1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.100 |
ชื่อ | นางจิราภา ปาตีค |
เพศ | หญิง |
อายุ | 49 ปี |
จังหวัด | ลำพูน |
โรค | โรคสะเก็ดเงิน |
วันสัมภาษณ์ | 12 ธันวาคม 2557 |
ชื่อ นางจิราภา ปาตีคำ ชื่อเล่น น้อยหน่า อายุ 49 ปี บ้านอยู่อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เป็นสะเก็ดเงินมา 23 ปี
เมื่อก่อน มัวแต่ทำงาน หาเงิน กังวลใจหลาย ๆ เรื่อง ทำให้สะเก็ดเห่อขึ้นเยอะมาก เป็นอาการสะเก็ดเงินมา 23 ปี อาการปวดหลังก็กำเริบขึ้นไม่ทุเลาลงเลย พร้อมกับอาการป่วยต่างๆ ก็ตามมาเป็นขบวนใหญ่เลย เมื่อมาพบแพทย์วิถีธรรมใช้วิธีถอนพิษ 9 อย่าง และดับทุกข์ที่เหตุ ปรากฏว่าอาการดีขึ้นมาก
ก่อนจะมีอาการเป็นสะเก็ดเงิน จะมีอาการต่อมทอลซิลอักเสบบ่อยมาก ๆ เป็นมา 4-5 ปี ก่อนพบสะเก็ดเงิน 18 ปี รวม 23 ปี ใน 1 ปี จะนอนโรงพยาบาล 4-5 คืน กินยา ฉีดยา ทายา หลัง ๆ ทายาอย่างเดียว หายตามอาการ ยาหมดอาการกำเริบอีก
การตรวจรักษา จะตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เคยมีอาการร้อนมาก เนื้อตัวแดงเป็นปื้น ปวดตามเนื้อตัวในร่างกาย เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด รักษาด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด จากใบย่านาง ใช้ 3 เวลาก่อนอาหาร บางทีก็เพิ่มก่อนนอน รู้สึกเบาเนื้อเบาตัว แต่ไม่ถึงกับโล่ง
จะดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด น้ำว่านหางจระเข้ เป็นประจำ ดื่มมานาน 2 ปี 5 เดือนแล้ว เมื่อดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด แล้ว อาการที่เคยเป็น เช่น หวัด ไข้ ปวด คัน บางอย่างห่างๆ ไปเลย บางอย่างไม่กลับมาเป็นอีก หรือนานๆจนลืม ถึงจะกลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่ง
การกัวซา จะทำที่แผ่นหลัง แรก ๆ ทำกัวซาบ่อยมาก หลัง ๆ นาน ๆ ที ศีรษะ ใบหน้า แขน มือ และขาเท้า นาน ๆ ทำที ทั้งตัว นาน ๆ ที มัวแต่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ปวดหลัง ปวดเอวมาก ใช้ครีมขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น แผ่นหลัง คอ หัว หน้า เมื่อไม่สบาย กัวซาแล้วรู้สึกโล่ง เบาสบาย แต่เนื่องจากทำไม่ต่อเนื่องจึงรู้สึกว่าปวด เป็น ๆ หาย ๆ ครั้งแรกก็ขยันกัวซาทุกวัน เมื่อโรคคลี่คลายลงบ้างแล้วก็นานๆ ทำที ทำตอนปวดหลัง ปวดเอวหรือยกของหนัก
3 เดือนแรกหลังจากเข้าค่าย เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2555 รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เป็นสิ่งก่อโรค จะเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ระยะหลังถึงปัจจุบัน ถ้าปวดถึงจะทำกัวซา ช่วงวันที่ 25-30 ตุลาคม 2557 เป็นไข้ ไอ เจ็บคอมีเสมหะมาก ใช้วิธีกัวซา ปรากฏว่าอาการทุเลาลงตามลำดับ
เมื่อเวลาอืดท้อง หนักเนื้อตัว จะทำดีท็อกซ์ ด้วยน้ำปัสสาวะและน้ำธรรมดา ปริมาณ 250 และ 1,200 ซีซี ใช้ 2 ขวด ทำช่วงเช้าหลังตื่นนอน ประมาณ 10 นาที ทำแล้วรู้สึกเบาท้อง เบาเนื้อตัว นอกจากจะเบาเนื้อตัวแล้ว อาการปวดหลังและเอวก็ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด ต่อเมื่อไปยกของหนัก และทำงานผิดท่าก็จะแสดงอาการปวดอีก จึงต้องระวังหรือรู้สึกตัวตลอดเวลาว่าทำอะไรอยู่
การแช่มือแช่เท้า ได้นำมาใช้แก้อาการเหล่านี้คือ
1. ตัวร้อน เป็นไข้ ในช่วงระยะเวลา วันที่ 3 พฤษภาคม-6 พฤศจิกายน 2557 แช่ตัววันละครั้งด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์ร้อนและเย็น อุ่นจัดพอทนได้ นาน 3 นาที ยก 1 นาที 3 ครั้ง ลดอาการตัวร้อนเป็นไข้ดีขึ้น ได้ในเวลา 3 วัน
2. มือเด็กอายุ 12 ปี โดนน้ำยาปรับผ้านุ่มมีรอยช้ำหลังมือขวาประมาณ 1 เซนติเมตร และรอยดำหลังนิ้วมือทั้งสองข้าง ตั้งแต่ 1-4 พฤศจิกายน 2557 ไม่ยอมแช่มือแช่เท้า หลังจากตกลงยอมเมื่อ 5-6 พฤศจิกายน 2557 ถึงยอมแช่ ปรากฏว่ารอยดำที่นิ้วมือ เริ่มจางลงที่ละนิด (แช่วันละครั้งตอนเย็น)
3. หญิงสาวอายุ 22 ปี มีตุ่มน้ำใสๆออกข้อศอก คันและเจ็บ (จำวันเดือนปีไม่ได้) มีเวลาแช่มือเท้าก็เสาร์ อาทิตย์ บางอาทิตย์ก็วันเดียว แล้วแต่โอกาสอำนวยนับได้ประมาณ 3-5 ครั้ง อาการทุเลาอย่างเห็นได้ชัด จนหายไปเลย (ดีขึ้นได้ภายใน 3-5 ครั้ง)
ดิฉัน จะมีขี้ตามาก ขอบตาหนา แววตาดุดัน อารมณ์เศร้าหมอง เมื่อใช้น้ำปัสสาวะหยอดตา หยอดหู หยอดจมูก นานๆเข้า สภาพร่างกายโดยทั่วไปดีขึ้นตามลำดับ อารมณ์ก็ดีตามไปด้วย
ปวดหลัง เอว ใช้การเดินเร็วช่วงเช้า ปวดเนื้อตัว ได้ทำโยคะ ในตอนเช้า ปวดกล้ามเนื้อทุกส่วน กดจุดลมปราณ ในช่วงเช้า สลับกัน เมื่อทำแล้ว ครึ่งชั่วโมง-1 ชั่งโมง พบว่ามีอาการเบาสบาย แต่ไม่โล่ง ต้องแบ่งเวลาระหว่างเดินเร็วและโยคะ กดจุดลมปราณเพื่อลดความร้อนในตัว ร่างกาย ระบายความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เมื่อมีอาการไม่สบายต้องรีบระบายทันที สามารถลดอาการได้เร็วมาก
ท้องอืด ท้องเฟื้อ ผิวพรรณดูไม่ได้ กินอาหารตามสูตรแพทย์วิถีธรรม 3 มื้อต่อวัน ทานต่อเนื่อง เป็นเวลา 2 ปี 7 เดือนโดยประมาณ รู้สึกตัวเบา เมื่อ 4-5 เมษายน – ตุลาคม 2555 ประมาณ 6 เดือนแรกจะปฏิบัติเข้ม ปรากฏว่าข้างในร่างกายเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องเพิ่มฤทธิ์ร้อนบ้างตามอาการ เวลาที่มีอาการห่อเหี่ยว ท้อแท้ไม่มีพลัง จะตรวจดูลมหายใจบ่อยกว่าอย่างอื่น ทุกเวลาที่เกิดอาการ 20 นาที โล่งเป็นบางครั้งแล้วก็เป็นอีก รู้สึกว่าตัวเองแบ่งเวลาไม่ถูก ระหว่างภาระทางจิตที่จะไปทำอย่างอื่นพอได้สวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกลม แล้วก็โล่งใจ มีพลังขึ้นมาทันที ถ้าไม่สบาย ก็พิจารณาลมหายใจตอนนั้น อาการไม่สบายใจจะลดลงทันที หนักตัว ผิวเป็นปื้น เป็นขุย ดื่ม ทา อาบ ใช้ปัสสาวะสด ช่วง วันที่ 4-5 เมษายน 2555 – 8 พฤศจิกายน 57 จะดื่มตลอดทุกเช้าทำแล้วแข็งแรง เบาตัว สบาย เป็นน้ำอัจฉริยะจริงๆ อาการปวดตึง กล้ามเนื้อ ผิวพรรณดูไม่ได้ ก็กลับไปในทางที่ดีขึ้นทุกๆอย่างมีพลังชีวิตเต็ม นานๆ จะป่วยที ตั้งแต่ 4-5 เมษายน 2555 – 8 พฤศจิกายน 57
ผิวเป็นตุ่ม หนาเตอะ หน้าตาดูไม่ได้ น่าเกลียดทั้งเนื้อทั้งตัว จิตใจฟุ้งซ่าน อายไม่กล้าออกสังคม กลัวไปสารพัด ปวด คัน แสบ เจ็บ สรุปแล้วเกือบตาย หรือตายทั้งเป็นก็ว่าได้ ประมาณ 1 ปี 7 เดือนโดยประมาณ (เพราะต้องทำงานหนักกับภาระประจำวันไปด้วย) เริ่มมีผิวหนังที่เข้าที่เข้าทาง ไม่ปวดตึงกล้ามเนื้อ มีพลังชีวิตที่ดีขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี 7 เดือนโดยประมาณก็สามารถบอกให้คนรอบข้างหรือผู้ที่สนใจการแพทย์วิถีธรรมได้อย่างเต็มที่ว่าเป็นการรักษา คือ เป็นหมอรักษาตัวเองได้
ครั้งแรกที่ได้ปฏิบัติก็ยังมีความกังวลใจไม่น้อย หลังจากตัดออกจากเหตุ หรือพิจารณาเหตุนาน ๆ ไปก็เข้าใจและต้องทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันก็จะเข้าที่เข้าทาง ผลที่เกิดสามารถยกระดับจิตใจดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ครั้งแรกสังคมรอบข้างไม่ยอมรับ เมื่อผลดีแสดงออกมาทั้งร่างกาย (ผิวหนังและจิตใจ) หน้าตาเบิกบาน เริ่มยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ติดที่ทิฐิของเขาเองที่กั้นตัวเองก็พยายามสื่อให้คนอื่น ๆ มาลองทำบ้าง โดยการทำรายการวิทยุร่วมกับอาจารย์ราตรี ห่านตระกูล บางคนก็บอกว่า ดูเธอทำแล้วยากเหลือเกินที่จะทำตาม บางคนก็เริ่มทำบ้าง ประหยัดมาก และร่างกายก็มีพลังที่จะทำงานทุกอย่างได้ดีกว่าการรักษาทางแผนปัจจุบัน จะนำการแพทย์วิถีธรรมเผยแพร่ให้ผู้อื่นโดยไม่คิดเงิน