คุณ จินปวดมาก “อยู่ที่นิวยอร์คค่ะ ป่วยมากเลยนะคะ ตั้งแต่ก่อนท้องน่ะค่ะ จนกระทั่งไปตรวจว่าตั้งท้องหมอก็แนะนำให้ทำแท้ง เพราะว่ามีทูเมอร์ (tumor) อยู่ในมดลูกใหญ่มากประมาณ 16.5 เซ็นติเมตรแล้วก็ที่อื่นที่เจ็บปวดมามาก ๆ ก็จะมีที่กระดูกเต้านม เต้านมจะมีซีสต์ 22-23 เม็ด แล้วก็ที่รักแร้กับขาหนีบนี่ก็จะบวม เท่าลูกมะนาวค่ะ มะนาวบางทีก็มะนาวเขียวบางทีก็มะนาวเหลือง และมีก้อนเนื้องอกที่ตับด้วย แต่ด้วยกรรมมั้งคะ ทำให้หมอพินิจพิเคราะห์โรคนี้อยู่หลายปี ก็ตีไม่ออกว่าเป็นโรคอะไร ทานยาจนป่วยจะตายอยู่แล้ว จนกระทั่งเขาก็ให้หมอจิตวิทยามาคุยกับเรา ทำนองว่าเราต้องทำใจนะ เราก็บอกว่าทำใจเรื่องอะไร เราเป็นมะเร็งใช่ไหม ไม่เห็นจะยากเลยง่าย ๆ เอง แค่มะเร็งเอง เขาก็บอกว่าเราเป็นโรคประสาทไปแล้ว ก็ให้หมอโรคทาง Nerve น่ะมาคุยกับเราอีก หมอจิตวิทยาไปแล้วก็หมอประสาทมาอีก เหมือนกับว่าเราปวดเราเป็นจนเราประสาทไปแล้วอะไรอย่างนี้ เสร็จแล้วก็จะให้รักษาทางนี้ ก็คือให้ไปเอาชิ้นเนื้อออกมาแล้วถ้าไม่งั้นก็คือผ่าตัดตรงนู้น ตรงนี้อย่างนี้ ก็บอกว่าไม่เอาไม่ทำ ไม่ทำสักอย่างเลย ก็มานอนอยู่บ้าน ก็นอนป่วยลุกขึ้นมา
แล้วก็ป่วยลุกขึ้นมาอย่างนั้นน่ะ เป็นปี ๆ ค่ะ
เราไม่เชื่อว่าคีโมทำให้คนหายเพราะถ้าหายคนคงไม่ตายมากขนาดนี้ แล้วเราก็ไม่อยากทรมานเพราะเราเห็นคนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาทางนี้ทรมานมากเลย แค่เขาเอากล้องส่องไปที่ก้นที่ปากเรานี่ เราก็ทรมาน ทรมานมาก ซึ่งเขาก็ช่วยเราเต็มที่ เอายาเบลอ ๆ มาให้เราดมแต่เราก็รู้สึกอยู่ว่า มันทรมาน เราก็บอกไม่เอา ไม่เอาก็มานอนอยู่บ้าน เสร็จแล้วปรากฏว่าป่วยมากจนไม่รู้จะทำยังไง จนต้องอดข้าว อดข้าวแล้วก็อดข้าว 2-3 วันก็ลุกขึ้นมาได้ เราก็สงสัยมันคืออะไรกันแน่ แต่เราต้องมีวิธี แต่ใจลึก ๆ นี่รู้เลยว่าในโลกใบนี้จะต้องมีหมอคนหนึ่งที่เก่งที่สุดแล้วพาเราไปรักษาทางที่มันถูกต้องคือทางธรรมชาติแล้วจะต้องมีแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร นึกอยู่อย่างนั้นมาหลายปี แล้วเสร็จจนกระทั่งคลอดลูกออกมา หมอดีใจมากเลย เพราะว่าสงสัยเขากินทูเมอร์ซะเรียบ ฉลาดแล้วก็สมบูรณ์หมดเลย
หลังจากนั้น มีหลวงลุงโทรมาบอกว่าได้ยินข่าวว่ามีหมอคนหนึ่งชื่อหมอเขียว อยู่ที่มุกดาหาร รักษาโดยธรรมชาติ ก็มาบอกสามีให้พาไป ก็หามกันไปนะคะ ทีนี้ท้องมันก็ไปบวมบนเครื่องบิน คือเรียกว่าซีสต์ ตอนลงต้องหิ้วลง เพราะว่ามันบวมมาก ลงไปก็ไปนอนพัก นอนพักแล้วก็รีบขึ้นเครื่องไปลงอุดรธานี เพื่อนก็เอารถมารอรับ ไปถึงก็สะโหรสะเหรหามไปเลยค่ะ หามไปแล้วก็ไปนอนอยู่ ก็เห็นคนเต็มเลย ไปนั่งนั่งดู นั่งก็ไม่ไหวก็นอน นอนดู นอนดูเสร็จแล้วก็ฟัง ฟังไปเรื่อย ๆ ฟังธรรมะหมอเขียวนี่ค่ะ ฟังไปแล้วก็พิจารณาตามไปเรื่อย ๆ จนเข้าใจเลย จนเข้าใจแล้วก็เริ่มทำ เพื่อน ๆ ที่ไปเขาก็ช่วยกัวซา ลงมือพอกท้อง ทำอะไรกันใหญ่เลยทั้ง 9 อย่างนี่ ทำกันทั้งวันเลย ทำจนเราสบายไปเลย เดี๋ยวก็หลับ หลับไปเสร็จเขาก็ทำอยู่นั่นน่ะ พอเราตื่นมาเขาก็ยังทำอีก ทำอยู่อย่างนั้นน่ะ2 วัน พอวันที่ 3 เช้ามานี่เราเริ่มเดินบนหญ้าได้ เราก็ไปเดินบนหญ้าไปพักที่รีสอร์ทใกล้ ๆ ค่ะ เดินที่รีสอร์ทเขาจะมีสนามหญ้า ก็ไปเดินตั้งแต่ตี 5 เดินเสร็จก็มาทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่ (ดีท็อกซ์) ด้วยปัสสาวะกับน้ำย่านาง 2 ครั้ง วันหนึ่งจะดีท็อกซ์ประมาณ3 ครั้ง 6 ขวด เช้า กลางวัน เย็น ครั้งละ 2 ขวดเสร็จแล้วก็ไปเดิน เดินเสร็จมีความรู้สึกว่า โอ้โห มันสดชื่นมากเลย
เสร็จแล้วก็ไปกดจุดค่ะไปกดจุด ในขณะที่กดเนี่ยกดไปด้วยแล้วก็ฟังไปด้วย ในขณะที่กดแล้วก็ฟังไปด้วย มันเหมือนกับว่าตัวเรา มีอะไรบางอย่าง พลังอะไรไม่รู้มหาศาลเลย มหาศาลมากเลยแบบเป็นคลื่นสว่างไสวใส ๆ สว่าง ๆ วิ่งเข้ามาที่ตัวเรานี่ แล้วเหงื่อก็ออก เหงื่อเม็ดเท่านิ้วโป้งนี่ออกเต็มตัวเราจนเปียกไปหมดเลยสักพัก สัก 2 ชั่วโมง พอกดจุดเสร็จหายเลย หายเหมือนเราไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนอย่างนั้นนะคะ มันโล่งไปทั้งตัวเลยอย่างนั้นน่ะ เข้าใจหมดทุกอย่างที่หมอเขียวพูดมาสองสามวันนี้ค่ะ เข้าใจหมดเลย แล้วก็มีความรู้สึกว่าถ้าหากว่าใจเราได้เข้าใจธรรมะอย่างถ่องแท้นะคะ หมายถึงเข้าใจร่างกายของเราอย่างถ่องแท้ เราก็จะสามารถที่จะทำตาม 9 เม็ด โดยที่ไม่มีอะไรติดขัดเลย ทำไปเรื่อย ๆ เลยอย่างนั้นน่ะ ทั้งการพอกการอะไรนี่ ดูดพิษดูดอะไรมันดูดจริง ๆ พอพอกไปนี่มันก็ดูดพิษดูดออกจริง ๆ ความรู้สึกมันสัมผัสได้เลยว่ามันดูดตุบ ๆ ตุบ ๆ ออกอย่างนี้ ดูด ๆ ออกเลย แล้วก็การกดจุดก็เหมือนกัน มันออกมาตามปลายนิ้วตามอะไรค่ะ มันออกจริง ๆ เลยนะคะกดจุดก็กดเข้าไปในต่อมน้ำเหลืองนี่ก็ยุบไปเลยค่ะ
วิธีที่ตัวเองได้รู้ว่า ยา 9 เม็ดนี่จะทำให้เราหาย แล้วเราก็หายจริง ๆ เชื่อมั่นอย่างนั้นจริง ๆ เราก็ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะบอกกับใครก็ได้ที่เป็น กลับมาถึงนิวยอร์คก็บอกคนเลยค่ะ”