1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.14 |
ชื่อ | อรรถวรรณ หงอสุวรรณ |
เพศ | หญิง |
ประเทศ | รัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา |
โรค | โรคเนื้องอกที่มดลูก ที่ตับ ซีสต์ที่เต้านม |
วันสัมภาษณ์ | 25 กันยายน 2557 |
อยู่ที่นิวยอร์คค่ะ ป่วยมากเลยนะคะ ตั้งแต่ก่อนท้องน่ะค่ะ จนกระทั่งไปตรวจว่าท้องหมอก็แนะนำให้ทำแท้งเพราะว่ามีทูเมอร์ (Tumor) อยู่ในมดลูกใหญ่มาก ประมาณ 16.5 เซ็นติเมตร แล้วก็ที่อื่นที่เจ็บปวดมามาก ๆ ก็จะมีที่กระดูก เต้านม เต้านมจะมีซีสต์ 22-23 เม็ด แล้วก็ที่รักแร้กับขาหนีบนี่ก็จะบวมเท่าลูกมะนาวค่ะ มะนาวบางทีก็มะนาวเขียวบางทีก็มะนาวเหลือง และมีเนื้องอกที่ตับ แต่หมอเนี่ย ด้วยกรรมมั้งคะ ทำให้หมอเนี่ยพินิจพิเคราะห์โรคนี้อยู่หลายปีก็ตีไม่ออกว่ามันโรคอะไร ทานยาจนป่วยจะตายอยู่แล้ว แล้วก็ไปรักษา ไม่มีเครื่องมือแพทย์ชนิดไหนที่ไม่เคยไปตรวจในนิวยอร์คนะคะ เยอะมากตรวจทุกชนิดเลยจนกระทั่งเขาก็ให้หมอจิตวิทยามาคุยกับเราทำนองว่าเราต้องทำใจนะ ต้องอะไรนะ เราก็บอกว่าทำใจเรื่องอะไรเราเป็นมะเร็งใช่ไหม ไม่เห็นจะยากเลยง่าย ๆ เองแค่มะเร็งเองเขาก็บอกว่าเราเป็นโรคประสาทไปแล้ว ก็ให้หมอโรคทาง Nerve มาคุยกับเราอีก หมอจิตวิทยาไปแล้วก็หมอประสาทมาอีก เหมือนกับว่าเราปวดเราเป็นจนเราประสาทไปแล้วอะไรอย่างนี้ เสร็จแล้วก็จะให้รักษาทางนี้ ก็คือให้ไปเอาชิ้นเนื้อออกมา ถ้าไม่งั้นก็คือผ่าตัดตรงนู้นตรงนี้อย่างนี้ก็บอกว่าไม่เอาไม่ทำไม่ทำสักอย่างเลย ก็มานอนอยู่บ้าน ก็นอนป่วยลุกขึ้นมาแล้วก็ป่วยลุกขึ้นมาอย่างนั้นเป็นปี ๆ ค่ะ
เราไม่เชื่อว่าคีโมทำให้คนหาย เพราะถ้าหายคนคงไม่ตายมากขนาดนี้ แล้วเราก็ไม่อยากทรมานเพราะเราเห็นคนที่เป็นมะเร็ง แล้วรักษาทางนี้ทรมานมากเลยแค่เขาเอากล้องส่องไปที่ก้นที่ปากเรานี่ เราก็ทรมาน ทรมานมาก ซึ่งเขาก็ช่วยเราเต็มที่เอายาเบลอ ๆ มาให้เราดม แต่เราก็รู้สึกอยู่ว่ามันทรมานเราก็บอกไม่เอาไม่เอาก็มานอนอยู่บ้าน เสร็จแล้วปรากฏว่าป่วยมากจนไม่รู้จะทำยังไง จนต้องอดข้าว อดข้าวแล้วก็อดข้าว 2-3 วันก็ลุกขึ้นมาได้ เราก็สงสัยมันคืออะไรกันแน่ แต่เราต้องมีวิธี แต่ใจลึก ๆ นี่รู้เลยว่าในโลกใบนี้จะต้องมีหมอคนหนึ่งที่เก่งที่สุด แล้วพาเราไปรักษาทางที่มันถูกต้องคือทางธรรมชาติ แล้วจะต้องมีแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร นึกอยู่อย่างนั้นมาหลายปีแล้วเสร็จจนกระทั่งคลอดลูกออกมา หมอดีใจมากเลย เพราะว่าสงสัยเขากินทูเมอร์ซะเรียบฉลาดแล้วก็สมบูรณ์หมดเลย
หลังจากนั้น มีพระหลวงลุงโทรมาบอกว่า ได้ยินข่าวว่ามีหมอคนหนึ่งชื่อหมอเขียว อยู่ที่มุกดาหาร รักษาโดยธรรมชาติก็มาบอกสามีให้พาไป พอไปปุ๊บ ก็หามกันไปนะคะ ทีนี้ท้องมันก็บวม ตอนลงเครื่องบินต้องหิ้วลงเพราะว่ามันบวมมาก ลงไปก็ไปนอนพักนอนพักแล้วก็รีบขึ้นเครื่องไปลงอุดรธานี เพื่อนก็เอารถมารอรับ ไปถึงก็สะโหรสะเหรหามไปเลยค่ะ หามไปแล้วก็ไปนอนอยู่ก็เห็นคนเต็มเลย ไปนั่งนั่งดูนั่งก็ไม่ไหวก็นอน นอนดู นอนดูเสร็จแล้วก็ฟังฟังไปเรื่อย ๆ ฟังธรรมะหมอเขียวนี่ค่ะ ฟังไปแล้วก็พิจารณาตามไปเรื่อย ๆ จนเข้าใจเลยจนเข้าใจ แล้วก็เริ่มทำ เพื่อน ๆ ที่ไปเขาก็ช่วยกัวซา ลงมือพอกท้อง ทำอะไรกันใหญ่เลยทั้ง 9 อย่างนี่ ทำกันทั้งวันเลย ทำจนเราสบายไปเลย เดี๋ยวก็หลับ หลับไปเสร็จเขาก็ทำอยู่นั่นน่ะ พอเราตื่นมาเขาก็ยังทำอีกทำอยู่อย่างนั้นน่ะ 2 วันพอวันที่ 3 เช้ามานี่ เราเริ่มเดินบนหญ้าได้ เราก็ไปเดินบนหญ้าไปพักที่รีสอร์ทใกล้ ๆ ค่ะ เดินที่รีสอร์ท เขาจะมีสนามหญ้า ก็ไปเดินตั้งแต่ตี 5 เดินเสร็จก็มาทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่ (ดีท็อกซ์) ด้วยปัสสาวะกับน้ำย่านาง 2 ครั้ง วันหนึ่งจะดีท็อกซ์ ประมาณ 3 ครั้ง 6 ขวดเช้า กลางวัน เย็น ครั้งละ 2 ขวด เสร็จแล้วก็ไปเดิน เดินเสร็จมีความรู้สึกว่า โอ้โห มันสดชื่นมากเลย
เสร็จแล้วก็ไปกดจุดค่ะไปกดจุด ในขณะที่กดเนี่ย กดไปด้วย แล้วก็ฟังไปด้วยในขณะที่กดแล้วก็ฟังไปด้วย มันเหมือนกับว่าตัวเรา มีอะไรบางอย่าง พลังอะไรไม่รู้มหาศาลเลย มหาศาลมากเลย แบบเป็นคลื่นสว่างไสวใส ๆ สว่าง ๆ วิ่งเข้ามาที่ตัวเรานี่ แล้วเหงื่อก็ออก เหงื่อเม็ดเท่านิ้วโป้งนี่ออกเต็มตัวเราจนเปียกไปหมดเลยสักพัก สัก 2 ชั่วโมง พอกดจุดเสร็จ หายเลย หายเหมือนเราไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนอย่างนั้นน่ะค่ะ มันโล่งไปทั้งตัวเลยอย่างนั้นน่ะ เข้าใจหมดทุกอย่างที่หมอเขียวพูดมาสองสามวันนี้ค่ะ เข้าใจหมดเลย แล้วก็มีความรู้สึกว่า ถ้าหากว่าใจเราได้เข้าใจธรรมะอย่างถ่องแท้นะคะ หมายถึงเข้าใจร่างกายของเราอย่างถ่องแท้ เราก็จะสามารถที่จะทำตาม 9 เม็ด โดยที่ไม่มีอะไรติดขัดเลยทำไปเรื่อย ๆ เลยอย่างนั้นน่ะ ทั้งการพอก การอะไรนี่ ดูดพิษดูดอะไรมันดูดจริง ๆ พอพอกไปนี่มันก็ดูดพิษ ดูดออกจริง ๆ ความรู้สึกมันสัมผัสได้เลยว่ามันดูดตุบ ๆ ตุบ ๆ ออกอย่างนี้ ดูด ๆ ๆ ออกเลย แล้วก็การกดจุดก็เหมือนกัน มันออกมาตามปลายนิ้ว ตามอะไรค่ะ มันออกจริง ๆ กดจุดก็กดเข้าไปในต่อมน้ำเหลืองนี่ก็ยุบไปเลยค่ะ
วิธีที่ตัวเองได้รู้ว่ายา 9 เม็ดนี่จะทำให้เราหาย แล้วเราก็หายจริง ๆ เชื่อมั่นอย่างนั้นจริง ๆ เราก็ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะบอกกับใครก็ได้ ที่เป็นโรค กลับมาถึงนิวยอร์คก็บอกคนเลยค่ะ