ดาวน์โหลดใบสมัครพรรคสัมมาธิปไตย กดที่นี่  ดูรายละเอียดการสมัคร กดที่นี่

2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ

ระหว่างปี .. 2553 – 2558

(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)

ภาคผนวก ก ของวิทยานิพนธ์การศึกษาตามหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (สาธารณสุขชุมชน)

ของ นายใจเพชร กล้าจน

กรณีศึกษาที่2.22
ชื่อนางสาวกิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา
เพศหญิง
อายุ54 ปี
จังหวัดกรุงเทพมหานคร
โรคโรคเอสแอลอี (SLE)
วันสัมภาษณ์15 มิถุนายน 2556

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ชื่อ กิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา นะคะ ก็เป็นผู้ป่วยที่มาเข้ารับการอบรมเหมือนทุกท่านในที่นี้แหละค่ะ เป็นเหมือนผู้ป่วย

จิตอาสา: เมื่อสักกี่ปีแล้ว

คุณกิ่งแก้ว: เมื่อสัก 6 ที่แล้ว

จิตอาสา: 6 ปีที่แล้วนะครับนี่ 6 ปีที่แล้ว

คุณกิ่งแก้ว: 6 ปีที่แล้วค่ะ

จิตอาสา: ครับ 

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ 6 ปีที่แล้วก็เข้าค่ายหมอเขียวนี่ไม่ได้มาเข้าเมืองกาญจน์ แล้วไม่ได้มาเหมือนนอนรีสอร์ทอย่างนี้นะคะ ก็ต้อง

จิตอาสา: ไปสมบุกสมบันหน่อย

คุณกิ่งแก้ว: ก็ต้องไปเข้าค่ายที่จังหวัดตรังค่ะ ก็ไปพักที่ทะเลธรรมค่ะ แล้วก็ในระหว่างไปก็ด้วยความที่เป็นคนอยู่บ้านเคยสะดวกสบายนอนห้องแอร์นะ แล้วก็ไม่เคยต้องไม่เคยต้องจากบ้านไปไหนโดยที่ไม่มีครอบครัวไปด้วย

จิตอาสา: นะครับ

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็ต้องมีครอบครัวไปด้วย มีพี่น้องไปด้วยหรือว่าครอบครัว คนในครอบครัวแต่วันนั้น

จิตอาสา: สาเหตุสาเหตุที่ทำให้ต้องไป

คุณกิ่งแก้ว: สาเหตุที่ต้องไปครอบครัวก็ไม่เคยปล่อยเราเหมือนกัน แต่สาเหตุที่ต้องไปเพราะว่าครอบครัวคงจะไม่มีทางเลือก

จิตอาสา: ใช่ถึงทางตันแล้ว

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ เพราะว่าครอบครัวคงจะไม่มีทางเลือก เพราะว่าตอนนั้นตัวเองป่วย แล้วก็ได้รับการรักษาในแผนปัจจุบัน รักษาอยู่สักระยะหนึ่งก็มันเหมือนกราฟมันพุ่งลงค่ะ มันได้ข่าวดีแทบทุกสัปดาห์ทุก 2 สัปดาห์ค่ะ ตอนแรกก็เริ่มไปปวดข้อปวดกระดูกเราก็ต้องรักษาหมอโรคกระดูกโรงพยาบาลก็ต้องเป็นโรงพยาบาลดัง ๆ หน่อย

จิตอาสา: โรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกเลย

คุณกิ่งแก้ว: ที่ดังเลย ที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกพอต่อมาเราก็ได้อีกโรคหนึ่งโรคตาเราก็ต้องรักษาโรงพยาบาลดังอีกเหมือนกันนะคะเพราะว่าชีวิตคนกรุงเทพ มีหมอเฉพาะทางในทุกด้านเราก็รักษาอยู่ 2 โรคนี้ โรคกระดูกแล้ว โรคตาแล้ว คุณหมอก็มาบอกข่าวดีกับเราว่า ค่าไต

จิตอาสา: คุณได้อีกโรคแล้ว

คุณกิ่งแก้ว: คุณได้อีกโรคแล้ว คือ…อ้อ มาบอกข่าวดีเรื่องโรค SLE ก่อน 

จิตอาสา: อ้อ โรค SLE ก่อน 

คุณกิ่งแก้ว: โอ้ พอบอกข่าวดีเรื่อง SLE 

จิตอาสา: ข่าวดีมากเลยโรคนี้

คุณกิ่งแก้ว: ดีมากเลยค่ะ

จิตอาสา: บางท่านอาจจะไม่รู้จักว่า SLE เป็นยังไงเดี๋ยวลองอธิบายนิด ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: ก็เป็นโรคพุ่มพวงค่ะ เป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันของตัวเอง

จิตอาสา: ซึ่งมันเกิดจาก

คุณกิ่งแก้ว: มันเกิดจากความ…

จิตอาสา: เซลล์เราผิดปกติใช่ไหมครับ

คุณกิ่งแก้ว: ใช่ เซลล์เราเสียรูป

จิตอาสา: เม็ดเลือดขาวก็เลยเข้าใจผิดก็เลยไปกินเซลล์เรา

คุณกิ่งแก้ว: ไปทำร้าย ใช่ค่ะ ไปทำร้ายเซลล์เราทุกเซลล์ที่อ่อนโยน

จิตอาสา: ทุกเซลล์ที่อ่อนแอ

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ที่อ่อนแอ แล้วก็ 

จิตอาสา: มันจะมีผลทำให้เราตัวเรานี่มีภูมิ

คุณกิ่งแก้ว: มันไม่มีภูมิคุ้มกันน่ะพอมันเป็นอะไร

จิตอาสา: ภูมิก็ลดลงไปเลย 

คุณกิ่งแก้ว: ภูมิมันก็ลดลง แทนที่สมมติเรารับไข้หวัดมาคนอื่นเขาอาจจะเป็นไข้หวัดนิดเดียว 

จิตอาสา: 2 วันหาย

คุณกิ่งแก้ว: 2 วันหาย แต่เราอาจจะจมูกแดง โพรงจมูกเยื่อจมูกอักเสบอีกอะไรอย่างนี้ คือเราจะเป็นคนสะอาดมากคือแบบว่าคนจีนเขาเรียกโกวตั๊กอ่ะค่ะคือเวลาเราจะกินอะไรนี่ถ้าไม่ช้อนกลางฉันก็ไม่กิน

จิตอาสา: ไม่กล้ากินไม่กล้ากินร่วมกับใครเลยเดี๋ยวจะรับเชื้อมา

คุณกิ่งแก้ว: ไม่กล้ากินค่ะ แล้วช้อนของเรานี่ต้องลวกน้ำร้อนก่อนก็ต้องมีอุปกรณ์ส่วนตัวนะคะก็รักษามา SLE เราก็โอเคก็ต้องยอมรับแต่ก็เศร้าในใจลึก ๆ ก็หาหมอตรงไหนมีหมอดีที่ไหนเราก็ไปค่าใช้จ่ายก็บานเข้ามาเรื่อย ๆ แต่เราก็เป็นคนที่หาเงินเก่งนะ เราก็มีเงินเก็บไว้เยอะแต่หมอเรียกเท่าไรเราก็ไม่เคยต่อสักคำนะ

จิตอาสา: จ่ายไป ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: ก็จ่ายไป ๆ ทีนี้มันรักษาอยู่สักระยะหนึ่งนี่มันเยอะ มันคล้าย ๆ ว่างานเริ่มทำ
ไม่ค่อยได้เดินไม่ค่อยได้

จิตอาสา: ร่างกายก็ไม่ค่อยดีขึ้น

คุณกิ่งแก้ว: ร่างกายก็ไม่เห็นมันจะดีขึ้นเลย แล้วก็หมอก็มาพูดอีกว่า เออนี่ ไตคุณเริ่มไม่ดีแล้วนะ คุณต้องหาหมอโรคไตอีกเราก็โหแค่นี้แบบมันเหมือนมันรับไม่ไหวนะแค่นี้ก็แบบก็แย่อยู่แล้วฉันเป็นโรคแล้ว 3

จิตอาสา: ครับ ตอนนี้คือกระดูก ตา SLE แถมไตต่อ

คุณกิ่งแก้ว: กระดูกตา SLE แถมไตค่ะ แล้วหมอตาก็มาคุยให้ฟังอีกว่า ผมว่าคุณกินยาหมอกระดูก หมอกระดูกก็เริ่มมาบอกอีก ผมว่านะคุณต้องหาหมอโรคตับแล้วนะ

จิตอาสา: หาหมอโรคตับด้วย

คุณกิ่งแก้ว: คือถ้าคุณกินยานาน ๆ นี่

จิตอาสา: กินยาที่เกี่ยวกับกระดูกนาน ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: ยากระดูกนาน ๆ ไปค่ะ คุณจะต้องหาหมอโรคตับเราก็เลย โอ้โห มันไม่ไหว ตอนนั้นก็จำได้ว่าค่ายาอย่างเดียวนี่เดือนละ 20,000 บาท เราก็เลย

จิตอาสา: ค่ายาเดือนละ 20,000 บาท

คุณกิ่งแก้ว: อย่างเดียว 

จิตอาสา: อย่างเดียว

คุณกิ่งแก้ว: ไม่รวมค่าใช่จ่ายแล้วไม่รวมที่พี่น้องบอก ยาสมุนไพรนี่ดี เซ็ทละ 10,000 ไข่มุกนี่ดีกระปุกละกี่พัน นั่นดีอันนี้ยังไม่รวม 

จิตอาสา: ยังไม่รวมนะครับ

คุณกิ่งแก้ว: ยังไม่รวมฝังเข็ม

จิตอาสา: ไม่รวมยาวิเศษที่มีคนแนะนำ

คุณกิ่งแก้ว: ใช่ ๆ ใช่ เราก็เลยคงไม่ไหวนะ เราก็รู้สึกเหนื่อยแล้วก็ท้อแท้มากแล้ว ก็ตอนนั้นก็มีลูกสาวยังเล็กเราก็คิดว่าโหชีวิตเรานี่ถ้าเรารักษาไปอย่างนี้แล้วเราก็ไม่รู้จะตายเมื่อไรนะ รู้แหละคงต้องตายเพราะว่ามันคงไม่เห็นมีใครหายเลย พุ่มพวงก็ตายขนาดเขามีเงินตั้งเยอะแยะกว่าเราเรามีเงินแค่นี้เองแล้วก็เราก็คงไม่คือคงรักษาไปแต่วันหนึ่งก็คงต้องตาย

จิตอาสา: รักษาไปยังไงก็มันก็ต้องตายอยู่ดีแหละ

คุณกิ่งแก้ว: ใช่รักษายังไงก็ต้องตายอยู่ดีแล้วแบบมันก็เลย เออ อย่างนี้ตั้งสติรักษาดีกว่าก็เลยไปหาหมอคนหนึ่ง ชื่ออาจารย์สมบัติบอกอาจารย์คะ อาจารย์เป็นที่ปรึกษาให้หนูได้ไหมหนูจะตั้งสติรักษา แล้วอาจารย์หมอก็บอกได้อาจารย์เป็นคนดีนะ อาจารย์ก็บอกได้แต่ผมว่านะคุณจำไว้เขาก็รู้สึกว่าเราคงจะท้อแท้นะ เพราะว่าเวลาที่เราท้อแท้น่ะค่ะ โรคมันจะรุมเราเลยนะคะ มันจะมาทันทีที่พูดมา 4-5 โรคนี่ในระยะเวลา 2 เดือนในระยะเวลา 2 เดือน

จิตอาสา: ภายในระยะเวลา 2 เดือน มันตามมา

คุณกิ่งแก้ว: มันเป็นกราฟพุ่ง

จิตอาสา: เป็นกราฟดิ่งลง

คุณกิ่งแก้ว: มันเป็นกราฟดิ่งลงเลยแล้วก็แล้วมันเหมือนคนจะตาย มันเหมือนไม่มีพลังชีวิตค่ะ

จิตอาสา: ตัวเราเอง มันไม่มีพลังชีวิต

คุณกิ่งแก้ว: มันเดินไม่ได้ มันมึน ๆ 

จิตอาสา: ไม่มีแรง

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะนั่งตรงไหนมันก็จะหลับจะหลับตรงนั้น มันเพลียมันเหนื่อยมันไม่มีแรงแม้แต่ทำอะไรก็เหนื่อย ก็เลยอาจารย์พูดมาคำหนึ่งว่าคุณจำไว้เถอะพุ่มพวงเขาไม่ได้เป็น SLE คุณจำไว้นะ พุ่มพวงเขาไม่ได้เป็น SLE ตายหรอก อ้าวแล้วเขาเป็นอะไรตายตับกับไตเขารับยาต่อไปไม่ไหวอีกแล้วเขาพูดแบบนี้แต่ผมว่า

จิตอาสา: ตับกับไตนะครับรับยาไม่ไหวรับยาที่หมอจ่ายให้ไม่ไหวเลยตาย

คุณกิ่งแก้ว: ใช่หมอเขาพูดแบบนี้ใช่ ๆ หมอพูดกับเมย์แบบนี้ว่าตับกับไตนี่เขารับยาต่อไป
ไม่ไหวแล้ว การเสียชีวิตของพุ่มพวงนี่เขาไม่ได้เสียด้วยโรค SLE คุณจำเอาไว้ เมย์ก็จำไว้แต่ผมว่านะธรรมชาติบำบัดน่ะได้ผลสุด

จิตอาสา: น่าจะช่วยได้น่าจะช่วยได้ผลสุด

คุณกิ่งแก้ว: ได้ผลสุดเขาบอก โรคนี้นะธรรมชาติบำบัดได้ผลสุด เมย์ก็คลำต่อไปเลยหาธรรมชาติบำบัดก็เปิดหาเลยจะไปสายไหนดีมีสารพัด

จิตอาสา: มีเยอะเลยครับ

คุณกิ่งแก้ว: มีมากางเลยค่ะเดชะบุญ

จิตอาสา: หมอสาทิส

คุณกิ่งแก้ว: หมอสาทิส

จิตอาสา: บัลวี 

คุณกิ่งแก้ว: บัลวี

จิตอาสา: หมอเจค็อบ

คุณกิ่งแก้ว: เจค็อบ

จิตอาสา: อาจารย์ มีอาจารย์หลายท่าน

คุณกิ่งแก้ว: อะไรแมคโคร ๆ น่ะ

จิตอาสา: แมคโครไบโอติกส์

คุณกิ่งแก้ว: แมคโครไบโอติกส์ก็บังเอิญเดชะบุญเหมือนฟ้าถีบมาหมอเขียว

จิตอาสา: กุศลกรรม กุศลกรรม

คุณกิ่งแก้ว: ใช่ ๆ ๆ หมอเขียว พอปรึกษาพี่สาว หมอเขียว เออแล้วหมอเขียวนี่เท่าไร

จิตอาสา: 0 บาท

คุณกิ่งแก้ว: ไม่เสียเงิน 0 บาท เอ้า เขารักษากันเป็นหมื่นมันยังไม่หายเลย

จิตอาสา: อันนี้ 0 บาทจะหายเหรอ 

คุณกิ่งแก้ว: หมอเขียวสำหรับตอนนั้นที่เมย์ไปเข้าค่ายกับหมอเขียว หมอเขียวยังไม่ดังนะคะ

จิตอาสา: ยังไม่ดังครับ ใช่ครับ

คุณกิ่งแก้ว: ยังไม่ดัง ไม่เป็นที่รู้จัก

จิตอาสา: 5 ปี 6 ปีที่แล้ว

คุณกิ่งแก้ว: 6 ปีที่แล้วเมย์ก็ไปเข้าค่ายกับหมอเขียว มันเหมือนฟ้าถีบเมย์มาทำงานน่ะค่ะ มันหมดเวลาแล้วที่เราจะมันเหมือนผ่อนเกลียวชีวิตที่ไร้แก่นสาร มันจริง ๆ เมย์มีความรู้สึกอย่างนั้นนะ แล้วเมย์ก็มีความรู้สึกขอบคุณ SLE จริง ๆ เมย์ขอบคุณด้วยความจริงใจ ว่าถ้าเมย์ไม่ได้เป็น SLE

จิตอาสา: คงไม่ได้มาเจอ

คุณกิ่งแก้ว: วันนี้คงไม่มาถึงเพราะว่าเวลาของเมย์นี่บอกได้เลยว่าเป็นเงินเป็นทอง เพราะขนาดเมย์แทบจะดิ้นรนเดินไม่ได้ เมย์ก็ยังอยากออกไปหาเงินเลยค่ะก็คือฟ้าถีบเมย์มาเมย์เข้าค่ายแค่ในค่ายอย่างเดียวอาการเมย์นี่ไม่น่าเชื่อภายใน

จิตอาสา: วันที่เดินทางไปเข้าค่ายวันนั้นน่ะ

คุณกิ่งแก้ว: ร้องไห้

จิตอาสา: มีความตั้งใจอะไรยังไงเคยเล่า

คุณกิ่งแก้ว: เมย์ก็คิดว่าไปหมอเขียวแล้วเดี๋ยวต้องไปดูธรรมชาติบำบัดที่นู่นที่นี่ วัดนี้ดี วัดนั้นดี ก็ไปเรื่อย ๆ เอ้าไปเรื่อย ๆ เราก็จะรักษาแบบทั้งศาสตร์ดีศาสตร์ไม่ดี มันก็คงไปตายที่วัดใดวัดหนึ่งอ่ะคือเหมือน จริง ๆ เมย์คิดอย่างนั้น

จิตอาสา: ตอนนั้นเข้าใจอย่างนั้นใช่ไหม

คุณกิ่งแก้ว: เข้าใจอย่างนั้นก็คือเอ้าเดี๋ยวไปหมอเขียว เดี๋ยวไปด๊อกเตอร์นี่ เดี๋ยวไปตรงนู้น เดี๋ยวไปตรงนี้มันไม่หายหรอกเดี๋ยวมันก็ต้องไปตายวัดใดวัดหนึ่งอ่ะ เดี๋ยววัดนู้นดังวัดนี้ดัง เออ เดี๋ยวไปหาที่ตายสักวัดหนึ่งเมย์ก็คิดอย่างนั้นเมย์ก็ร้องไห้ไปตลอดทางเลยเศร้า จิตใจเศร้า กระเป๋าที่แบกไปใบก็ไม่ค่อยใหญ่มาก 

จิตอาสา: ได้ข่าววันนั้นเดินทางขึ้นรถไฟ

คุณกิ่งแก้ว: มันหนัก บุญแท้ ๆ ก็เดินทางไปจองตั๋วคนละที่ เพียงแต่ว่าหมอเขียวนี่เขาเห็นว่าเป็นคนป่วยเขาก็เลยบอกว่าทีมหมอเขียวค่ะก็เลยบอกว่า คุณเอาอย่างนี้สิขอเขาไปนะค่ายนี่ขอเขาไปค่ายที่

จิตอาสา: ค่ายเขาเต็ม

คุณกิ่งแก้ว: ค่ายเขาเต็มค่ะคือพี่สาวก็ขอเขาไปแต่ว่าหมอเขาบอกว่า ผมไม่ค่อยสะดวกเลยค่ายนี้ผมไม่ได้จัดเองคือทางใต้เขาจัดแล้วเชิญหมอเขียวไป

จิตอาสา: ทางใต้เขาจัดครับ

คุณกิ่งแก้ว: ทางใต้เขาเป็นคนจัดแล้วเชิญหมอเขียวไปผมไม่สะดวกนะพี่สาวก็เรียนคุณหมอว่าคุณหมอคะคือถ้ารอคุณหมอ.เมื่อก่อนนี่คุณหมอไม่ได้จัดค่ายถี่ขนาดนี้นะคะ

จิตอาสา: ไม่ถี่ครับใช่

คุณกิ่งแก้ว: ไม่ถี่ นาน ๆ จัดทีก็เกรงว่าตอนนี้น้องสาวกินสเตียรอยด์อยู่วันละ 12 เม็ดนะคะก็เกรงว่าถ้ารอค่ายคุณหมอ นี่กลัวน้องมันจะตายซะก่อน ขอความกรุณาคุณหมอนะคะ ไปเมย์ก็เดินทางก็คุณหมอก็อ้าว แล้วคนไข้จะไปยังไงล่ะ ก็คงจะมารถเองหรือยังไงคุณหมอก็เลยบอกว่าไปรถไปสินี่ หมอก็ให้เที่ยวมาว่าหมอจะเดินรถไฟไปเที่ยวไหน เมย์ก็เลยไปจองรถไฟไป

จิตอาสา: เที่ยวเดียวกับคุณหมอ

คุณกิ่งแก้ว: เที่ยวเดียวกับคุณหมอ แต่ไม่คิดว่าจะได้ตู้เดียวกับคุณหมอตู้เดียวกัน เขาเรียกว่าอะไร ตู้เดียวกันนั่นแหละ

จิตอาสา: โบกี้

คุณกิ่งแก้ว: โบกี้เดียวกัน เอ่อ ได้โบกี้เดียวกัน แล้วก็เท่ากับเราลงรถไฟพร้อมกันโดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย

จิตอาสา: ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ก็อยู่บนรถไฟไม่ได้

คุณกิ่งแก้ว: ไม่รู้จัก

จิตอาสา: ไม่รู้จักกัน

คุณกิ่งแก้ว: เราก็บอกว่าหนูไม่รู้จักจะไปด้วยกันได้ยังไง ไปถึงไปถึงนี่เธอเดินทางพร้อมหมอเขียว เดี๋ยวจะมีคนเข้ามารับหมอเขียว เธอก็เดินทางเข้าไปทะเลธรรมพร้อมหมอเขียวเลย ไม่รู้จักหมอเขียว เอาน่า คนแปลก ๆ เดี๋ยวพอเขาขึ้นรถไฟมาเธอก็รู้เองอ่ะ

จิตอาสา: คนแปลก ๆ (หัวเราะ) เพราะว่าคุณหมอคง

คุณกิ่งแก้ว: เขาไม่เหมือนใครอ่ะ เดี๋ยวเธอรู้เองนะเขาจะเป็นพวกนี้เขาแปลก ๆ พอกลุ่มหมอเขียวขึ้นมาเท่านั้นแหละเมย์ อ๋อ

จิตอาสา: แต่งตัวแปลก ๆ แบบนี้

คุณกิ่งแก้ว: รองเท้าไม่ใส่ไงคะทั้งหมดเลยค่ะขึ้นรถไฟมา คนอื่นเขาคุณหนู คุณหญิง คุณนายนี่รองเท้าไม่ใส่สักคน เสื้อก็เก่า ๆ ขาด ๆ 

จิตอาสา: เสื้อมอ ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ก็เดินทางด้วยกันไปพร้อมกันแล้วก็เดินทาง ด้วยความที่เดินทางไปพร้อมคุณหมอไงคะแล้ววันแรกนี่ก็คือจะจริง ๆ แล้วนี่ก็ก็จริง ๆ แล้วแต่เมย์ก็ได้

จิตอาสา: ตอนนั้นยังไม่ได้ศรัทธาผมว่า

คุณกิ่งแก้ว: ไม่ได้ศรัทธาค่ะ นั่งแซวหมอหมอบรรยายก็นั่ง มันจะมีก๊วนแซวค่ะ

จิตอาสา: นั่งแซว (หัวเราะ) 

คุณกิ่งแก้ว: คือจะมีก๊วนแซวหมอแล้วก็ถามหมออยู่เรื่อยเลยอะไรอย่างนี้

จิตอาสา: นั่งข้างหน้านะ

คุณกิ่งแก้ว: ก็ถาม อยากรู้อะไรก็ถาม ก็ไม่รู้จริง ๆ ก็ข้องใจมันจะหายได้ยังไงจะหายได้ยังไงอะไรอย่างนี้นะก็ถามอยู่เรื่อยอะไรอย่างนี้ แล้วก็แต่ว่าพอวันแรกเข้าไป เมย์ก็จะโอดโอยค่ะ เพราะเราจะนอนเหมือนห้องเราจะนอนรวมกันหมดเลยนะคะไม่มีเป็นหลัง นอนหลังละ 5-6 คน

จิตอาสา: ใช่ เป็นเรือนพัก

คุณกิ่งแก้ว: เป็นเรือนหญิงเรือนชาย แล้วเราก็ไปนอนพักเรือนหญิงค่ะ

จิตอาสา: เป็นแถวเลย

คุณกิ่งแก้ว: แล้วเมย์ก็นอนไม่ได้ค่ะเพราะว่าพลิกก็โอย พลิกก็โอยซ้าย แล้วก็พลิกขวาก็โอยขวา คนข้าง ๆ คงรำคาญน่าดู คนข้าง ๆ ก็ได้ยินเสียงแหละ แล้วก็ทำแบบหงุดหงิดรำคาญเหมือนกัน อะไรอย่างนี้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ฉันเจ็บ ฉันพลิกฉันก็ต้องโอยไม่พลิกมันก็เมื่อย แล้วแบบว่าจะนอนได้ยังไง วันแรก ๆ พอเข้าไปวันแรก คือเขาแบบกรนเเบบออร์เคสตราค่ะ

จิตอาสา: ประสานเสียง

คุณกิ่งแก้ว: จริง ๆ นะคะคนที่นอนเรือนพักรวมนี่จะได้ประสบการณ์อย่างดียิ่งคือ แบบได้ยินเสียงซาวน์แทร็คเป็นเสียงกรนแบบวงออร์เคสตราค่ะ พอข้างนี้ขึ้น (ทำเสียงกรนฝั่งซ้าย) แล้วเดี๋ยวพอข้างนี้จบลงข้างนี้ (ทำเสียงกรนฝั่งขวา) เขาเป็นระบบเซอร์ราวด์อย่างนี้ค่ะตลอดทั้งคืน แต่เสียงกรนนะคะ ถ้าท่านที่นอนเรือนพักรวมจะสังเกตได้พอวันท้าย ๆ วันแรกเสียงกรนจะเป็นระดับเดซิเบลสูง ๆ พอวันท้าย ๆ เสียงกรนจะน้อยลงไป

จิตอาสา: จะค่อย ๆ ลดลง ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: ลดลงไป พอวันสุดท้ายเมย์สังเกตได้ว่าไม่มีเสียงกรนนะ น้อยมากเบามาก

จิตอาสา: หายไปเลย

คุณกิ่งแก้ว: วงออร์เคสตราที่เราเคยได้ยินมันหายไป แล้วเมย์ก็จะเป็นคนไข้ที่โอเคเพราะว่าตอนไปมันหน้าตาเศร้าหมองใช่ไหมคะเหมือนบางท่านที่มานี่หน้าคิ้วมันจะต้องผูกโบว์หน่อยนะคะ แล้วก็ฉันป่วยเข้าใจ ฉันหน่อยสิ ฉันป่วยนะฉันป่วย ฉันป่วยหนัก 

จิตอาสา: ฉันป่วยหนัก

คุณกิ่งแก้ว: ฉันป่วยจะใกล้จะตายแล้วนี่ พอเรารู้สึกว่าเราเป็นคนป่วยหนัก เราป่วยหนักเราทำอะไรไม่ได้ เราเดินไม่ได้ เราทำอะไรไม่ได้ แต่พอวันเมย์ดีขึ้นจนแบบว่า

จิตอาสา: ค่อย ๆ ดีขึ้น

คุณกิ่งแก้ว: ค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5 วันนี่ เมย์ก็จะไม่

จิตอาสา: ทำครบหมด 9 เม็ด 

คุณกิ่งแก้ว: โอ๊ย ก็มันทรมาน เขาให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ ไม่รู้หรอกว่ามันจะหายหรือเปล่า แต่เขาให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ

จิตอาสา: ตอนนั้นไม่รู้แต่ก็ทำหมด

คุณกิ่งแก้ว: เขาแช่มือก็แช่ไปเถอะ อะไรอย่างนี้ก็ทำ ๆ ไปแหละ ลองดูไง เพราะตั้งใจ ยังไงตั้งใจ

จิตอาสา: แต่พอทำไปแล้วมันก็ค่อย ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วเราก็ไม่รู้ไอ้ชีวิตชีวามันก็กลับมา เพราะว่าไอ้ความเจ็บปวดมันค่อย ๆ หายไปอะไรอย่างนี้ จากตอนที่ไปยังกินยาอยู่ใช่ไหม พอไปถึงค่ายก็มีพี่พยาบาลคนหนึ่ง เขาบอกเมย์ เมย์เชื่อพี่เถอะ เขาเป็นคนใต้ ถ้าเรากินยานะไม่หายง่ายหรอกมันต้านกัน เมย์ลองคิดดูสิเรากำลังจะใส่ปากแล้วนะคะ เมย์ลองคิดดู ทิ้งเลย ๆ อยู่ใกล้หมอเป็นอะไรไม่ต้องกลัวอยู่ในค่ายไม่เป็นอะไร ทิ้งเลย

จิตอาสา: ทิ้งเลยหรือเปล่า

คุณกิ่งแก้ว: ไม่ทิ้งห่อไว้ก่อน ไม่กล้าทิ้ง 

จิตอาสา: เก็บไว้ยามันแพง

คุณกิ่งแก้ว: ห่อไว้ก่อน

จิตอาสา: ยามันแพงต้องเก็บไว้ก่อนนะ

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ ใช่ ๆ ห่อไว้ก่อนแล้วก็เก็บเอาไว้ เออ ไม่กินก็ได้ 

จิตอาสา: เขาไม่ให้กิน ก็ไม่กินนะ

คุณกิ่งแก้ว: ก็วันแรกที่ไม่กินก็ปวด ๆ ๆ ทรมาน ก็อาเหมียวก็มากัวซาให้ก็เออ ก็ได้นอน คืนแรกไม่ได้นอน พอคืน 2 อาเหมียวบอกเห็นมันทรมานจัดก็มากัวซา กัวซาเสร็จก็ได้นอนแล้วพอได้นอนเสร็จ มันดีขึ้นดีวันดีคืน มันไม่น่าเชื่อ มันไม่มีแผนไหนที่มันแบบ

จิตอาสา: ดีอย่างนี้

คุณกิ่งแก้ว: ใช่ 

จิตอาสา: คือที่ผ่านมามันมีแต่ลงมันมีแต่กราฟลง

คุณกิ่งแก้ว: มันมีแต่ดิ่งอย่างนี้ (ทำมือแฉลบลง) แล้วอันนี้มันกราฟขึ้น

จิตอาสา: อันนี้เป็นกราฟกลับขึ้น

คุณกิ่งแก้ว: ทั้งพลังชีวิตทั้งอะไรอย่างนี้มันก็ขึ้นหมดทุกอย่าง กำลังใจมันก็ดีแล้วก็เก็ทไง พอมันเข้าค่ายแล้วเก็ทไงแบบว่า หมอก็บอกว่าแล้วถ้าคุณไม่เป็น SLE แล้วคุณตายไหม เออใช่มันก็ตายแล้วคุณจะกลัวมันให้โง่ทำไม  เออก็จริงนะ มานั่งกลัวให้มันโง่ทำไมนะ เป็นก็ตายไม่เป็นก็ตายเราก็ เออ ๆ ไม่กลัวก็ได้อะไรอย่างนี้ ในใจก็ เออ ไม่กลัวก็ได้ พอมันดีวันดีคืนจนคนที่อยู่ในค่ายเขาบอกนี่น้องคนนี้มาแล้วดีขึ้น เขาก็บอกให้เพื่อนเขาฟังว่าเหมือนคุยกันว่า ไม่เชื่อ มาหาหมอเขียวดีจริง ๆ นะนี่ไม่เชื่อนะลองถามน้องคนนี้ดูสิ เขาดีขึ้นจริง ๆ นะวันแรกเขาแทบเดินไม่ได้เลยนะเดินเหมือนคล้าย ๆ จะมีไม้เท้า แต่เราก็รักษาฟอร์มนะ ไม่ได้เอาไม้เท้า

จิตอาสา: เดินช้า ๆ 

คุณกิ่งแก้ว: เดินช้า ๆ แล้วก็เอากระเป๋าเดินทางเป็นไม้เท้า พอลากไปแล้วเราก็ยืนอยู่ตรงไหนเราก็เอากระเป๋าเดินทางไปคอยค้ำยันค่ะ แล้วพอคนใต้ก็จะบอกว่า (พูดสำเนียงคนใต้) โอ้ อย่าคิดว่าคนใต้หลอกง่ายนะ คนนี้มากับหมอเขียวเออนะคนนี้มากับหมอเขียว (พูดสำเนียงคนใต้) เป็นหน้าม้าหมอเขียวหรือเปล่าก็ไม่รู้อ่า คิดว่าเมย์นี่เป็นหน้าม้าหมอเขียว คือ

จิตอาสา: เพราะลงรถไฟมาพร้อมกัน

คุณกิ่งแก้ว: ใช่เพราะลงรถไฟมาด้วยกัน เพราะเขาไปรับคือเมย์คือหนึ่งในนั้นที่มาแต่คนใต้เขาก็ได้รู้แล้วล่ะว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างนี้แล้วก็มีคนมาถามเมย์ว่าถามจริง ๆ เถอะ รู้จักกับหมอเขียวมาก่อนหรือเปล่า เมย์ก็บอกไม่รู้จักจริง ๆ หน้าก็ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้แล้วพอกลับมาก็ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เออ มันก็ดี

จิตอาสา: ครบ 9 เม็ด

คุณกิ่งแก้ว: ก็ครบนะอย่างเคร่งครัดเลย ไปสั่งก๋วยเตี๋ยว ถ้าวันไหนไม่มีอะไรทาน ไม่ได้ทำอาหารทานอย่างนี้ ก็เพราะว่าเราดีขึ้นไงเราก็ตอนขากลับมานี่ กระเป๋าที่ลากมาด้วยความหนักนี่มันเบา ความรู้สึกมันเหมือน ฉันแค่เป็นสิวนี่ 

จิตอาสา: ฉันแค่เป็นสิว

คุณกิ่งแก้ว: ฉันแค่เป็นสิว แล้วฉันก็เดินลากกระเป๋า ฉันรู้สึกกระเป๋าว่ามันเบามากค่ะ กระเป๋าใบนั้นที่เรา โอย ฉันมาคนเดียว ฉันเป็นคนป่วยใกล้ตาย มันหนักแสนหนักน่ะ มันเบาค่ะ มันเป็นกระเป๋าเดียวกัน แล้วเราก็กลับบ้านด้วยความเบิกบานแจ่มใสเลย

จิตอาสา: พี่น้อง

คุณกิ่งแก้ว: คะ

จิตอาสา: พี่น้องเป็นยังไงเจอแล้ว

คุณกิ่งแก้ว: พี่น้องก็ นี่รู้สึกดูดีนะ ก็บอกว่าไปทำอะไรมา เราก็บอกว่าไปเข้าค่ายหมอเขียวมาแล้วก็ไปต่อที่ค่ายมุกดาหารอะไรอย่างนี้ แล้วก็บอกกับครอบครัวว่าเราเลือกวิธีนี้ดีกว่าเพราะว่าอย่างน้อย ๆ ยังไงเราก็ต้องตายอยู่แล้ว แล้วรู้สึกว่าสูตรนี้มันจะตายเย็นด้วย แล้วตายธรรมชาติด้วย ไม่ต้องเอาอะไรมาเสียบเราใช่ไหมคะ เราก็บอกคุยกับครอบครัวครอบครัวเขาก็เอาอย่างนั้นเหรอเราก็บอกเอาอย่างนี้แหละ แต่เขาก็เห็นเราดีขึ้น เขาก็ไม่กล้าขัด เพราะว่าก่อนหน้านั้นด้วยความที่โรคมันรุมเร้านี่จนเราไม่มีทางจะพึ่งอะไรเราก็ไปพึ่งไสยศาสตร์ก็ได้หมอดูดังคนหนึ่งดังมากเลยนะ 

จิตอาสา: บอกว่า

คุณกิ่งแก้ว: จองตั้งนาน 4 เดือนกว่าจะได้ แต่คนอื่นเขาจองไว้ให้แล้วเขาบอกว่าคุณ (ปีที่เมย์ไปหาหมอเขียว) ปีนี้คุณไม่ต้องทำอะไรหรอกคุณรักษาชีวิตคุณไว้อย่างเดียว รักษาชีวิตคุณไว้ให้ได้อย่างเดียว โอ้โห ปีนั้นนี่เมย์อย่างกับแบบคุณหนูเลยไม่ต้องทำอะไร คือรักษาชีวิตอย่างเดียว คือมันป่วย มันรักษาชีวิตไว้อย่างเดียว ครอบครัวก็จะค่อนข้างอยากทำอะไรอยากกินอะไรเอาเถอะ

จิตอาสา: เอาใจดูแลอย่างดี

คุณกิ่งแก้ว: เอาใจ เพราะคิดว่าหมอดูคนนี้เขาแม่นมากไงคะ ก็คิดว่าคงไม่รอดค่ะ แต่ก็นะ 

จิตอาสา: 6 ปีแล้ว

คุณกิ่งแก้ว: แก่ง่ายตายยากไง ก็ยังอยู่นะคะแล้วก็ยังอยู่ เมย์ก็เลยคิดว่า เอ้า แล้วเวลาพอกลับมานี่ชีวิตมันดีขึ้นเหมือนคน แล้วเรากลับมาดูแลตัวเองด้วยด้วยวิธีนี้แหละ แต่เมย์ก็ทำสลับกันไปสลับกันมา ก็กินอาหารพิษบ้างเล็กน้อย แล้วก็

จิตอาสา: คือทำมานานๆ ใช่ไหมครับ

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะแล้วก็

จิตอาสา: พอมันเริ่มเย็นจัด ๆ มันก็จะต้องอยากของร้อนบ้างล่ะ

คุณกิ่งแก้ว: ก็ไปกินบ้างแล้วก็กลับไปกลับมา

จิตอาสา: พอกินร้อนแล้วเป็นยังไง

คุณกิ่งแก้ว: ก็กินร้อนแล้ว ถ้าเย็นจัดกินร้อนแล้วก็รู้สึกดี

จิตอาสา: ครับ

คุณกิ่งแก้ว: ค่ะ กินร้อนแล้วก็รู้สึกดีก็สลับกลับไปกลับมาอย่างนี้แหละค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าเออ แบบว่าหมอก็ดีนะ แบบว่าเข้าค่ายนี่หมอก็จะแบบว่า ค่ายหมอก็เป็นค่ายศูนย์บาทอย่างนี้ แล้วแต่ที่ว่าคนนี่ที่จะมีจิตที่ว่าจะช่วยอย่างนี้นะ ก็เราก็คิดว่าเราได้อะไร ๆ มามากมาย มันทำให้ชีวิตเราก็เลยคิดว่า เออ ตรงนี้แหละที่มันเป็นสิ่งที่เราค้นหามาตลอดชีวิต คือตัวเองเคยคิดว่าถ้าฉันรวยถ้าฉันมีเงินฉันจะช่วยเหลือคน แต่เราก็พอมีเป็นฐานะชั้นกลางหมอยังอยู่กระต๊อบเลยหมอยังช่วยคนได้ตั้งเยอะแยะแล้วเรา เราเป็นคนชั้นกลาง แล้วที่ที่คิดว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ที่อยากจะทำอะไรเพื่อสังคมตรงนี้นี่พอหมอประกาศว่าอยากจะช่วยคน แล้วก็หาคนมาช่วยเราจึงได้มีความคิดว่าสมัครใจอยากจะมาเป็นจิตอาสาเพราะว่าวันนั้นถ้าวันนั้นไม่มีจิตอาสาที่เสียสละ มาทำค่ายให้เรา

จิตอาสา: มาช่วยเรา

คุณกิ่งแก้ว: มาช่วยเรา วันนี้เราจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้อที่หนึ่งแล้วข้อที่ทำให้เรานี่แบบว่าคิดมากก็คือว่าคนเรา จริง ๆ มันไม่ได้กลัวตายนะ แต่มันไม่พร้อมที่จะตายต่างหาก เมย์จำได้ว่าเหมือนเวลาที่ตอนที่เราน็อคยานี่เราก็คิดว่าเราอุตส่าห์ทำงานหาเงินมาตั้งเยอะแยะอ่ะ มันช่วยอะไรเราไม่ได้เลยสิ่งที่เราอยากได้ คือเราอยากได้

จิตอาสา: ชีวิต

คุณกิ่งแก้ว: อยากได้กระเป๋าเดินทาง อยากได้เสบียงไว้เลี้ยงตัวมันเหมือนเราต้องเดินทางไกลที่ไม่ได้กลับมาเจอกับญาติพี่น้องเราแล้วกับครอบครัวเราแล้ว แต่เราไม่มีอะไรติดตัวเลย เราไม่มีความมั่นใจที่จะเดินทาง แต่พอมาวันนี้จากการที่เราได้บำเพ็ญก็ขอบคุณท่านอาจารย์หมอเขียว

ขอบคุณเพื่อน ๆ จิตอาสาที่ให้เมย์เป็นส่วนหนึ่งของการได้ร่วมบำเพ็ญ คือ ขอบคุณที่ให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมบำเพ็ญ เพราะว่าชีวิตนี่ตั้งแต่เจอหมอเขียวมา ชีวิตมันเจอแต่สิ่งดี ๆ ไง เมย์หาเงินน้อยไป 80% แต่มันไม่มีค่าเลยกับเงินที่เราจะหาได้ กับสิ่งที่เรามีอยู่เพราะว่าพอถึงวันนี้ ถ้าให้เมย์ตายวันนี้เมย์ก็พร้อมที่จะตาย เพราะคิดว่าได้ทำหน้าที่ของคนได้สมกับที่เกิดมาเป็นคนแล้ว อย่างนี้ค่ะ คือมันก็ อืม

จิตอาสา: ก็ต้องขอขอบคุณขอบคุณคุณเมย์มาก

แบ่งปันประสบการณ์

การดูแลและเทคนิคที่ใช้

กรณีศึกษา 3.76 Ms. Becca Ray

กรณีศึกษาที่3.76ชื่อMs. Becca Rayเพศหญิงอายุ33 ปีอาชีพพนักงานหญิง ทำงานที่ Disney Merchandise at Disney All Star Resortประเทศสหรัฐอเมริกา โรคหรืออาการ : โรคเอสแอลอี (SLE) วันหนึ่งเธอมาทำงานแต่เดินไม่ไหว ขยับตัวเหมือนหุ่นยนต์ท่าทางทรมานมากเห็นแล้วสงสาร...

กรณีศึกษา 1.81 ครอบครัวคุณชุมพล ยอดสะเทิน

กรณีศึกษาที่1.81ชื่อครอบครัวคุณชุมพล ยอดสะเทินจังหวัดมหาสารคามโรคโรค SLE ระยะสุดท้าย และโรคไตวาย SLE ระยะสุดท้าย และ ไตวายขณะท้องได้ 3 เดือนท้องขณะที่เป็น SLE ระยะสุดท้าย และไตวาย หมอแนะนำให้ทำแท้ง ปฏิบัติตัวด้วยแพทย์วิถีธรรม :...

กรณีศึกษา 1.68 คุณวาสนา เด่นอุดม

กรณีศึกษาที่1.68ชื่อวาสนา เด่นอุดมเพศหญิงอาชีพค้าขายของพื้นเมือง-ขนมจังหวัดภูเก็ตโรคSLE SLE ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว มีไข้ เป็นซีสต์ในมดลูก ประจำเดือนผิดปกติ มาเดือนละ 2 ครั้ง ปวดข้อสาเหตุ โดนสารเคมีจากขนมรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน กินสเตียรอยด์กินนาน 15 ปี...

กรณีศึกษา 1.57 คุณบุญยวีร์ ศักดิ์สิริวาณิช

กรณีศึกษาที่1.57ชื่อบุญยวีร์ ศักดิ์สิริวาณิชเพศหญิงอายุ30 ปีจังหวัดนครปฐมโรคโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคไตและระบบเลือดวันสัมภาษณ์2 กุมภาพันธ์ 2557 อาการ : ระบบเลือด เม็ดเลือดแดงต่ำ เม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ ทำให้ตัวซีด เพลีย หน้ามืด เหนื่อยง่ายไต ขาบวม เปลือกตาบวม...

กรณีศึกษาที่ 1.47 คุณสิรวีร์ ลำสกุล

กรณีศึกษาที่1.47ชื่อสิรวีร์ ลำสกุลเพศหญิงโรคโรคเอสแอลอี (SLE) เกล็ดเลือดต่ำวันสัมภาษณ์31 มกราคม 2556 จิตอาสา: ขอเชิญคุณสิรวีร์ลำสกุลนะคะหรือคุณเป็ดนะคะเดี๋ยวแนะนำตัว แล้วก็เล่าประสบการณ์นะคะว่ามาค่ายแพทย์วิถีธรรมได้อย่างไร มีอาการไม่สบายอะไรหรือเปล่า...

กรณีศึกษาที่ 1.15 คุณเตือนใจ จันทะ

กรณีศึกษาที่1.15ชื่อเตือนใจ จันทะเพศหญิงจังหวัดมหาสารคามโรคโรคไตวาย เอสแอลอี (SLE)วันสัมภาษณ์21 ธันวาคม 2557 ผมอยู่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ส่วนตัวผมแข็งแรงมาก แต่ภรรยาผมก็ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่ต้นปีครับ เป็นโรค SLE หรือโรคพุ่มพวงน่ะครับ ประมาณต้นปี 2554...

กรณีศึกษาที่ 1.11 คุณเตือนใจ ศรีรัตนากร

กรณีศึกษาที่1.11ชื่อเตือนใจ ศรีรัตนากรเพศหญิงประเทศรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวโรคโรคมะเร็ง โรคไตวาย โรคเอสแอลอี (SLE) โรคเจ็บหลังวันสัมภาษณ์29 มกราคม 2556 เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวฮาวาย สามีซึ่งเป็นแพทย์แผนปัจจุบันมีอาการขาบวมจะเดินไม่ได้...

โรค SLEหรือโรคพุ่มพวง

คุณธัญญา (SLE ไตเสื่อม) รักษาแผนปัจจุบันมาหลายปี โรคมีแต่ทรงกับทรุด กินไปเหมือนดีขึ้น กินไปเรื่อยๆมันดื้อยา กินไปเรื่อยๆ ไตเสื่อมไปเรื่อยๆ และกินยาสูงไปเรื่อยๆมันก็ไม่ได้ผลจนหมอไม่รู้จะให้ยาอะไรแล้ว ไปเข้าค่ายของอาจารย์หมอเขียวหลังจากเข้าค่ายแล้วใช้ยา 9...

S L E รักษาด้วย ยา 9 เม็ด

จิตอาสาแพทย์วิถีธรรม (สติธรรม) จ.มหาสารคราม อายุ 39 ปี ประกอบอาชีพช่างเสริมสวย ติดกาแฟ ชอบแต่งตัว ทานอาหารรสจัด อาการเจ็บป่วยคือ โรค SLE ไตวายระยะสุดท้าย มีอาการเริ่มแรกคือ ปวดตามข้อมือข้อเท้า และปวดศรีมาก ทานยาพาราสะสมมาเรื่อยๆไม่ได้ไปหาหมอ ชีวิตเร่งรีบกับการงาน...

SLE

น้องเฟิร์น ผู้ป่วยภูมิแพ้ตนเอง SLE หรือพุ่มพวง ฉี่นะแม่มันไม่ใช้น้ำเปล่ามันจะกินได้ยังไง ก็เข้ากินมาหายกันหมดทุกโรค ทำไมไม่ลองละ เอาวะไม่รู้จะไปรักษาที่ไหนแล้ว ลองสักหน่อยก็ไม่เสียหาย เป็นผื่นมาก่อนเป็นคนแพ้อาหารทะเลอยู่แล้วแต่ด้วยว่ามันไม่ได้เป็นเยอะด้วยความอยาก...