2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.4 |
ชื่อ | นางสาววีณา เหลืองอ่อน |
เพศ | หญิง |
อายุ | 47 ปี |
จังหวัด | ระยอง |
อาการ | แผลอักเสบเรื้อรัง |
วันสัมภาษณ์ | 26 ธันวาคม 2557 |
เหตุผลที่มาใช้สูตรหมอเขียว ครั้งแรกที่มาก็คือมีอาการป่วยค่ะ ป่วยเกี่ยวกับเป็นโรคเรื่องแผลอักเสบเรื้อรังส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งที่เป็นอยู่ประจำก็คือเป็นหวัด เป็นหวัดนี้เป็นทั้งปี ปีหนึ่งคนอื่นจะเป็นประมาณ 2 ครั้ง เราจะเป็นประมาณ 4 ครั้ง แล้วก็เป็นนี่จะต้องหาหมอทุกครั้ง ต้องทานยาถึงจะอาการดีขึ้น แล้วก็มีโรคหนึ่งอีกโรคหนื่งเป็นโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งโรคกระเพาะอาหารนี่ต้องใช้ยา กินยาเคลือบกระเพาะอย่างเดียว
ก็มีความสนใจมาศึกษาแพทย์ทางเลือก เพราะอะไร ก็เพราะว่าเราเข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลนี่มีแต่ค่าใช้จ่ายและหมอก็มักจะบอกว่า เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด เป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรม คุณต้องกินยาไปตลอดชีวิต เป็น ๆ หาย ๆ อยู่อย่างนี้ เราก็มีความรู้สึกว่าโรคทุกโรคมันต้องรักษาได้นะคะ แต่เราจะทำยังไงที่เราจะไม่ใช้ยาแผนปัจจุบัน จะไม่กดภูมิคุ้มกันของเราและที่สำคัญเราไม่อยากเป็นโรคที่กินยาเข้าไปเยอะ ๆ ไปเป็นโรคไต เลยมานั่งศึกษาและค้นหาดูว่ามันมีศาสตร์อะไรบ้างที่น่าจะเป็นศาสตร์ที่ไม่ต้องใช้ยา แล้วก็พึ่งตนเองได้สุดท้ายเราก็มาอ่านเจอเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัด อ่านอยู่พักใหญ่ แล้วก็เรียนรู้นะคะ เรียนรู้ในหลาย ๆ สถานที่แต่มันก็ยังไม่ใช่ มันก็ยังต้องใช้ตังค์ แล้วก็ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ และที่สำคัญ มันก็ยังไม่ใช่อาหาร และใช้อาหารเป็นยาจริง ๆ ซึ่งตอนนั้น กว่าจะได้ตรงนี้มานี่เราก็ใช้เวลามาเข้าค่าย สมัครก่อนนะคะ แต่ก็ไม่ได้ว่าได้มา เข้ามาได้เลย อันนั้นใช้เวลา 1 เดือน แต่ก่อนที่จะได้มา ก็ได้มีโอกาสไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอเขียวนะคะ ก็บังเอิญว่าดีที่มีคนแถวระยองมีโอกาสมาเข้าค่ายหมอเขียว ก็ไปตามหาหนังสือย่านาง ย่านางเล่มละ 12 บาท เอาหนังสือที่ไหนมา แล้วได้มาได้อย่างไร บอกเขาก็ให้ไปหาที่บ้านค่ะ ที่ระยอง เสร็จแล้วเขาก็จะให้ซีดีแพทย์วิถีธรรม หนังสือแพทย์วิถีธรรมเยอะมาก ซึ่งตอนนั้นเรามาสมัครแล้วก็ยังเข้าค่ายไม่ได้นะ ก็ใช้วิธีอ่านหนังสือแล้วก็ปฏิบัติตาม อาการที่เราเป็นนี่ มันดีขึ้น เราก็เลยศึกษาที่นี่เลยก็คือมาสมัครแล้วก็พยายามมาทุกเดือน
ถามว่าครั้งแรกที่มาทุกเดือนเพราะอะไร ก็คือ มียา 9 เม็ดสำหรับเราเราปลูกผักเองกินไม่ได้ เราก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าเราไปโน่นนะเราได้เรียนรู้และทำจากของเขาจริง ๆ โดยเรามาทุกค่ายเลยที่เขาจัดทุกครั้งเราจะแบ่งเวลามาทุกค่ายโดยที่ระยะหลังเราเริ่มมาศึกษาจริง ๆ ถ้าธรรมชาติบำบัดสามารถรักษาโรคได้ทุกโรคเพราะว่าถ้าภูมิคุ้มกันเราแข็งแรง โรคที่เราเป็นอยู่มันก็จะถูกเม็ดเลือดขาวกัดกิน แล้วก็ขับออกจากร่างกาย พอร่างกายสมบูรณ์เมื่อไหร่เราก็แข็งแรง
อย่างตอนนี้เราเป็นหวัดและโรคกระเพาะ ถามว่ามีหายขาดอยู่แล้วค่ะถ้าเราปรับสมดุลตลอดเวลา และกินน้อย ๆ เพื่อให้ลดกรดในกระเพาะ คือถ้ากรดในกระเพาะเยอะมาก ๆ นี่จะทำให้ปวดท้องน่ะ แต่ของเรานี่ไม่มีผลอะไร ถึงจะกินมื้อเดียว แต่เราใช้ฤทธิ์เย็นไปปรับสมดุลในร่างกายโรคกระเพาะอาหารก็หายไปเลย แล้วก็เป็นหวัดนี่ ตอนนี้ 4 ปีเต็ม ๆ หวัดเราไม่เป็น คือถ้ามันมีอาการ เราก็ใช้ยา 9 เม็ดถอน มันก็หาย อย่างในเรื่องการดูแลสุขภาพ เราจะแก้ปัญหายังไง อย่างของตัวเองเคล็ดลับในการแก้ปัญหาหลักนี่ก็คือหนึ่ง ตื่นขึ้นมานี่ก็จะเข้าห้องน้ำ และใช้วิธีการพอกหน้า แล้วก็สวนล้างลำไส้ใหญ่ พอเสร็จจากตรงนั้นจะใช้วิธีกดจุด แล้วก็ไปออกกำลังกายเป็นประจำ ทำแปลงเกษตรปลูกผัก เราก็จะไปเดินเร็ว รดน้ำต้นไม้อยู่ในแถวนั้นนะคะ
อย่างการเป็นแผลเรื้อรังนี่ ผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เป็นอยู่นี่ก็ยังไม่ถึงกับหายขาดนะคะ จะประมาณ 80 % ที่ดีขึ้นอยู่ในสถาการณ์ปกติ แต่ถ้าวันไหนที่ร่างกายโดนความร้อนหรือโดนคอมพิวเตอร์หรือนอนดึกนี่อาการเก่าจะกลับมาเราก็จะใช้เทคนิคของยา 9 เม็ดนี้ค่ะ เราโดนคอมพิวเตอร์หนัก ๆ จริง ๆ อย่างแรกที่เราจะใช้คือการสวนล้างลำไส้ใหญ่ เราจะสวนล้างลำไส้ใหญ่ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายเรามันเย็น พอเย็นเสร็จแล้วเราออกมาเราก็จะใช้วิธีการทำน้ำสมุนไพร ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนะ ถ้าทำเกษตรแล้วเราก็ไม่ต้องการเสียเวลา จะใช้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด นี่จะใช้วิธีเคี้ยว ๆ นะ เจอใบย่านาง ใบอ่อมแซบ ก็ใช้เคี้ยว ๆ แล้วกินน้ำตามนะคะ
แล้วก็ช่วงที่เราลงแปลงเกษตรนี่เราจะใช้อีกวิธีหนึ่งที่เราจะใช้ยา 9 เม็ดก็คือ เราไม่มีเวลาที่จะแช่มือแช่เท้านะ เราก็จะใช้วิธีการถอนพิษจากเท้าโดยเหยียบดิน นี่ก็คือการถอนพิษอีกวิธีหนึ่งที่ดึงความร้อนออกจากทางเท้าได้นะคะ มือเราก็จะใช้วิธีการที่เราลงไปในสระน้ำ ล้างมือล้างขา เราก็จะใช้เทคนิคการแช่ 3 นาทีขึ้น 1 นาทีแล้วก็ลง 3 ครั้ง ใช้เทคนิคง่าย ๆ เอาไปประยุกต์ใช้ค่ะ เหมือนตอนเรามาเข้าค่ายในศูนย์ เพราะว่าบางทีเรามาเป็นจิตอาสานี่เราต้องมาช่วยในเรื่องของจิตวิญญาณ ในเรื่องของการเสียสละและแบ่งปัน เราก็ไปประยุกต์เอาเองนะคะ
ปัจจุบันนี้อาการของตัวเองทุกอย่างจะดีขึ้น ถามว่าการสวนล้างลำไส้ใหญ่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คือเห็นได้ชัดเลยว่า ถ้าร่างกายเราร้อนมาก ๆ หรือมีแผลเรื้อรัง อาการบวมแดงเขาจะออกมาได้ชัดหรือจะขยายวง เราก็จะใช้การสวนล้างลำไส้ใหญ่ชุดใหญ่ประมาณสัก 4 ขวดนะ แต่ว่าเราไม่ได้ใส่น้ำทีเดียวทั้ง 4 ขวด ก็คือว่าใส่น้ำเท่าที่เราสบายแล้วถ่ายออก แล้วก็สวนน้ำเข้าไปใหม่อีกค่ะจนรู้สึกว่าร่างกายเขาเย็น พอเขาเย็นเราก็จะหยุด พอหยุดเราก็ไปใช้กิจกรรมอื่นต่อ
ถามว่าเทคนิคตรงนี้เราไปขยายผลในชุมชนได้อย่างไร อย่างของตัวเองนี่ ได้มีโอกาสไปเป็นจิตอาสาแล้วก็พาจัดกลุ่มผู้ป่วยนะคะ เราก็จะสอนการทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่เราเจอปัญหาว่าผู้สูงอายุบางคนจะเจอปัญหาในเรื่องของการสวนล้างลำไส้ใหญ่ไม่เป็น แล้วก็เขาจะเป็นโรคที่กินอาหารลงไปแล้วอืดท้อง แล้วก็ถ่ายไม่ออก เราก็จะมีเทคนิคในการสอนง่าย ๆ เราจะไม่บังคับ คนไหนสนใจอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำหรือกลัวก็ยังไม่ต้องทำนะคะ เราคิดว่าเราเป็นเพียงแต่ผู้ชี้ทาง คุณจะทำหรือไม่ทำนี่เป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าใครมีโอกาสได้ทำเขาก็จะมาถ่ายทอดให้ฟังว่า โอ้โหสบาย ถ้ารู้อย่างนี้เขาควรจะทำตั้งนานแล้ว ถามว่าตอนนี้ตัวเองก็จะใช้การสวนล้างลำไส้ใหญ่ทุกวัน เพราะอะไรเพราะในการที่แต่ละวันความร้อนเข้าสู่ร่างกายได้ทุกรูปแบบตั้งแต่เรื่องการทำงานและในเรื่องของความคิด เรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์ พิษสะสมนี่เขาจะมาสะสมในตัวของเราอยู่ อย่างบางวันนี่ถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์มาก หรือมีความร้อนในตัวมาก เทคนิคที่เราใช้จริง ๆ ก็คือการสวนล้างลำไส้ใหญ่ทั้งเช้าและเย็นให้ถี่ขึ้นนะคะจนร่างกายเรารู้สึกเย็นน่ะ เราก็หยุด