2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.22 |
ชื่อ | นางสาวกิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา |
เพศ | หญิง |
อายุ | 54 ปี |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
โรค | โรคเอสแอลอี (SLE) |
วันสัมภาษณ์ | 15 มิถุนายน 2556 |
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ชื่อ กิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา นะคะ ก็เป็นผู้ป่วยที่มาเข้ารับการอบรมเหมือนทุกท่านในที่นี้แหละค่ะ เป็นเหมือนผู้ป่วย
จิตอาสา: เมื่อสักกี่ปีแล้ว
คุณกิ่งแก้ว: เมื่อสัก 6 ที่แล้ว
จิตอาสา: 6 ปีที่แล้วนะครับนี่ 6 ปีที่แล้ว
คุณกิ่งแก้ว: 6 ปีที่แล้วค่ะ
จิตอาสา: ครับ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ 6 ปีที่แล้วก็เข้าค่ายหมอเขียวนี่ไม่ได้มาเข้าเมืองกาญจน์ แล้วไม่ได้มาเหมือนนอนรีสอร์ทอย่างนี้นะคะ ก็ต้อง
จิตอาสา: ไปสมบุกสมบันหน่อย
คุณกิ่งแก้ว: ก็ต้องไปเข้าค่ายที่จังหวัดตรังค่ะ ก็ไปพักที่ทะเลธรรมค่ะ แล้วก็ในระหว่างไปก็ด้วยความที่เป็นคนอยู่บ้านเคยสะดวกสบายนอนห้องแอร์นะ แล้วก็ไม่เคยต้องไม่เคยต้องจากบ้านไปไหนโดยที่ไม่มีครอบครัวไปด้วย
จิตอาสา: นะครับ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ต้องมีครอบครัวไปด้วย มีพี่น้องไปด้วยหรือว่าครอบครัว คนในครอบครัวแต่วันนั้น
จิตอาสา: สาเหตุสาเหตุที่ทำให้ต้องไป
คุณกิ่งแก้ว: สาเหตุที่ต้องไปครอบครัวก็ไม่เคยปล่อยเราเหมือนกัน แต่สาเหตุที่ต้องไปเพราะว่าครอบครัวคงจะไม่มีทางเลือก
จิตอาสา: ใช่ถึงทางตันแล้ว
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ เพราะว่าครอบครัวคงจะไม่มีทางเลือก เพราะว่าตอนนั้นตัวเองป่วย แล้วก็ได้รับการรักษาในแผนปัจจุบัน รักษาอยู่สักระยะหนึ่งก็มันเหมือนกราฟมันพุ่งลงค่ะ มันได้ข่าวดีแทบทุกสัปดาห์ทุก 2 สัปดาห์ค่ะ ตอนแรกก็เริ่มไปปวดข้อปวดกระดูกเราก็ต้องรักษาหมอโรคกระดูกโรงพยาบาลก็ต้องเป็นโรงพยาบาลดัง ๆ หน่อย
จิตอาสา: โรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกเลย
คุณกิ่งแก้ว: ที่ดังเลย ที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกพอต่อมาเราก็ได้อีกโรคหนึ่งโรคตาเราก็ต้องรักษาโรงพยาบาลดังอีกเหมือนกันนะคะเพราะว่าชีวิตคนกรุงเทพ มีหมอเฉพาะทางในทุกด้านเราก็รักษาอยู่ 2 โรคนี้ โรคกระดูกแล้ว โรคตาแล้ว คุณหมอก็มาบอกข่าวดีกับเราว่า ค่าไต
จิตอาสา: คุณได้อีกโรคแล้ว
คุณกิ่งแก้ว: คุณได้อีกโรคแล้ว คือ…อ้อ มาบอกข่าวดีเรื่องโรค SLE ก่อน
จิตอาสา: อ้อ โรค SLE ก่อน
คุณกิ่งแก้ว: โอ้ พอบอกข่าวดีเรื่อง SLE
จิตอาสา: ข่าวดีมากเลยโรคนี้
คุณกิ่งแก้ว: ดีมากเลยค่ะ
จิตอาสา: บางท่านอาจจะไม่รู้จักว่า SLE เป็นยังไงเดี๋ยวลองอธิบายนิด ๆ
คุณกิ่งแก้ว: ก็เป็นโรคพุ่มพวงค่ะ เป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันของตัวเอง
จิตอาสา: ซึ่งมันเกิดจาก
คุณกิ่งแก้ว: มันเกิดจากความ…
จิตอาสา: เซลล์เราผิดปกติใช่ไหมครับ
คุณกิ่งแก้ว: ใช่ เซลล์เราเสียรูป
จิตอาสา: เม็ดเลือดขาวก็เลยเข้าใจผิดก็เลยไปกินเซลล์เรา
คุณกิ่งแก้ว: ไปทำร้าย ใช่ค่ะ ไปทำร้ายเซลล์เราทุกเซลล์ที่อ่อนโยน
จิตอาสา: ทุกเซลล์ที่อ่อนแอ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ที่อ่อนแอ แล้วก็
จิตอาสา: มันจะมีผลทำให้เราตัวเรานี่มีภูมิ
คุณกิ่งแก้ว: มันไม่มีภูมิคุ้มกันน่ะพอมันเป็นอะไร
จิตอาสา: ภูมิก็ลดลงไปเลย
คุณกิ่งแก้ว: ภูมิมันก็ลดลง แทนที่สมมติเรารับไข้หวัดมาคนอื่นเขาอาจจะเป็นไข้หวัดนิดเดียว
จิตอาสา: 2 วันหาย
คุณกิ่งแก้ว: 2 วันหาย แต่เราอาจจะจมูกแดง โพรงจมูกเยื่อจมูกอักเสบอีกอะไรอย่างนี้ คือเราจะเป็นคนสะอาดมากคือแบบว่าคนจีนเขาเรียกโกวตั๊กอ่ะค่ะคือเวลาเราจะกินอะไรนี่ถ้าไม่ช้อนกลางฉันก็ไม่กิน
จิตอาสา: ไม่กล้ากินไม่กล้ากินร่วมกับใครเลยเดี๋ยวจะรับเชื้อมา
คุณกิ่งแก้ว: ไม่กล้ากินค่ะ แล้วช้อนของเรานี่ต้องลวกน้ำร้อนก่อนก็ต้องมีอุปกรณ์ส่วนตัวนะคะก็รักษามา SLE เราก็โอเคก็ต้องยอมรับแต่ก็เศร้าในใจลึก ๆ ก็หาหมอตรงไหนมีหมอดีที่ไหนเราก็ไปค่าใช้จ่ายก็บานเข้ามาเรื่อย ๆ แต่เราก็เป็นคนที่หาเงินเก่งนะ เราก็มีเงินเก็บไว้เยอะแต่หมอเรียกเท่าไรเราก็ไม่เคยต่อสักคำนะ
จิตอาสา: จ่ายไป ๆ
คุณกิ่งแก้ว: ก็จ่ายไป ๆ ทีนี้มันรักษาอยู่สักระยะหนึ่งนี่มันเยอะ มันคล้าย ๆ ว่างานเริ่มทำ
ไม่ค่อยได้เดินไม่ค่อยได้
จิตอาสา: ร่างกายก็ไม่ค่อยดีขึ้น
คุณกิ่งแก้ว: ร่างกายก็ไม่เห็นมันจะดีขึ้นเลย แล้วก็หมอก็มาพูดอีกว่า เออนี่ ไตคุณเริ่มไม่ดีแล้วนะ คุณต้องหาหมอโรคไตอีกเราก็โหแค่นี้แบบมันเหมือนมันรับไม่ไหวนะแค่นี้ก็แบบก็แย่อยู่แล้วฉันเป็นโรคแล้ว 3
จิตอาสา: ครับ ตอนนี้คือกระดูก ตา SLE แถมไตต่อ
คุณกิ่งแก้ว: กระดูกตา SLE แถมไตค่ะ แล้วหมอตาก็มาคุยให้ฟังอีกว่า ผมว่าคุณกินยาหมอกระดูก หมอกระดูกก็เริ่มมาบอกอีก ผมว่านะคุณต้องหาหมอโรคตับแล้วนะ
จิตอาสา: หาหมอโรคตับด้วย
คุณกิ่งแก้ว: คือถ้าคุณกินยานาน ๆ นี่
จิตอาสา: กินยาที่เกี่ยวกับกระดูกนาน ๆ
คุณกิ่งแก้ว: ยากระดูกนาน ๆ ไปค่ะ คุณจะต้องหาหมอโรคตับเราก็เลย โอ้โห มันไม่ไหว ตอนนั้นก็จำได้ว่าค่ายาอย่างเดียวนี่เดือนละ 20,000 บาท เราก็เลย
จิตอาสา: ค่ายาเดือนละ 20,000 บาท
คุณกิ่งแก้ว: อย่างเดียว
จิตอาสา: อย่างเดียว
คุณกิ่งแก้ว: ไม่รวมค่าใช่จ่ายแล้วไม่รวมที่พี่น้องบอก ยาสมุนไพรนี่ดี เซ็ทละ 10,000 ไข่มุกนี่ดีกระปุกละกี่พัน นั่นดีอันนี้ยังไม่รวม
จิตอาสา: ยังไม่รวมนะครับ
คุณกิ่งแก้ว: ยังไม่รวมฝังเข็ม
จิตอาสา: ไม่รวมยาวิเศษที่มีคนแนะนำ
คุณกิ่งแก้ว: ใช่ ๆ ใช่ เราก็เลยคงไม่ไหวนะ เราก็รู้สึกเหนื่อยแล้วก็ท้อแท้มากแล้ว ก็ตอนนั้นก็มีลูกสาวยังเล็กเราก็คิดว่าโหชีวิตเรานี่ถ้าเรารักษาไปอย่างนี้แล้วเราก็ไม่รู้จะตายเมื่อไรนะ รู้แหละคงต้องตายเพราะว่ามันคงไม่เห็นมีใครหายเลย พุ่มพวงก็ตายขนาดเขามีเงินตั้งเยอะแยะกว่าเราเรามีเงินแค่นี้เองแล้วก็เราก็คงไม่คือคงรักษาไปแต่วันหนึ่งก็คงต้องตาย
จิตอาสา: รักษาไปยังไงก็มันก็ต้องตายอยู่ดีแหละ
คุณกิ่งแก้ว: ใช่รักษายังไงก็ต้องตายอยู่ดีแล้วแบบมันก็เลย เออ อย่างนี้ตั้งสติรักษาดีกว่าก็เลยไปหาหมอคนหนึ่ง ชื่ออาจารย์สมบัติบอกอาจารย์คะ อาจารย์เป็นที่ปรึกษาให้หนูได้ไหมหนูจะตั้งสติรักษา แล้วอาจารย์หมอก็บอกได้อาจารย์เป็นคนดีนะ อาจารย์ก็บอกได้แต่ผมว่านะคุณจำไว้เขาก็รู้สึกว่าเราคงจะท้อแท้นะ เพราะว่าเวลาที่เราท้อแท้น่ะค่ะ โรคมันจะรุมเราเลยนะคะ มันจะมาทันทีที่พูดมา 4-5 โรคนี่ในระยะเวลา 2 เดือนในระยะเวลา 2 เดือน
จิตอาสา: ภายในระยะเวลา 2 เดือน มันตามมา
คุณกิ่งแก้ว: มันเป็นกราฟพุ่ง
จิตอาสา: เป็นกราฟดิ่งลง
คุณกิ่งแก้ว: มันเป็นกราฟดิ่งลงเลยแล้วก็แล้วมันเหมือนคนจะตาย มันเหมือนไม่มีพลังชีวิตค่ะ
จิตอาสา: ตัวเราเอง มันไม่มีพลังชีวิต
คุณกิ่งแก้ว: มันเดินไม่ได้ มันมึน ๆ
จิตอาสา: ไม่มีแรง
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะนั่งตรงไหนมันก็จะหลับจะหลับตรงนั้น มันเพลียมันเหนื่อยมันไม่มีแรงแม้แต่ทำอะไรก็เหนื่อย ก็เลยอาจารย์พูดมาคำหนึ่งว่าคุณจำไว้เถอะพุ่มพวงเขาไม่ได้เป็น SLE คุณจำไว้นะ พุ่มพวงเขาไม่ได้เป็น SLE ตายหรอก อ้าวแล้วเขาเป็นอะไรตายตับกับไตเขารับยาต่อไปไม่ไหวอีกแล้วเขาพูดแบบนี้แต่ผมว่า
จิตอาสา: ตับกับไตนะครับรับยาไม่ไหวรับยาที่หมอจ่ายให้ไม่ไหวเลยตาย
คุณกิ่งแก้ว: ใช่หมอเขาพูดแบบนี้ใช่ ๆ หมอพูดกับเมย์แบบนี้ว่าตับกับไตนี่เขารับยาต่อไป
ไม่ไหวแล้ว การเสียชีวิตของพุ่มพวงนี่เขาไม่ได้เสียด้วยโรค SLE คุณจำเอาไว้ เมย์ก็จำไว้แต่ผมว่านะธรรมชาติบำบัดน่ะได้ผลสุด
จิตอาสา: น่าจะช่วยได้น่าจะช่วยได้ผลสุด
คุณกิ่งแก้ว: ได้ผลสุดเขาบอก โรคนี้นะธรรมชาติบำบัดได้ผลสุด เมย์ก็คลำต่อไปเลยหาธรรมชาติบำบัดก็เปิดหาเลยจะไปสายไหนดีมีสารพัด
จิตอาสา: มีเยอะเลยครับ
คุณกิ่งแก้ว: มีมากางเลยค่ะเดชะบุญ
จิตอาสา: หมอสาทิส
คุณกิ่งแก้ว: หมอสาทิส
จิตอาสา: บัลวี
คุณกิ่งแก้ว: บัลวี
จิตอาสา: หมอเจค็อบ
คุณกิ่งแก้ว: เจค็อบ
จิตอาสา: อาจารย์ มีอาจารย์หลายท่าน
คุณกิ่งแก้ว: อะไรแมคโคร ๆ น่ะ
จิตอาสา: แมคโครไบโอติกส์
คุณกิ่งแก้ว: แมคโครไบโอติกส์ก็บังเอิญเดชะบุญเหมือนฟ้าถีบมาหมอเขียว
จิตอาสา: กุศลกรรม กุศลกรรม
คุณกิ่งแก้ว: ใช่ ๆ ๆ หมอเขียว พอปรึกษาพี่สาว หมอเขียว เออแล้วหมอเขียวนี่เท่าไร
จิตอาสา: 0 บาท
คุณกิ่งแก้ว: ไม่เสียเงิน 0 บาท เอ้า เขารักษากันเป็นหมื่นมันยังไม่หายเลย
จิตอาสา: อันนี้ 0 บาทจะหายเหรอ
คุณกิ่งแก้ว: หมอเขียวสำหรับตอนนั้นที่เมย์ไปเข้าค่ายกับหมอเขียว หมอเขียวยังไม่ดังนะคะ
จิตอาสา: ยังไม่ดังครับ ใช่ครับ
คุณกิ่งแก้ว: ยังไม่ดัง ไม่เป็นที่รู้จัก
จิตอาสา: 5 ปี 6 ปีที่แล้ว
คุณกิ่งแก้ว: 6 ปีที่แล้วเมย์ก็ไปเข้าค่ายกับหมอเขียว มันเหมือนฟ้าถีบเมย์มาทำงานน่ะค่ะ มันหมดเวลาแล้วที่เราจะมันเหมือนผ่อนเกลียวชีวิตที่ไร้แก่นสาร มันจริง ๆ เมย์มีความรู้สึกอย่างนั้นนะ แล้วเมย์ก็มีความรู้สึกขอบคุณ SLE จริง ๆ เมย์ขอบคุณด้วยความจริงใจ ว่าถ้าเมย์ไม่ได้เป็น SLE
จิตอาสา: คงไม่ได้มาเจอ
คุณกิ่งแก้ว: วันนี้คงไม่มาถึงเพราะว่าเวลาของเมย์นี่บอกได้เลยว่าเป็นเงินเป็นทอง เพราะขนาดเมย์แทบจะดิ้นรนเดินไม่ได้ เมย์ก็ยังอยากออกไปหาเงินเลยค่ะก็คือฟ้าถีบเมย์มาเมย์เข้าค่ายแค่ในค่ายอย่างเดียวอาการเมย์นี่ไม่น่าเชื่อภายใน
จิตอาสา: วันที่เดินทางไปเข้าค่ายวันนั้นน่ะ
คุณกิ่งแก้ว: ร้องไห้
จิตอาสา: มีความตั้งใจอะไรยังไงเคยเล่า
คุณกิ่งแก้ว: เมย์ก็คิดว่าไปหมอเขียวแล้วเดี๋ยวต้องไปดูธรรมชาติบำบัดที่นู่นที่นี่ วัดนี้ดี วัดนั้นดี ก็ไปเรื่อย ๆ เอ้าไปเรื่อย ๆ เราก็จะรักษาแบบทั้งศาสตร์ดีศาสตร์ไม่ดี มันก็คงไปตายที่วัดใดวัดหนึ่งอ่ะคือเหมือน จริง ๆ เมย์คิดอย่างนั้น
จิตอาสา: ตอนนั้นเข้าใจอย่างนั้นใช่ไหม
คุณกิ่งแก้ว: เข้าใจอย่างนั้นก็คือเอ้าเดี๋ยวไปหมอเขียว เดี๋ยวไปด๊อกเตอร์นี่ เดี๋ยวไปตรงนู้น เดี๋ยวไปตรงนี้มันไม่หายหรอกเดี๋ยวมันก็ต้องไปตายวัดใดวัดหนึ่งอ่ะ เดี๋ยววัดนู้นดังวัดนี้ดัง เออ เดี๋ยวไปหาที่ตายสักวัดหนึ่งเมย์ก็คิดอย่างนั้นเมย์ก็ร้องไห้ไปตลอดทางเลยเศร้า จิตใจเศร้า กระเป๋าที่แบกไปใบก็ไม่ค่อยใหญ่มาก
จิตอาสา: ได้ข่าววันนั้นเดินทางขึ้นรถไฟ
คุณกิ่งแก้ว: มันหนัก บุญแท้ ๆ ก็เดินทางไปจองตั๋วคนละที่ เพียงแต่ว่าหมอเขียวนี่เขาเห็นว่าเป็นคนป่วยเขาก็เลยบอกว่าทีมหมอเขียวค่ะก็เลยบอกว่า คุณเอาอย่างนี้สิขอเขาไปนะค่ายนี่ขอเขาไปค่ายที่
จิตอาสา: ค่ายเขาเต็ม
คุณกิ่งแก้ว: ค่ายเขาเต็มค่ะคือพี่สาวก็ขอเขาไปแต่ว่าหมอเขาบอกว่า ผมไม่ค่อยสะดวกเลยค่ายนี้ผมไม่ได้จัดเองคือทางใต้เขาจัดแล้วเชิญหมอเขียวไป
จิตอาสา: ทางใต้เขาจัดครับ
คุณกิ่งแก้ว: ทางใต้เขาเป็นคนจัดแล้วเชิญหมอเขียวไปผมไม่สะดวกนะพี่สาวก็เรียนคุณหมอว่าคุณหมอคะคือถ้ารอคุณหมอ.เมื่อก่อนนี่คุณหมอไม่ได้จัดค่ายถี่ขนาดนี้นะคะ
จิตอาสา: ไม่ถี่ครับใช่
คุณกิ่งแก้ว: ไม่ถี่ นาน ๆ จัดทีก็เกรงว่าตอนนี้น้องสาวกินสเตียรอยด์อยู่วันละ 12 เม็ดนะคะก็เกรงว่าถ้ารอค่ายคุณหมอ นี่กลัวน้องมันจะตายซะก่อน ขอความกรุณาคุณหมอนะคะ ไปเมย์ก็เดินทางก็คุณหมอก็อ้าว แล้วคนไข้จะไปยังไงล่ะ ก็คงจะมารถเองหรือยังไงคุณหมอก็เลยบอกว่าไปรถไปสินี่ หมอก็ให้เที่ยวมาว่าหมอจะเดินรถไฟไปเที่ยวไหน เมย์ก็เลยไปจองรถไฟไป
จิตอาสา: เที่ยวเดียวกับคุณหมอ
คุณกิ่งแก้ว: เที่ยวเดียวกับคุณหมอ แต่ไม่คิดว่าจะได้ตู้เดียวกับคุณหมอตู้เดียวกัน เขาเรียกว่าอะไร ตู้เดียวกันนั่นแหละ
จิตอาสา: โบกี้
คุณกิ่งแก้ว: โบกี้เดียวกัน เอ่อ ได้โบกี้เดียวกัน แล้วก็เท่ากับเราลงรถไฟพร้อมกันโดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย
จิตอาสา: ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ก็อยู่บนรถไฟไม่ได้
คุณกิ่งแก้ว: ไม่รู้จัก
จิตอาสา: ไม่รู้จักกัน
คุณกิ่งแก้ว: เราก็บอกว่าหนูไม่รู้จักจะไปด้วยกันได้ยังไง ไปถึงไปถึงนี่เธอเดินทางพร้อมหมอเขียว เดี๋ยวจะมีคนเข้ามารับหมอเขียว เธอก็เดินทางเข้าไปทะเลธรรมพร้อมหมอเขียวเลย ไม่รู้จักหมอเขียว เอาน่า คนแปลก ๆ เดี๋ยวพอเขาขึ้นรถไฟมาเธอก็รู้เองอ่ะ
จิตอาสา: คนแปลก ๆ (หัวเราะ) เพราะว่าคุณหมอคง
คุณกิ่งแก้ว: เขาไม่เหมือนใครอ่ะ เดี๋ยวเธอรู้เองนะเขาจะเป็นพวกนี้เขาแปลก ๆ พอกลุ่มหมอเขียวขึ้นมาเท่านั้นแหละเมย์ อ๋อ
จิตอาสา: แต่งตัวแปลก ๆ แบบนี้
คุณกิ่งแก้ว: รองเท้าไม่ใส่ไงคะทั้งหมดเลยค่ะขึ้นรถไฟมา คนอื่นเขาคุณหนู คุณหญิง คุณนายนี่รองเท้าไม่ใส่สักคน เสื้อก็เก่า ๆ ขาด ๆ
จิตอาสา: เสื้อมอ ๆ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็เดินทางด้วยกันไปพร้อมกันแล้วก็เดินทาง ด้วยความที่เดินทางไปพร้อมคุณหมอไงคะแล้ววันแรกนี่ก็คือจะจริง ๆ แล้วนี่ก็ก็จริง ๆ แล้วแต่เมย์ก็ได้
จิตอาสา: ตอนนั้นยังไม่ได้ศรัทธาผมว่า
คุณกิ่งแก้ว: ไม่ได้ศรัทธาค่ะ นั่งแซวหมอหมอบรรยายก็นั่ง มันจะมีก๊วนแซวค่ะ
จิตอาสา: นั่งแซว (หัวเราะ)
คุณกิ่งแก้ว: คือจะมีก๊วนแซวหมอแล้วก็ถามหมออยู่เรื่อยเลยอะไรอย่างนี้
จิตอาสา: นั่งข้างหน้านะ
คุณกิ่งแก้ว: ก็ถาม อยากรู้อะไรก็ถาม ก็ไม่รู้จริง ๆ ก็ข้องใจมันจะหายได้ยังไงจะหายได้ยังไงอะไรอย่างนี้นะก็ถามอยู่เรื่อยอะไรอย่างนี้ แล้วก็แต่ว่าพอวันแรกเข้าไป เมย์ก็จะโอดโอยค่ะ เพราะเราจะนอนเหมือนห้องเราจะนอนรวมกันหมดเลยนะคะไม่มีเป็นหลัง นอนหลังละ 5-6 คน
จิตอาสา: ใช่ เป็นเรือนพัก
คุณกิ่งแก้ว: เป็นเรือนหญิงเรือนชาย แล้วเราก็ไปนอนพักเรือนหญิงค่ะ
จิตอาสา: เป็นแถวเลย
คุณกิ่งแก้ว: แล้วเมย์ก็นอนไม่ได้ค่ะเพราะว่าพลิกก็โอย พลิกก็โอยซ้าย แล้วก็พลิกขวาก็โอยขวา คนข้าง ๆ คงรำคาญน่าดู คนข้าง ๆ ก็ได้ยินเสียงแหละ แล้วก็ทำแบบหงุดหงิดรำคาญเหมือนกัน อะไรอย่างนี้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ฉันเจ็บ ฉันพลิกฉันก็ต้องโอยไม่พลิกมันก็เมื่อย แล้วแบบว่าจะนอนได้ยังไง วันแรก ๆ พอเข้าไปวันแรก คือเขาแบบกรนเเบบออร์เคสตราค่ะ
จิตอาสา: ประสานเสียง
คุณกิ่งแก้ว: จริง ๆ นะคะคนที่นอนเรือนพักรวมนี่จะได้ประสบการณ์อย่างดียิ่งคือ แบบได้ยินเสียงซาวน์แทร็คเป็นเสียงกรนแบบวงออร์เคสตราค่ะ พอข้างนี้ขึ้น (ทำเสียงกรนฝั่งซ้าย) แล้วเดี๋ยวพอข้างนี้จบลงข้างนี้ (ทำเสียงกรนฝั่งขวา) เขาเป็นระบบเซอร์ราวด์อย่างนี้ค่ะตลอดทั้งคืน แต่เสียงกรนนะคะ ถ้าท่านที่นอนเรือนพักรวมจะสังเกตได้พอวันท้าย ๆ วันแรกเสียงกรนจะเป็นระดับเดซิเบลสูง ๆ พอวันท้าย ๆ เสียงกรนจะน้อยลงไป
จิตอาสา: จะค่อย ๆ ลดลง ๆ
คุณกิ่งแก้ว: ลดลงไป พอวันสุดท้ายเมย์สังเกตได้ว่าไม่มีเสียงกรนนะ น้อยมากเบามาก
จิตอาสา: หายไปเลย
คุณกิ่งแก้ว: วงออร์เคสตราที่เราเคยได้ยินมันหายไป แล้วเมย์ก็จะเป็นคนไข้ที่โอเคเพราะว่าตอนไปมันหน้าตาเศร้าหมองใช่ไหมคะเหมือนบางท่านที่มานี่หน้าคิ้วมันจะต้องผูกโบว์หน่อยนะคะ แล้วก็ฉันป่วยเข้าใจ ฉันหน่อยสิ ฉันป่วยนะฉันป่วย ฉันป่วยหนัก
จิตอาสา: ฉันป่วยหนัก
คุณกิ่งแก้ว: ฉันป่วยจะใกล้จะตายแล้วนี่ พอเรารู้สึกว่าเราเป็นคนป่วยหนัก เราป่วยหนักเราทำอะไรไม่ได้ เราเดินไม่ได้ เราทำอะไรไม่ได้ แต่พอวันเมย์ดีขึ้นจนแบบว่า
จิตอาสา: ค่อย ๆ ดีขึ้น
คุณกิ่งแก้ว: ค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5 วันนี่ เมย์ก็จะไม่
จิตอาสา: ทำครบหมด 9 เม็ด
คุณกิ่งแก้ว: โอ๊ย ก็มันทรมาน เขาให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ ไม่รู้หรอกว่ามันจะหายหรือเปล่า แต่เขาให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ
จิตอาสา: ตอนนั้นไม่รู้แต่ก็ทำหมด
คุณกิ่งแก้ว: เขาแช่มือก็แช่ไปเถอะ อะไรอย่างนี้ก็ทำ ๆ ไปแหละ ลองดูไง เพราะตั้งใจ ยังไงตั้งใจ
จิตอาสา: แต่พอทำไปแล้วมันก็ค่อย ๆ
คุณกิ่งแก้ว: มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วเราก็ไม่รู้ไอ้ชีวิตชีวามันก็กลับมา เพราะว่าไอ้ความเจ็บปวดมันค่อย ๆ หายไปอะไรอย่างนี้ จากตอนที่ไปยังกินยาอยู่ใช่ไหม พอไปถึงค่ายก็มีพี่พยาบาลคนหนึ่ง เขาบอกเมย์ เมย์เชื่อพี่เถอะ เขาเป็นคนใต้ ถ้าเรากินยานะไม่หายง่ายหรอกมันต้านกัน เมย์ลองคิดดูสิเรากำลังจะใส่ปากแล้วนะคะ เมย์ลองคิดดู ทิ้งเลย ๆ อยู่ใกล้หมอเป็นอะไรไม่ต้องกลัวอยู่ในค่ายไม่เป็นอะไร ทิ้งเลย
จิตอาสา: ทิ้งเลยหรือเปล่า
คุณกิ่งแก้ว: ไม่ทิ้งห่อไว้ก่อน ไม่กล้าทิ้ง
จิตอาสา: เก็บไว้ยามันแพง
คุณกิ่งแก้ว: ห่อไว้ก่อน
จิตอาสา: ยามันแพงต้องเก็บไว้ก่อนนะ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ใช่ ๆ ห่อไว้ก่อนแล้วก็เก็บเอาไว้ เออ ไม่กินก็ได้
จิตอาสา: เขาไม่ให้กิน ก็ไม่กินนะ
คุณกิ่งแก้ว: ก็วันแรกที่ไม่กินก็ปวด ๆ ๆ ทรมาน ก็อาเหมียวก็มากัวซาให้ก็เออ ก็ได้นอน คืนแรกไม่ได้นอน พอคืน 2 อาเหมียวบอกเห็นมันทรมานจัดก็มากัวซา กัวซาเสร็จก็ได้นอนแล้วพอได้นอนเสร็จ มันดีขึ้นดีวันดีคืน มันไม่น่าเชื่อ มันไม่มีแผนไหนที่มันแบบ
จิตอาสา: ดีอย่างนี้
คุณกิ่งแก้ว: ใช่
จิตอาสา: คือที่ผ่านมามันมีแต่ลงมันมีแต่กราฟลง
คุณกิ่งแก้ว: มันมีแต่ดิ่งอย่างนี้ (ทำมือแฉลบลง) แล้วอันนี้มันกราฟขึ้น
จิตอาสา: อันนี้เป็นกราฟกลับขึ้น
คุณกิ่งแก้ว: ทั้งพลังชีวิตทั้งอะไรอย่างนี้มันก็ขึ้นหมดทุกอย่าง กำลังใจมันก็ดีแล้วก็เก็ทไง พอมันเข้าค่ายแล้วเก็ทไงแบบว่า หมอก็บอกว่าแล้วถ้าคุณไม่เป็น SLE แล้วคุณตายไหม เออใช่มันก็ตายแล้วคุณจะกลัวมันให้โง่ทำไม เออก็จริงนะ มานั่งกลัวให้มันโง่ทำไมนะ เป็นก็ตายไม่เป็นก็ตายเราก็ เออ ๆ ไม่กลัวก็ได้อะไรอย่างนี้ ในใจก็ เออ ไม่กลัวก็ได้ พอมันดีวันดีคืนจนคนที่อยู่ในค่ายเขาบอกนี่น้องคนนี้มาแล้วดีขึ้น เขาก็บอกให้เพื่อนเขาฟังว่าเหมือนคุยกันว่า ไม่เชื่อ มาหาหมอเขียวดีจริง ๆ นะนี่ไม่เชื่อนะลองถามน้องคนนี้ดูสิ เขาดีขึ้นจริง ๆ นะวันแรกเขาแทบเดินไม่ได้เลยนะเดินเหมือนคล้าย ๆ จะมีไม้เท้า แต่เราก็รักษาฟอร์มนะ ไม่ได้เอาไม้เท้า
จิตอาสา: เดินช้า ๆ
คุณกิ่งแก้ว: เดินช้า ๆ แล้วก็เอากระเป๋าเดินทางเป็นไม้เท้า พอลากไปแล้วเราก็ยืนอยู่ตรงไหนเราก็เอากระเป๋าเดินทางไปคอยค้ำยันค่ะ แล้วพอคนใต้ก็จะบอกว่า (พูดสำเนียงคนใต้) โอ้ อย่าคิดว่าคนใต้หลอกง่ายนะ คนนี้มากับหมอเขียวเออนะคนนี้มากับหมอเขียว (พูดสำเนียงคนใต้) เป็นหน้าม้าหมอเขียวหรือเปล่าก็ไม่รู้อ่า คิดว่าเมย์นี่เป็นหน้าม้าหมอเขียว คือ
จิตอาสา: เพราะลงรถไฟมาพร้อมกัน
คุณกิ่งแก้ว: ใช่เพราะลงรถไฟมาด้วยกัน เพราะเขาไปรับคือเมย์คือหนึ่งในนั้นที่มาแต่คนใต้เขาก็ได้รู้แล้วล่ะว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างนี้แล้วก็มีคนมาถามเมย์ว่าถามจริง ๆ เถอะ รู้จักกับหมอเขียวมาก่อนหรือเปล่า เมย์ก็บอกไม่รู้จักจริง ๆ หน้าก็ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้แล้วพอกลับมาก็ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เออ มันก็ดี
จิตอาสา: ครบ 9 เม็ด
คุณกิ่งแก้ว: ก็ครบนะอย่างเคร่งครัดเลย ไปสั่งก๋วยเตี๋ยว ถ้าวันไหนไม่มีอะไรทาน ไม่ได้ทำอาหารทานอย่างนี้ ก็เพราะว่าเราดีขึ้นไงเราก็ตอนขากลับมานี่ กระเป๋าที่ลากมาด้วยความหนักนี่มันเบา ความรู้สึกมันเหมือน ฉันแค่เป็นสิวนี่
จิตอาสา: ฉันแค่เป็นสิว
คุณกิ่งแก้ว: ฉันแค่เป็นสิว แล้วฉันก็เดินลากกระเป๋า ฉันรู้สึกกระเป๋าว่ามันเบามากค่ะ กระเป๋าใบนั้นที่เรา โอย ฉันมาคนเดียว ฉันเป็นคนป่วยใกล้ตาย มันหนักแสนหนักน่ะ มันเบาค่ะ มันเป็นกระเป๋าเดียวกัน แล้วเราก็กลับบ้านด้วยความเบิกบานแจ่มใสเลย
จิตอาสา: พี่น้อง
คุณกิ่งแก้ว: คะ
จิตอาสา: พี่น้องเป็นยังไงเจอแล้ว
คุณกิ่งแก้ว: พี่น้องก็ นี่รู้สึกดูดีนะ ก็บอกว่าไปทำอะไรมา เราก็บอกว่าไปเข้าค่ายหมอเขียวมาแล้วก็ไปต่อที่ค่ายมุกดาหารอะไรอย่างนี้ แล้วก็บอกกับครอบครัวว่าเราเลือกวิธีนี้ดีกว่าเพราะว่าอย่างน้อย ๆ ยังไงเราก็ต้องตายอยู่แล้ว แล้วรู้สึกว่าสูตรนี้มันจะตายเย็นด้วย แล้วตายธรรมชาติด้วย ไม่ต้องเอาอะไรมาเสียบเราใช่ไหมคะ เราก็บอกคุยกับครอบครัวครอบครัวเขาก็เอาอย่างนั้นเหรอเราก็บอกเอาอย่างนี้แหละ แต่เขาก็เห็นเราดีขึ้น เขาก็ไม่กล้าขัด เพราะว่าก่อนหน้านั้นด้วยความที่โรคมันรุมเร้านี่จนเราไม่มีทางจะพึ่งอะไรเราก็ไปพึ่งไสยศาสตร์ก็ได้หมอดูดังคนหนึ่งดังมากเลยนะ
จิตอาสา: บอกว่า
คุณกิ่งแก้ว: จองตั้งนาน 4 เดือนกว่าจะได้ แต่คนอื่นเขาจองไว้ให้แล้วเขาบอกว่าคุณ (ปีที่เมย์ไปหาหมอเขียว) ปีนี้คุณไม่ต้องทำอะไรหรอกคุณรักษาชีวิตคุณไว้อย่างเดียว รักษาชีวิตคุณไว้ให้ได้อย่างเดียว โอ้โห ปีนั้นนี่เมย์อย่างกับแบบคุณหนูเลยไม่ต้องทำอะไร คือรักษาชีวิตอย่างเดียว คือมันป่วย มันรักษาชีวิตไว้อย่างเดียว ครอบครัวก็จะค่อนข้างอยากทำอะไรอยากกินอะไรเอาเถอะ
จิตอาสา: เอาใจดูแลอย่างดี
คุณกิ่งแก้ว: เอาใจ เพราะคิดว่าหมอดูคนนี้เขาแม่นมากไงคะ ก็คิดว่าคงไม่รอดค่ะ แต่ก็นะ
จิตอาสา: 6 ปีแล้ว
คุณกิ่งแก้ว: แก่ง่ายตายยากไง ก็ยังอยู่นะคะแล้วก็ยังอยู่ เมย์ก็เลยคิดว่า เอ้า แล้วเวลาพอกลับมานี่ชีวิตมันดีขึ้นเหมือนคน แล้วเรากลับมาดูแลตัวเองด้วยด้วยวิธีนี้แหละ แต่เมย์ก็ทำสลับกันไปสลับกันมา ก็กินอาหารพิษบ้างเล็กน้อย แล้วก็
จิตอาสา: คือทำมานานๆ ใช่ไหมครับ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะแล้วก็
จิตอาสา: พอมันเริ่มเย็นจัด ๆ มันก็จะต้องอยากของร้อนบ้างล่ะ
คุณกิ่งแก้ว: ก็ไปกินบ้างแล้วก็กลับไปกลับมา
จิตอาสา: พอกินร้อนแล้วเป็นยังไง
คุณกิ่งแก้ว: ก็กินร้อนแล้ว ถ้าเย็นจัดกินร้อนแล้วก็รู้สึกดี
จิตอาสา: ครับ
คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ กินร้อนแล้วก็รู้สึกดีก็สลับกลับไปกลับมาอย่างนี้แหละค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าเออ แบบว่าหมอก็ดีนะ แบบว่าเข้าค่ายนี่หมอก็จะแบบว่า ค่ายหมอก็เป็นค่ายศูนย์บาทอย่างนี้ แล้วแต่ที่ว่าคนนี่ที่จะมีจิตที่ว่าจะช่วยอย่างนี้นะ ก็เราก็คิดว่าเราได้อะไร ๆ มามากมาย มันทำให้ชีวิตเราก็เลยคิดว่า เออ ตรงนี้แหละที่มันเป็นสิ่งที่เราค้นหามาตลอดชีวิต คือตัวเองเคยคิดว่าถ้าฉันรวยถ้าฉันมีเงินฉันจะช่วยเหลือคน แต่เราก็พอมีเป็นฐานะชั้นกลางหมอยังอยู่กระต๊อบเลยหมอยังช่วยคนได้ตั้งเยอะแยะแล้วเรา เราเป็นคนชั้นกลาง แล้วที่ที่คิดว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ที่อยากจะทำอะไรเพื่อสังคมตรงนี้นี่พอหมอประกาศว่าอยากจะช่วยคน แล้วก็หาคนมาช่วยเราจึงได้มีความคิดว่าสมัครใจอยากจะมาเป็นจิตอาสาเพราะว่าวันนั้นถ้าวันนั้นไม่มีจิตอาสาที่เสียสละ มาทำค่ายให้เรา
จิตอาสา: มาช่วยเรา
คุณกิ่งแก้ว: มาช่วยเรา วันนี้เราจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้อที่หนึ่งแล้วข้อที่ทำให้เรานี่แบบว่าคิดมากก็คือว่าคนเรา จริง ๆ มันไม่ได้กลัวตายนะ แต่มันไม่พร้อมที่จะตายต่างหาก เมย์จำได้ว่าเหมือนเวลาที่ตอนที่เราน็อคยานี่เราก็คิดว่าเราอุตส่าห์ทำงานหาเงินมาตั้งเยอะแยะอ่ะ มันช่วยอะไรเราไม่ได้เลยสิ่งที่เราอยากได้ คือเราอยากได้
จิตอาสา: ชีวิต
คุณกิ่งแก้ว: อยากได้กระเป๋าเดินทาง อยากได้เสบียงไว้เลี้ยงตัวมันเหมือนเราต้องเดินทางไกลที่ไม่ได้กลับมาเจอกับญาติพี่น้องเราแล้วกับครอบครัวเราแล้ว แต่เราไม่มีอะไรติดตัวเลย เราไม่มีความมั่นใจที่จะเดินทาง แต่พอมาวันนี้จากการที่เราได้บำเพ็ญก็ขอบคุณท่านอาจารย์หมอเขียว
ขอบคุณเพื่อน ๆ จิตอาสาที่ให้เมย์เป็นส่วนหนึ่งของการได้ร่วมบำเพ็ญ คือ ขอบคุณที่ให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมบำเพ็ญ เพราะว่าชีวิตนี่ตั้งแต่เจอหมอเขียวมา ชีวิตมันเจอแต่สิ่งดี ๆ ไง เมย์หาเงินน้อยไป 80% แต่มันไม่มีค่าเลยกับเงินที่เราจะหาได้ กับสิ่งที่เรามีอยู่เพราะว่าพอถึงวันนี้ ถ้าให้เมย์ตายวันนี้เมย์ก็พร้อมที่จะตาย เพราะคิดว่าได้ทำหน้าที่ของคนได้สมกับที่เกิดมาเป็นคนแล้ว อย่างนี้ค่ะ คือมันก็ อืม
จิตอาสา: ก็ต้องขอขอบคุณขอบคุณคุณเมย์มาก