความสุขมากขึ้น
ปี ๒๕๔๐ คุณสัญชัย ตุลาบดี ข้าราชการสาธารณสุข
จังหวัดมุกดาหาร เห็นว่าผมทำโครงการแก้ปัญหา
ความยากจน เด็กขาดสารอาหาร เรื่องการมีอยู่มีกิน
ยาเสพติด ท่านก็สนับสนุนงบให้ และ ชวนไปงาน
อบรมธรรมที่ศีรษะอโศก จังหวัดศรีสะเกษ
บอกว่าที่นั่นมีโครงการ อบรมจริยธรรม มีกสิกรรม
ไร้สารพิษ ซึ่งผมชอบอยู่แล้วและกำลังหาความรู้
เพิ่มเติม
ก่อนหน้านั้น ผมเคยไปดูงานของพ่อผาย พ่อคำเดื่อง
พ่อสุทธินันท์ ที่บุรีรัมย์ ซึ่งเขาก็นำศาสนา เข้ามาแก้
ปัญหา พาลดละอบายมุขเหมือนกัน ก็เริ่มชัดขึ้น เรา
ก็เคยพาชาวบ้านทำ เคยคิดว่า เราเป็นนักพัฒนาที่เก่ง
เราแน่ พาคนให้มีกินมีอยู่ พาให้เด็กไม่ขาดสารอาหาร
พาคนเลิกอบายมุข เหล้า บุหรี่ มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่ง
ความจริงเมื่อเขาเลิกแล้วก็น่าจะจบปัญหาเสียที
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น พอเขามีฐานะดีขึ้น เขาก็ลืมตัว
หันกลับไปหาเหล้าบุหรี่ การพนัน หวย การเที่ยวเตร่
ต่าง ๆ เราเคยคิดว่า การมีรายได้จะแก้ปัญหาได้ทุก
เรื่อง แต่แล้วก็รู้ว่าความจริงมันยังไม่ใช่
*** ศีรษะอโศกผ่าทางตัน
เมื่อไปถึงศีรษะอโศก ได้พบในสิ่งที่ไม่เคยพบ
คนเป็นพัน ๆ แต่ไม่มีใครกินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มี
ใครด่าว่ากัน ทำไมคนที่นี่ เขาสงบ ใส่ชุดม่อห้อม*
กันแทบทุกคน ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง หลายคนมีการศึกษา
สูง เป็นหมอบ้าง เป็นครูบ้าง เป็นพยาบาลบ้าง
แต่งตัวเป็นชาวบ้าน เหมือนกัน หมดเลย ต่างก็
ไม่ ถือเนื้อถือตัว ผมรู้สึกประหลาด ใจมาก
พวกเขามีวิชาอะไรก็ถ่ายทอดให้หมด
ไม่ว่าจะเป็นวิชาเพาะเห็ด ทำจุลินทรีย์ ทำปุ๋ย
ทำกสิกรรม ไร้สารพิษเขาถ่ายทอดอย่าง
ไม่ปิดบังเลย ไปจุดไหน เขาก็ต้อนรับอย่างดี
เราทึ่งมาก ถ้าคิดเป็นค่าวิชา แต่ละวิชา
คงแพงมาก แต่พวกเขาเสียสละ ให้โดยไม่รับ
ค่าตอบแทนใด ๆ ที่นี่ได้เห็นคนมีน้ำใจ มีศีล ลดละ
อบายมุข เราได้พบทางออกว่า สังคมอย่างนี้มัน
ใช่เลยเป็นสังคม ที่เราค้นหาที่เรากำลังตัน ๆ อยู่
ต้องอย่างนี้แหละจึงจะแก้ปัญหาได้
* คำว่า ม่อฮ่อม เขียนได้หลายแบบ เช่น
ม่อห้อม,หม้อฮ่อม ,หม้อห้อม ซึ่งแล้วแต่
ใครจะนำมาใช้ แต่ ความหมายที่แท้จริงนั้น
เหมือนกันทุกคำคือ เสื้อผ้าที่มีสีครามที่เกิด
จากภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษชาวไทย เป็น
การใช้ ผ้าฝ้ายที่ได้จากการทอย้อมด้วยสีคราม
ที่ได้จากต้นฮ่อมหรือ ต้นคราม จะได้ผ้า
สีเดียวกันตลอดทั้งผืน