1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.38 |
ชื่อ | ตฤณภัท เกตวัลห์ |
เพศ | ชาย |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
อายุ | 55 |
โรค | โรคอาการเส้นเลือดแดงใหญ่แตก |
วันสัมภาษณ์ | 7 กันยายน 2555 |
คุณตฤณภัท: กราบคารวะหมอเขียวผู้ใจดีเป็นผู้ที่ต่อชีวิตให้ผมมา คือผมนี่เคยผ่าตัดมา 3 ครั้ง ครั้งแรกก็คือตอนปี 2552 ตอนนั้นนี่หมอที่ผ่าตัดบอกผมว่า บอกคุณนี่รอดมาได้ยังไงคือโอกาสรอดนี่ไม่ถึง 20 % คือเส้นเลือดแดงใหญ่ผมแตก แตกทั้งตัวตั้งแต่ช่วงคอลงมาถึงข้างล่าง เส้นเลือดแดงใหญ่ก็คือเป็นเส้นเลือดที่ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอันนี้ตอนที่ทำซีทีสแกนนั่นน่ะ หมอบอกว่ามันไม่น่าจะรอดมาได้ขนาดนี้ หลังจากที่หมอผ่าตัดเรียบร้อย ก็ปะเหมือนกับปะท่อ ปะอะไรพวกนี้นะครับ ปะตั้งแต่บนจนยันด้านล่างนี่ก็โอเค ผมก็หมอบอกว่าต้องพยายามรักษาความดันให้อยู่คงที่ไม่ให้สูง การรักษาความดันก็คือ ของหมอก็คือหมอก็ให้ยาผมมา 9 เม็ด คือกินทั้งวันน่ะครับคือตั้งแต่เช้ายันเย็นผมนับได้ประมาณ 9 เม็ดคราวนี้หมอบอกว่า ผมก็ถามหมอบอกว่าผมจะต้องกินยาถึงเท่าไรหมอบอกว่าต้องกินตลอดชีวิต ผมก็รู้สึกว่าถ้ายาดีจริง ๆ นี่ทำไมต้องกินตลอดชีวิตแสดงว่ามันไปกดประสาททำให้ผมนี่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แล้วทีนี้พอผมมาเจอพี่นิดดาที่ทำเรื่องธรรมชาติบำบัดนี่ก็แนะนำผมว่าลองวิธีนี้ไหมมาเข้าค่ายของหมอเขียว ผมก็ตั้งแต่นั้นมาผมก็ตามพี่นิดดามา รวมทั้งหมดก็ 7 ครั้งแล้วครับ คือที่มาบ่อย ๆ นี่เพราะว่าพยายามจะมาต่อชีวิตตัวเองให้อยู่นานที่สุด แล้วแต่ละครั้งนี่ผมมานั่งฟังที่บอกว่า ผมนั่งฟังข้างหลังอยู่ตลอดเวลานี่คือผมพยายามจะเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่หมอเขียวพูด นี่คือแต่ละครั้งที่หมอเขียวมาพูดนี่ก็จะมีความรู้ใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่าหนังสือความลับฟ้าที่คุณหมอเขียนขึ้นมานี่มัน มันมีค่ามากทำให้ผมนี่มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ครับ
จิตอาสา: ค่ะ คุณอาอ๊อดนะคะ เมื่อกี้ยังไม่ได้แนะนำตัว ชื่อจริงนะคะ คือคุณตฤณภัท
คุณตฤณภัท: ชื่อจริง ตฤณภัท เกตวัลห์ ครับผม
จิตอาสา: คุณอาอายุเท่าไรนะคะ
คุณตฤณภัท: อายุ 55 ปีครับ
จิตอาสา: 55 ปี แล้วปัจจุบันยังทำงานไหมคะ
คุณตฤณภัท: ผมทำงานเกี่ยวกับตกแต่งภายใน ตอนนี้ผมปิดบริษัทตกแต่งภายในไปแล้ว แต่ก็ยังทำงานเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์อยู่บ้างนิดหน่อย
จิตอาสา: ค่ะ
คุณตฤณภัท: พยายามจะคือยาเม็ดที่ 8 นะครับ ผมบอกว่าใช้ธรรมะแล้วก็พยายามลดความเครียด ก็คือไปลดความเครียดบางส่วนลงก็เลยพยายามจะทำงานให้น้อยลงครับ
จิตอาสา: แสดงว่าแต่เดิมนี่เส้นเลือดแดงใหญ่ที่บอกว่าแตกน่าจะมาจากความเครียด จากการทำงานเป็นหลักหรือเปล่าคะ
คุณตฤณภัท: ความเครียดจากการทำงานไม่ค่อยมีครับแต่เป็นความเครียดจากการชุมนุมมากกว่า
จิตอาสา: คุณอาเป็นพันธมิตรแล้วก็เลยไปชุมนุม
คุณตฤณภัท: คือตอนอยู่ที่ทำเนียบนะครับเวลาที่ เวลาที่พันธมิตรได้เปรียบเราก็จะรู้สึกว่าความดันเราดีขึ้น แต่เวลาโดนฟ้องคดีนี่ความดันมันตกมันขึ้นสูงเลย
จิตอาสา: อันนี้ต้องดูสาเหตุแต่ละคนให้ดีนะคะ
คุณตฤณภัท: อันนี้ผม ผมค้นพบแล้วครับว่าความเครียดผมมาจากส่วนนี้ครับ
จิตอาสา: สาเหตุอาอันนี้ก็ต้องบอกว่ายังไงคุณอาหาสาเหตุเจอแล้วตอนนี้นะคะ
คุณตฤณภัท: เจอแล้วครับ
จิตอาสา: ก็เลยอ้าวแล้วเมื่อกี้บอกว่าไม่ใช่มาจากงานแต่ปรากฏว่าปิดบริษัท
คุณตฤณภัท: ปิดบริษัทไปเลยครับเพราะว่ามันมีส่วน ส่วนหนึ่งเพราะว่าผมจะเลือกทำงานได้เพราะว่าผมจะเลือกงานที่ไม่ค่อยเครียดมาก เลือกลูกค้าที่คุยกันรู้เรื่องอันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความเครียดก็น้อยลงนะครับ
จิตอาสา: ค่ะ
คุณตฤณภัท: แต่ตอนที่ผมผ่าตัดครั้งแรกนี่อันนั้นคือหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจากสุวรรณภูมิแล้วครับ
จิตอาสา: แสดงว่าผลผ่าตัดนี่มาจากการชุมนุมจริง ๆ 3 ครั้งนะคะ
คุณตฤณภัท: แต่เมื่อเมื่อเดือนที่แล้วก็ยังไปทานข้าวอยู่หน้าสถานทูตอเมริกาอยู่ก็เอาสักนิดหน่อย
จิตอาสา: แล้วที่ได้มาฟังคุณหมอเขียวนี่เริ่มมาตั้งแต่ปีไหนนะคะ
คุณตฤณภัท: ปี 2552 ครับ
จิตอาสา: ตั้งแต่พี่นิดดา ป้านิดดาจัดที่นี่เลยนะคะ
คุณตฤณภัท: ครับที่นี่เลยครับ
จิตอาสา: ก็คือไม่เคยพลาดเลยที่นี่จัดทุกครั้งก็มาทุกครั้งก็นั่งฟังอยู่ข้างหลังทุกครั้ง
คุณตฤณภัท: ครับผม ครับคือคุณนิดดานี่ก็ยังมาฟังอยู่ทุกครั้งเลย คราวนี้ผมก็ต้องคือยา 9 เม็ดนี่ของผมมันอาจจะใช้เวลานานสักหน่อยของบางท่านเขาอาจจะมีบุญเขาอาจจะใช้เวลาไม่นานแต่ผมก็คงใช้เวลานานกว่าเขาหน่อยครับ
จิตอาสา: ค่ะอยากให้คุณอาอ๊อดเล่าว่าการใช้ยา 9 เม็ดใช้อะไร อย่างไรเริ่มจากอย่างไร จนครบบริบูรณ์ 9 เม็ดเมื่อไร อะไรอย่างนี้
คุณตฤณภัท: คือทานอาหารนี่คือก็ทานได้บ้างนะครับ คือทุกวันนี้อาหารเช้าของผมก็คือแกงจืด แกงจืดของผมนี่คือก็คือเหมือน ๆ กับคุณต้มน้ำให้เดือด เสร็จปุ๊บแล้วคุณเอาผักที่คุณต้องการทานน่ะใส่ลงไปแล้วก็ไม่มีเกลือไม่มีซีอิ๊ว ไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณอยากทานตำลึง คุณอยากทานบวบอยากทานปวยเล้งอะไรคุณก็เอาใส่เข้าไป แล้วผมก็กินอย่างนั้นเป็นมื้อเช้าผมทานมาเกือบประมาณเป็นปีแล้วครับก็คือหลังจากนั้นที่ผม เมื่อเล่าเมื่อสักครู่คือตอนที่หมอให้ยา 9 เม็ดผมมาจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นี่ ความดันมันก็ไม่ลดนะครับแต่ผมพอเจอพี่นิดดาที่ชวนมาเข้าค่ายนี่แล้วลองทานสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด แล้วก็ทานผักผลไม้แล้วก็ทานคาร์โบไฮเดรตนี่มันลดลงโดยเห็นชัดเจนเลย แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือมื้อกลางวันนี่เป็นส้มตำเขาเรียกส้มตำหรือเปล่าครับ ที่มีมะละกอสับ ๆ แล้วก็ใส่น้ำมะขาม ผมตอนเข้าค่ายครั้งแรกนี่เดินไปโรงอาหารเขาบอกส้มตำผมก็พยายามจะหานึกว่าเขา ยังทำไม่เสร็จนะครับ ใส่มะละกอแล้วก็มี
จิตอาสา: ใส่มะเขือเทศกับน้ำมะขามเท่านั้น
คุณตฤณภัท: มะเขือเทศกับน้ำมะขามนึกว่าเขายังทำไม่เสร็จนะครับ เขาบอกเสร็จแล้ว นี่แหละส้มตำล่ะ ส้มตำโรงเรียนผู้นำนะ
จิตอาสา: ส้มตำสูตรหมอเขียว ค่ะ แล้วทานแล้วเป็นยังไงคะ
คุณตฤณภัท: ก็คือเวลาทานนะครับ ผมก็มีทริคอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ยังไง ๆ ผมก็คิดว่ามันคงไม่อร่อย แต่เราคิดว่าเราทานแล้วเป็นยา เป็นยารักษาเราต่อชีวิตเรา เราก็โอเคทุกวันนี้ก็จะทานด้วยความเอร็ดอร่อยนะครับ คือจิตมันสั่งครับบอกว่าต้องอร่อย ต้องอร่อย ต้องอร่อยแบบหมอเขียวบอกครับ
จิตอาสา: ค่ะแล้วมื้อเย็นทาน
คุณตฤณภัท: มื้อเย็นเหรอครับ มื้อเย็นนี่ภรรยาผมเป็นคนปั่น ปั่นผักให้ทานคือผักก็คือผักบุ้งแล้วก็ผักปลังแล้วก็ใบบัวบกแล้วก็ใส่สับปะรดไปหน่อยเพิ่มรสชาติ บางทีบางวันก็มีแอปเปิ้ลหน่อย แล้วก็บางทีก็ใส่แก้วมังกรไปนิดหนึ่งให้มี แต่ตอนปั่นไม่ต้องปั่นให้ละเอียดนะครับให้มันมีการขบเคี้ยวบ้าง แล้วเวลาทานนี่คือมีทริคอยู่อย่างหนึ่งควรจะรีบนอนเร็วเพราะว่าทานแป๊บเดียวมันจะหิวเร็วครับถ้าเกิดหิวเร็วนี่มันจะเดินเข้าครัวใหม่ครับ
จิตอาสา: แล้วทานอย่างนี้ทุกวัน
คุณตฤณภัท: ทุกวันครับ
จิตอาสา: เหมือนกันเลยเหรอ
คุณตฤณภัท: ทุกวัน เป็นทุกวัน เป็นทุกวันก็คือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้น่ะครับแล้วบางวันเขาก็จะเปลี่ยนบ้างบางทีก็เป็นผลไม้อย่างเดียวก็จะไม่มีผักมื้อเย็นนะครับ สรุปแล้วก็คือ 3 มื้อก็เป็นแบบนี้นะครับ ตอนเช้าแกงจืด ตอนกลางวันเป็นส้มตำส้มตำแปลก ๆ นี่ครับแล้วก็ผักปั่น ผลไม้อยากทานผลไม้ฤทธิ์เย็นอะไรก็ใส่เข้าไปครับตอนนั้นนะครับ
จิตอาสา: ก็คือทานแต่สูตรฤทธิ์เย็นมีปรับฤทธิ์ร้อนไหมคะ หรือ
คุณตฤณภัท: ฤทธิ์ร้อนก็คือตอนเวลาออกไปด้านข้างนอกครับ เวลาไม่ได้อยู่บ้านต้องออกไปทำงานอะไรพวกนี้ บางทีก็เลือกไม่ได้ก็ติดกล้วยไป 1 หวีบางทีหิวมาก ๆ ก็ทานกล้วยไปก่อนสัก 3-4 ใบพออิ่ม ๆ แล้วมันก็ลืม ๆ ไปครับอันนี้นี่เป็นเป็นสูตรนะครับเป็นสูตร
จิตอาสา: ถ้างั้นก็คือทุกวันนี้ดูแลก็คือใช้ เทคนิคยา 9 เม็ด
คุณตฤณภัท: ยา 9 เม็ดครบแล้วครับผม
จิตอาสา: ทุกข้อ
คุณตฤณภัท: ครบทุกข้อครับ รู้พักรู้เพียรนี่ก็พยายามทำงานน้อยลง แล้วก็ใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะว่าถือว่าชีวิตที่เหลือนี่คุ้มแล้วครับเพราะว่าหลังจากที่คุณหมอบอกว่าผมรอดมาได้ยังไงนี่ ตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตก็คือไปช่วยชาติบ้างครับ
จิตอาสา: พอดีเมื่อเช้าคุณหมอน่าจะได้บรรยายให้พี่น้องฟัง เกี่ยวกับเรื่องคนพอเพียงนะคะ
คุณตฤณภัท: ครับ
จิตอาสา: คุณอาอ๊อดนั่งฟังอยู่แล้วเป็นยังไงคะ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มเข้ากระแสแล้ว เห็นเริ่มปิดกิจการ คุณหมอบอกว่าไม่ต้องทำให้มากทำแค่พอเหลือ พอกิน พอใช้อันนี้คุณอาว่าไงคะ
คุณตฤณภัท: คือผมผมไม่มีลูกครับ ผมอยู่กับภรรยาผม 2 คน ก็มันก็โอเคไม่ต้องทำเพื่อใครแล้วครับ ก็อยู่กัน 2 คนก็มีแล้วทานอย่างนี้ภรรยาผมก็ทานมังสวิรัติตลอดชีวิตอยู่แล้ว ก็มันก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายต่อมื้อต่อวันอะไรอย่างนี้นะครับ ก็ไม่จำเป็นต้องทำมากตอนนี้ก็ยังมีโรงงานเหลือช่างอยู่ประมาณ 6-7 คน อะไรก็ไม่เยอะ ก็ทำนิดหน่อยครับ
จิตอาสา: ค่ะ ตอนนี้ก็คือเข้ากระแสคนพอเพียง เป็นใช้วิถีชีวิตแพทย์วิถีธรรมไปแล้วนะคะ
คุณตฤณภัท: ครับผม
จิตอาสา: ค่ะ แล้วอยากจะเสริมอะไรให้กับพี่น้องอีกไหมคะ ในส่วนของยา 9 เม็ดที่คุณอาอ๊อด คิดว่าใช้แล้วถูกกับตัวเองแล้วปฏิบัติได้ดีค่ะ
คุณตฤณภัท: ถูกกับผมทุกวันนี้ก็คือ เรื่องอาหารน่ะครับผม จริง ๆ ตอนแรกผมคิดว่าคงจะทานได้ยากเพราะว่าชีวิตในกรุงเทพกับต่างจังหวัดก็จะผิดกันนิดหน่อย การเลือกทานอาหาร และการไม่ได้อยู่บ้านทั้งวันนี้มันก็จะค่อนข้างจะลำบากนิดหนึ่ง แค่คราวนี้หมายถึงว่าพอเริ่ม ๆ ทำไปแล้วนี่ผมมาเข้าค่าย 7 ครั้งนี่ผมก็ได้รับบางสิ่งบางอย่างไปปฏิบัติต่อเนื่อง ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ยาก ผมมาฟังหมอเขียวพูดนี่ผมก็ได้กำลังใจไปหลายอย่างนะครับ คือก็ปฏิบัติพยายามปฏิบัติไปเรื่อย ๆ แรก ๆ มันจะยากนิดหนึ่งนะครับ มันจะ บางทีคนก็ บางทีเราไปแนะนำใครก็ลำบาก เราต้องทำให้ตัวเองเป็นตัวอย่างก่อนแล้วก็ถึงจะไปบอกคนอื่นได้ครับ แล้วมาที่นี่ผมรู้สึกว่ามีความสุขคือต้องขอบคุณจิตอาสาทุกท่านที่เอื้อเฟื้อแล้วก็ใจดีมาก ทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเห็นไป เห็นไปเปิดค่ายที่อื่นหลาย ๆ ที่แล้วก็ยังมีเวลามามาดูแลก็ต้องขอบพระคุณมากครับ
จิตอาสา: ค่ะ ก็อันนี้จริง ๆ แล้วทุกอย่างก็คือเพื่อเพื่อพี่น้องทุกท่านนะคะ
คุณตฤณภัท: ครับผม
จิตอาสา: อย่างที่คุณหมอบอกก็คือเราทำทุกอย่างเพื่อผองชนสุดท้ายเราก็ไม่ได้มี ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้วนะคะ
คุณตฤณภัท: ครับผม แล้วก็ผมมีขอเสริมนิดหนึ่ง คือทุกวันนี้เวลาพันธมิตรทุกท่านที่เวลาไปชุมนุมนะครับ จะเห็นเต็นท์รักคุณเท่าฟ้าที่ขายเสื้อ แวะไปได้ครับผมบางทีผมจะอยู่ บางทีภรรยาผมจะอยู่ เสื้อรักคุณเท่าฟ้าไม่แพงนะครับช่วยชาติ ช่วยชาติครับ
จิตอาสา: อันนี้ก็ถ้าใครสนใจก็ติดต่อคุณอาอ๊อดข้างหลังเวทีเลยแล้วกันนะคะ ถ้ายังไงคุณอาสรุปเกี่ยวกับยา 9 เม็ดเลย หรือว่าจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องน้ำปัสสาวะก็ได้ เพราะว่ารู้สึกว่าอันนี้จะเป็นเม็ดเด็ด อยากให้คุณอาเล่าว่าตัวเองมีกลวิธีในการที่จะใช้ตัวนี้อย่างไรบ้างคะ
คุณตฤณภัท: ยา 9 เม็ดนี่ท่านคงจะทราบหมดแล้วนะครับ คราวนี้ผมขอคุยเรื่องน้ำปัสสาวะนิดหนึ่ง น้ำปัสสาวะนี่ผมทานมาดื่มมาประมาณปีนึงแล้วครับ ก็แรก ๆ นี่ของผมจะมีเอฟเฟคนิดหนึ่งคือ เหมือนกับมันระบายพิษออกด้านหลังนี่จะคันมากเลย แล้วก็จะเป็นผื่นเป็นอะไรพวกนี้ แต่มันอย่าไปตกใจนะครับ สักพักหนึ่งนี่มันก็จะเริ่มหาย ๆ จางไปแล้วก็จะเป็นรอยดำ ๆ ก็ไม่ต้องไปตกใจ แล้วมันก็ค่อย ๆ จางไปเรื่อย ๆ คราวนี้คนที่เพิ่งเริ่มกินน้ำปัสสาวะใหม่ ๆ นี่ก็คืออาจจะเหม็นกลิ่นยูเรียนิดหนึ่งนะครับ อันนี้ก็มีทริคอยู่อย่างหนึ่งก็คือผมนำไปแช่ตู้เย็นนะครับ ตู้เย็นเสร็จปุ๊บแต่ต้องทำอย่างหมอเขียวบอกนะครับต้องติดป้ายด้วยนะครับว่าเป็นอะไรเป็นอะไรนะครับ คราวนี้พอติดทิ้งไว้สักประมาณสักชั่วโมงหนึ่งกลิ่นมันจะหาย พอกลิ่นมันจะหายแล้วทีนี้คุณก็จะดื่มได้สบายส่วนผมนี่ก็คือผสมน้ำย่านางคือต้องการก็คือได้ 2 อย่างเลย 2 in 1 ก็คือน้ำย่านางด้วย ได้ปัสสาวะด้วยแล้วก็ ยูโรไคเนส (Urokinase) ที่ไปละลายลิ่มเลือดแทนไอ้ตัวพลาวิก (Plavix) ยาที่คนยังทานอยู่ทุกวันนี้ พลาวิกที่คุณหมอตามโรงพยาบาลให้มานี่ เม็ดหนึ่งมันแพงมากแต่ของเรานี่มันอยู่กับตัวเรา สามารถนำมาใช้ได้ ตอนแรก ๆ ก็อาจจะทานประกอบกันไป แต่พอทานไปเรื่อย ๆ นี่ยาก็คงงดไม่ต้องทาน
พลาวิกได้ครับ อันนี้เป็นทริคของการดื่มน้ำปัสสาวะ แล้วถ้าเกิดใครชอบให้มันเย็น ๆ มาก ๆ ก็ทิ้งไว้ให้แข็งหน่อยก็กลายเป็นไอติมไอติมปัสสาวะไปเลยครับ
จิตอาสา: ได้ไอศครีมสูตรใหม่ ถ้าอย่างนี้ทุกวันนี้คุณอาไม่ต้องกินยา 9 เม็ดที่หมอให้แล้วใช่ไหมคะ
คุณตฤณภัท: ยา 9 เม็ดนี่ลด ลดไปบางส่วนครับเพราะว่าภรรยาผมยังจ้องอยู่ยังกลัวผมตายอยู่ก็เลยอยากจะให้ทานยานั้นไปก่อนบางส่วน ผมลดไปเยอะแล้วครับ
จิตอาสา: ก็ค่อย ๆ ลดจากยา 9 เม็ดมารับเทคนิค 9 ข้อหรือยา 9 เม็ดของแพทย์วิถีธรรมแทนนะคะ
คุณตฤณภัท: ยา 9 เม็ดของแพทย์วิถีธรรม ใช่แล้วครับผม
จิตอาสา: ค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ หรือบทตัวอย่างนะคะ ที่คุณอาก็รอดชีวิตมา
ต่อชีวิตด้วยแพทย์วิถีธรรมนะคะ ถ้าพี่น้องท่านใดอยากปรึกษาคุณอาอ๊อดก็เชิญได้หลังเวที คุณอานั่งประจำข้างหลังนี่เลยนะคะ ค่ะขอบพระคุณคุณอามากเลยนะคะ
คุณตฤณภัท: ขอบพระคุณพันธมิตรทุกท่านครับสวัสดีครับ