1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.47 |
ชื่อ | สิรวีร์ ลำสกุล |
เพศ | หญิง |
โรค | โรคเอสแอลอี (SLE) เกล็ดเลือดต่ำ |
วันสัมภาษณ์ | 31 มกราคม 2556 |
จิตอาสา: ขอเชิญคุณสิรวีร์ลำสกุลนะคะหรือคุณเป็ดนะคะเดี๋ยวแนะนำตัว แล้วก็เล่าประสบการณ์นะคะว่ามาค่ายแพทย์วิถีธรรมได้อย่างไร มีอาการไม่สบายอะไรหรือเปล่า แล้วก็ปฏิบัติตัวแล้วมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เชิญคุณเป็ดเลยค่ะ
คุณเป็ด: ค่ะ สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ ชื่อสิรวีร์ ลำสกุล ค่ะ ชื่อเล่นชื่อเป็ดค่ะ มาจากนครสวรรค์ค่ะ ที่มาค่ายก็คือ เหมือนแบบตัวเองเป็นโรคเกร็ดเลือดต่ำน่ะค่ะ และก็เป็นเหมือนเอสแอลอี เป็นคล้าย ๆ เหมือนโรคพุ่มพวงแต่หมอบอกว่าเป็นคนละชนิดกัน ก็คือที่มาได้ก็คือ ทีแรกโทรไปแสงแดด แล้วเขาบอกเต็ม ก็เลยแบบดูในตารางอบรม ก็มีเบอร์โทรก็คือเจอเบอร์ป้าแขกก็เลือกโทรเบอร์ป้าแขก ป้าแขกบอกว่าเต็มแต่อีกอาทิตย์นึงให้ลองโทรมาใหม่เราก็เออนึกว่าเราสวดมนต์ไหว้พระ ถ้ามีบุญก็ขออีกอาทิตย์นึง เราโทรไปใหม่ขอให้ได้มา พอโทรไปป้าแขกบอกว่าได้ มาได้ ป้าแขกลงชื่อให้แล้ว ก็ดีใจมากค่ะที่ได้มา แล้วก็ที่รู้จักหมอเขียวก็คือดูในอินเตอร์เน็ตพอเจอก็เหมือนน่าจะรักษาเราได้ เพราะรักษาแบบทำทุกอย่างแล้วค่ะ เหมือนไม่ดีขึ้น แต่นี่ดูคนค้นฅนแล้วก็ประมาณศูนย์บาทรักษาทุกโรค อันนี้ไม่ต้องเสียตังค์น่าจะลองดูไป น่าจะไปแบบ น่าจะคิดว่าน่าจะทำได้ค่ะ เพราะเหมือนกินยา กินยาและอาการก็ไม่ดีขึ้นบวมขึ้น ๆ ตลอดเลยค่ะแล้วก็มันก็จะไม่สบายตัว ปวดหัว เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ท้องเเน่นไม่สบายตัวตลอดเลยค่ะ
จิตอาสา: เป็นเอสแอลอี มาประมาณกี่ปีแล้วคะ
คุณเป็ด: เริ่มเป็นเอสแอลอีประมาณ 3 ปี แต่ตอนแรกเป็นไอทีพีน่ะค่ะ เป็นเหมือนเกล็ดเลือดต่ำประมาณ 10 ปีค่ะ
จิตอาสา: 10 ปี ก็คือรักษาโดยทานยาอย่างเดียว
คุณเป็ด: ค่ะ ทานยาอย่างดียวค่ะ
จิตอาสา: คุณหมอให้ทานยาประเภท น่าจะเป็นพวกสเตียรอยด์
คุณเป็ด: ค่ะ กินสเตียรอยด์ค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ แต่ก่อนน้ำหนักเยอะอย่างนี้ไหมคะ
คุณเป็ด: อืม 75 ค่ะ
จิตอาสา: โครงร่างใหญ่
คุณเป็ด: แต่ตอนหลังคือ ร้อยโล ตอนก่อนมานี่ร้อยกิโลพอดี แต่คือชั่งเมื่อวานก็เหลือ 97 ค่ะ
จิตอาสา: ก็คือน้ำหนักขึ้นเรื่อย ๆ
คุณเป็ด: ขึ้นตลอดเลยค่ะ
จิตอาสา: โทษนะคะ คือคุณเป็ดเองอายุแค่ 39
คุณเป็ด: ค่ะ อายุ 39
จิตอาสา: ก็คือเป็นมาประมาณ 3 ปี ทานยามาตลอด
คุณเป็ด: ค่ะ
จิตอาสา: นะคะ แล้วก็พอถ้าที่พบคุณหมอเขียวนะคะ ที่ได้พบก่อนมาเข้าค่ายได้ปฏิบัติตัวอะไรมาก่อนไหมคะ
คุณเป็ด: ก็ประมาณเริ่มพอเจอ ดูในอินเตอร์เน็ตก็เริ่มประมาณทำตาม ก็คือ ทานฉี่ก่อนเลยและก็ดีท็อกซ์ ดีท็อกซ์ทีแรกก็ไม่กล้า เพราะว่าเหมือนกลัว แต่เหมือนมันแน่นท้องเกินแบบมันตีขึ้นหน้าจนแบบแน่นจนหายใจไม่ออกค่ะ ก็เลยเอ๊ะ ลองดู ก็เลยลองดีท็อกซ์ แต่พอทำวันแรกก็ แบบรู้สึกโล่ง โล่งสบายตัว ก็เลยทำมาตลอดค่ะ แล้วก็ทานสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดค่ะ
จิตอาสา: ตอนนั้นดีท็อกซ์ด้วยสมุนไพรอะไรหรือเปล่าคะ
คุณเป็ด: ก็ฉี่นี่ค่ะ หาง่ายเหมือนคุณหมอว่าค่ะ
จิตอาสา: ใช้ฉี่เลยนะคะ เริ่ม
คุณเป็ด: ค่ะ ใช้ฉี่แล้วก็ผสมสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดบ้าง แล้วก็ใส่น้ำเปล่าค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ ก็ใช้น้ำปัสสาวะอย่างที่คุณหมอแนะนำนะคะ
คุณเป็ด: ค่ะ
จิตอาสา: แต่ถ้านั่งใกล้ ๆ นี่นะคะ หรือใครได้พบคุณเป็ดในค่ายนะคะ พอดีวันก่อนก็ได้พบคุณเป็ดในกลุ่มด้วย เห็นบอกหน้าคุณเป็ดจะมีอาการยุบ
คุณเป็ด: ใช่ค่ะ
จิตอาสา: เล่าว่าเป็นมาได้ยังไง แล้วดูแลยังไง แล้วในค่ายนี่ได้ปฏิบัติอะไรที่ทำให้มันมีอาการเปลี่ยนแปลงมั้ยคะ
คุณเป็ด: ค่ะ ก็คือหน้านี่ที่ยุบนะคะ ก็คือตอนแรกเป็นเหมือนสิว สิวขึ้นเหมือนสิวหัวช้างค่ะ มันจะเป็นไตแข็ง ๆ แล้วก็ไปหาหมอโรคผิวหนังก็คือรักษาเหมือนทายา เหมือนรักษาสิวทั่วไปค่ะก็รักษาประมาณเป็นปีค่ะ มันก็ไม่ยุบ สิวมันก็ไม่ยุบ มันก็ขึ้นเป็นไตแข็ง ๆ ที่นี้ก็ไปตรวจ พอเหมือนแข็งมาหมอเขาก็เลยเจาะ เหมือนเจาะเอาเนื้อไปตรวจนะคะ ตรวจแล้วก็ แล้วก็เหมือน ไปตรวจ 2 ที่ค่ะ แล้วก็เหมือนแบบผลออกมาไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันเขาก็เลยส่งไปโรงพยาบาลจุฬา จุฬาเขาก็ตรวจอีก ตรวจแล้วก็ประมาณเจาะเนื้อไปตรวจแล้วก็เลยว่าประมาณเป็นเหมือน สรุปคือเป็นเหมือน SLE เป็นโรคพุ่มพวง แล้วก็พอนั่นก็คือกลับมาทานยาพิสโรนี่แล้วก็อาการก็ไม่ดีขึ้น ทานไปได้ประมาณปีหนึ่ง ครึ่งปี ตรงที่มันเป็นไตมันก็หายไป หายมันเนื้อมันเหมือนยุบไป คุณหมอเขาบอกว่าเหมือนพังผืดมันตาย เซลล์มันตาย ก็คือเหมือนมันก็เลยยุบไป พอทานพิสโรมาก ๆ เนื้อมันก็ขึ้นมา ตรงนี้มันก็เลยเหมือนบวม ๆ ตรงนี้มันก็เลยเหมือนยุบไป (เอานิ้วเกลี่ย ๆ บริเวณขมับซ้าย) นะคะ เพราะเหมือนแบบ เหมือนเขากิน เหมือนให้กินยาแล้วให้มันยุบ ตรงนั้นนะคะ
จิตอาสา: ค่ะ แล้วในค่ายนี่ มาได้ปฏิบัติตัว กัวซาอะไรมั้ย
คุณเป็ด: คือ เหมือนทำทุกอย่างนะคะ แบบอยากหายค่ะ ทำกัวซา ทำอะไรทำทุกอย่าง ทำกัวซาจนหัวระบม พอเมื่อวานวันที่ 5 เริ่มอาการออกเลย เหมือนปวดหัวตัวร้อน ท้องเสีย พอเมื่อวานวันที่ 6 เป็นมากเลยค่ะ แบบตัวร้อนแบบเหมือนไข้ขึ้น หนักหัวหนักเนื้อหนักตัว แบบเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวตลอดเลยค่ะ ได้เพื่อน ๆ ที่ห้องแล้ว ก็พี่มีไปช่วยแบบ เหมือนตัวเองจะตายแต่คิดว่ายังไงต้องหาย แต่ก็กังวลเหมือนกันว่า แบบให้พิษมันออกอะไรอย่างนี้ แต่ก็กลัว ยอมรับกลัวเหมือนกัน
จิตอาสา: ถ้าอย่างนี้แล้วเรายังเชื่อมั่นวิธียา 9 เม็ดนี้อยู่ไหมคะ
คุณเป็ด: เชื่อค่ะ เชื่อค่ะ
จิตอาสา: ก็มันทำแล้วแบบ ทำจนเรารู้สึกลำบาก
คุณเป็ด: แต่มันหนู คือความรู้สึกลำบากอีกใจนะ แต่อีกใจหนึ่งคือว่าพิษมันออกค่ะ พิษมันออกยังไงคิดว่ายังไงต้องหายค่ะ
จิตอาสา: แสดงว่าพิษ พิษขับพิษนะคะ เมื่อวานนี้วันที่6ของค่าย
คุณเป็ด: เพราะเมื่อวานเหมือนพอไปถ่าย ดีท็อกซ์และก็ฉี่ตอนหลังเลย แบบเหม็นยามากเลยค่ะ เหม็น เหม็นมากเลย
จิตอาสา: ค่ะ ต้องบอกจริง ๆ แล้วมีบุญนะ
คุณเป็ด: ค่ะ คิดว่าตัวเองยังมีบุญพอเหมือนกัน
จิตอาสา: ค่ะก็แสดงว่า ได้มาปฏิบัตินี่ พิษก็ออกวันที่ 6 นะคะ อย่างที่บอกว่าก็คือ ต้องบอกว่าโชคดี พิษขับในวันที่ 6 ก่อนกลับบ้านนะคะ ก็ยังได้รู้วิธีการที่ถ้าเกิดไปมีพิษอาการข้างนอกหลังจากค่ายนะคะค่ะแล้วก็ท้ายนี้อยากให้พี่เป็ดนะคะ สรุปนิดหนึ่งนะคะ ได้ปฏิบัติตัว 9 เม็ดแล้ว มีความมั่นใจกับวิธีการนี้หรือจะปฏิบัติตัวแบบเดิมคะ
คุณเป็ด: คิดว่า อ๋อ ขอนิดหนึ่ง คือเหมือนตัวเองนี่ ธรรมดานะจะกินแบบไม่เลือกน่ะ กินทุกอย่าง ก่อนจะมานี่ เป็นคนชอบกินกาแฟ ยังนึกเออเดี๋ยวไปค่อยเริ่มต้นใหม่ที่นี่ อะไรอย่างนี้ ก็คือกิน อยากอะไร จะกินอะไรก็กินทุกอย่างเลยค่ะ แต่พอกินไปแล้ว บางทีรู้สึกไม่ดี ก็ยังจะกิน แต่คิดว่าอันนี้ ข้อนี้กลับไปจะไม่ทำแล้ว แล้วก็จะปฏิบัติตาม อันที่คุณหมอบอกนี่ค่ะ 9 เม็ดนี่ค่ะ
จิตอาสา: อนุโมทนาค่ะ ก็คือ อย่างน้อยได้มานี่ 7 วัน ได้ประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งคือ ตั้งใจแล้วว่ากลับไปไม่ทานกาแฟนะคะ ก็ให้อนุโมทนากับคุณเป็ดด้วยนะคะ แล้วก็อยากฝากอะไร แนะนำให้กับพี่น้อง เป็นวิทยาทาน
คุณเป็ด: ก็คือทานของนี่ค่ะ ต้อง มันจะบางทีถ้าเราแย่เกินนี่ เราจะรู้เลยว่าอันไหนไม่ดี คือก็ต้องไม่ต้องทาน เหมือนแบบถ้าก่อนมา อันไหนไม่ดียังทาน ก็คือเดี๋ยวเริ่มใหม่อะไรอย่างนี้ อย่าคิดอย่างนั้นเลยค่ะ คืออันไหนไม่ดีพอกินไปแล้วมันจะรู้สึกไม่ถูกกับเรา อันนั้นล่ะอย่าทานค่ะ อันนั้นจะดีมากเลยค่ะ
จิตอาสา: จริง ๆ ก็คือให้ดูที่ตัวเราว่าอันไหนที่เราทำแล้วดี ทำแล้วถูก เราก็คือเหมือนอย่างที่บอกมาทานอาหารให้เป็นยานะคะ งั้น ณ วันนี้นี่ สบายใจกับโรค SLE แล้วใช่มั้ยคะ
คุณเป็ด: สบายใจ เชื่อมั่นว่าหายค่ะ
จิตอาสา: เชื่อมั่นว่าหายนะคะ ก็ขอให้คุณเป็ดนะคะ ก็ดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องนะคะ ขอบพระคุณค่ะ สาธุค่ะ