1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.63 |
ชื่อ | คุณกระทือ (นามสมมติ) |
เพศ | หญิง |
อายุ | 45 ปี |
โรค | โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร |
วันสัมภาษณ์ | 6 พฤศจิกายน 2557 |
กระทือ: ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเมื่อ 23 ธันวาคม 2556 ณ โรงพยาบาลอุบล ผ่าตัด ๆ แล้วก็ยังออกไม่ได้ ก็ทำอะไรไม่ได้ก็เย็บติดแล้วก็นัด ๆ ไปศิริราช ก็ตัดสินใจไม่ไป ก็คือผ่าตัด 3 เดือน เขาไม่ให้คีโม เขาให้คำแนะนำแล้วก็ไม่ไป เพราะเป็นที่กระเพาะเขาบอกว่ากระเพาะมันเหลือน้อย ถ้าให้คีโมนี่ไม่รอดแน่นอน คิดว่าเพราะเราก็เรียนสายนี้อยู่แล้วก็เลยไม่ไป ก็เลยตัดสินใจแพทย์ทางเลือก เราก็หาสมุนไพรหาอะไรมากินเกือบปีนับแต่มกราคมที่เราเป็นที่เริ่มผ่าตัด กินสมุนไพรกินไปเรื่อย ๆ จิตเขาก็บอกว่าดี เขาก็ดีอยู่หรอก แต่เราอาจจะไปเร่งมันทำให้เกิดเราไม่รู้น้อ ว่ามันมีพิษร้อนพิษเย็นอะไรมันก็เลยอ๊วก ๆ เป็นเดือน อ๊วกกินอะไรไม่ได้เลย น้ำไหลออกปากออกจมูกนี่แหล่ะที่น้ำหนักลดมากก็คือช่วงกรกฎาคมนี่แหล่ะ ที่น้ำมันไหลออกนั่งเฉย ๆ ก็ไหล
จิตอาสา: ไหลจากไหนคะ
กระทือ: ไหลออกจากท้องนี่แหล่ะออกปากออกจมูก
จิตอาสา: อ๋อมันดันออกมานะ มันออกมามันเปรี้ยวไหมคะ
กระทือ: เปรี้ยวค่ะ
จิตอาสา: โอโหความเป็นกรดสูงคงทรมานมาก ขมไหมคะ
กระทือ: มันเปรี้ยวนะมันรู้สึกว่าเปรี้ยวเป็นกรดแสบคอแสบอะไรก็เลยหยุดยา ก็มาได้ยาสมุนไพรอีกตัวหนึ่งก็รู้สึกว่าดีขึ้นอยู่แต่ปัญหาก็คือนานไปมันก็มีท้องมานขึ้นมานี่แหล่ะ
จิตอาสา: ตอนกินเห็ดหลินจือนี่กินตอนไหนคะ
กระทือ: กินเยอะมากมันเป็นแคปซูลตอนนั้นก็คิดว่ามันโอเคมันจะกวาดโรคกวาดอะไรนะ ทีนี้เราก็เลยมีท้องมานมีอะไรนี่แหล่ะก็เลยอึดอัดก็หาทาง ก็เลยคุยกับน้องที่เรียนมาด้วยกันเขาก็เลยบอกว่าไปหา ก็เลยถามเบอร์หมอเขียวว่ามีเบอร์หมอเขียวไหม เขาก็เลยหาให้พอดีเพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันเป็นหมอน่ะ เขาก็เลยมีเบอร์หมอเขียว เขาก็เลยหาให้ก็เลยได้ติดต่อกันหมอเขียว ก็กรุณานะเขาก็รับโทรศัพท์ตอนแรกก็ได้เบอร์ของเลขาตอนนั้นเขาอาจจะยุ่งก็เลยไม่ได้รับ ก็เลยโทรหาเบอร์โทรโดยตรง ก็เลยได้คุยกันได้ปรึกษากัน ตอนแรกก็แนะนำให้เอาน้ำย่านางแช่ท้องก็ทำ แล้วประคบท้องประคบเย็นมันร้อนไง หมอเขียวบอกว่ามันเป็นอาจจะร้อนร่างกายเรามันร้อนในอะไรนี่เราก็ประคบ ๆ แล้วก็ยังมันก็ยังอึดอัดอยู่เสร็จแล้วก็ถามหมอเขียว ๆ บอกว่าก็มีอบรมมีเข้าค่ายก็เลย คิดอยู่หลายวันอยู่นะไม่รู้ว่าไปไหวไหม ก็ตัดสินใจอีกคืนหนึ่งและตัดสินใจว่าจะไปยังไงก็จะไปก็เลยตัดสินใจโทรหาหมอเขียว ก็จะเดินทางแล้วนะไปละ เพราะว่าคุยกับหมอเขียวว่ายังไงก็ตัดสินใจแพทย์ทางเลือกไว้แล้วยังไงก็มีทางเลือก 2 ทางไง จะไปโรงพยาบาลหรือจะไปทางเลือก เพราะมีน้องเป็นแพทย์ด้วยอยู่ที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ (อุบลราชธานี) ว่าจะไปเจาะ ๆ ก็คงเหมือนเดิม เพราะว่าเราอยู่สายนี้ เราก็รู้ว่ามันต้องเจาะต้องเอาออกก็เลยตัดสินใจเอาแพทย์ทางเลือกเราเลือกทางนี้อยู่แล้ว เราก็พิจารณาเป็นตายอย่างไรก็ต้องมาเราก็เลยตัดสินใจมา ก็มาก็มาคุยกับหมอก็โอเคนะ คุยแล้วก็สบายใจอาจอยู่ที่ใจเราก็ได้ เราสบายใจด้วยที่ได้คุยกับเขา
จิตอาสา: นับตั้งแต่ที่ได้คุยโทรศัพท์กับหมอแล้วหมอแนะนำให้ทำตอนนั้นประมาณเดือนอะไรคะ
กระทือ: ยั้งยังได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง พี่ดาก็ราว ๆ อาทิตย์หนึ่งนี่แหล่ะยังไม่ถึงอาทิตย์
จิตอาสา: ประมาณต้นเดือน
กระทือ: มันประมาณ 2-3 วันก็มา สวน (ทวาร) 2 วัน เอ่อแกให้สวนเช้าเย็น
(ผู้ดูแล) ตอนแรกก็ว่าจะไม่ได้มา เพราะกลัวว่าจะมาไม่ถึงแต่ตัวแกก็บอกว่าอยากจะมา อยากดูด้วย
จิตอาสา: รู้สึกก่อนมาก็ได้เรียนรู้ประคบร้อนประคบเย็น
(ผู้ดูแล) แล้วก็ดีท็อกซ์ แกให้ดูยูทูป
จิตอาสา: หลักสูตรเร่งรัดนะนี่ ไม่กี่วันเอง
กระทือ: ก็ฟังแกฟังในยูทูปนั่นแหล่ะ
จิตอาสา: แล้วหลังจากที่มาตั้งแต่วันแรก ที่มาที่นี่แล้วก็ได้ทำโน่นทำนี่ทำนั่น ได้กินอาหารปรับสมดุล เอ่อความรู้สึกทางด้านร่างกายนะคะ สภาพร่างกายกับจิตใจนี่มันเป็นยังงัยบ้างเอาสภาพจิตใจก่อนว่าเออนี่เราเลือกแพทย์ทางเลือกแล้วเป็นอย่างไรคะ หรือคิดว่าเลือกถูกไหม
กระทือ: คือมันใจมาอยู่แล้วใจมา 100 เปอร์เซ็นต์
จิตอาสา: แล้วเรื่องของสภาพร่างกายล่ะคะที่แบบ เช่น อาหารมากินอาหารแบบนี้แบบเต็มสูตร
กระทือ: ร่างกาย ๆ ยังไม่เท่าไหร่ ๆ เพราะเราเพิ่งมากินนะ เพราะเรากินได้น้อยด้วยถ้าเรากินได้เยอะก็คิดว่าเราคงได้เยอะกว่านี้ เพราะพี่กินน้ำนะได้ทีละจิบทีละอึก ๆ เอง คิดว่านะที่ปรับสภาพได้ช้าก็อาจเป็น เพราะว่าเรากินได้น้อย ดื่มฉี่ของเรา ดีท็อกซ์ก็ใช้ฉี่เรา แหล่ะดีท็อกซ์
จิตอาสา: ณ วันแรกที่มาค่ะ อาการที่รู้สึกไม่สบายคือท้องบวมโตแข็งอึดอัดนอนไม่ได้
กระทือ: ใช่ ใช่
จิตอาสา: แล้วมาอยู่ซักประมาณวันที่เท่าไหร่ท้องมันถึงรู้สึกคลายลงรู้สึกว่านอนได้ค่ะ
กระทือ: วันที่ 3 นะรู้สึกวันที่ 3 เริ่มดีขึ้นเริ่มคลายเริ่มได้นอน วันแรกอาจเป็นเพราะเราเดินทางมันขย้อน มันอะไรมันเลยร้อน
จิตอาสา: มันกระแทก
กระทือ: ใช่
จิตอาสา: แล้ววันหนึ่งดีท็อกซ์กี่ครั้งคะ
กระทือ: เช้าเย็นค่ะ
จิตอาสา: แล้วได้ทำซ้ำไหมคะ
กระทือ: ไม่ได้ทำซ้ำทำทีละ 500 ซีซี
จิตอาสา: สามารถทำซ้ำได้ถ้าร่างกายพร้อมนะ และมีแรงก็ทำได้ แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าการทำซ้ำกับการไม่ทำซ้ำอย่างไหนสบายกว่ากันเปรียบเทียบได้ค่ะ ปกติที่ผ่านมาคุณหมอจะสอนคนไข้ที่เป็นมะเร็งว่า ให้ดีท็อกซ์ให้จำนวนครั้งมากที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้และไม่เพลีย
กระทือ: อ๋อ ทำซ้ำอีกเอาออกก่อนแล้วก็ทำซ้ำอีก
จิตอาสา: การทำดีท็อกซ์ร่างกายจะดึงความร้อนออกจากร่างกายได้มากและเร็ว และถ้าเราขยันทำนี่ ความร้อนออกเร็วเท่าไหร่โอกาสที่มันจะฟื้นก็จะเร็ว วันที่อากาศร้อนเราก็ใช้น้ำธรรมดาเหมือนเดิมนี่แหล่ะ แต่ในวันที่อากาศหนาวเย็น เราก็อาจต้องกดน้ำร้อนใส่ลงไป ไม่งั้นก็จะหนาว ถ้าอากาศหนาวการดีท็อกซ์เป็นการดึงความร้อนออกจากร่างกายก็จะยิ่งหนาวดังนั้นแก้ไขด้วยการกดน้ำร้อนใส่ก็จะสบายเหมือนเดิม
กระทือ: ก็ไม่กังวลแล้วล่ะเหมือนหมอเขียวว่าแหล่ะ
จิตอาสา: พรุ่งนี้จะมาถ่ายรูปดูพัฒนาการ แล้วก็ทำให้คนเขาที่ไม่สบายไม่มีกำลังใจ ว่านี่ไงที่เขาผอมแห้งขนาดนี่นะแต่กำลังใจเขาได้ สำคัญที่กำลังใจนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่นะคะ
กระทือ: ค่ะ