2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.52 |
ชื่อ | นายครองศิลป์ รักภักดี |
เพศ | ชาย |
อายุ | 47 ปี |
อาชีพ | จิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ |
จังหวัด | มุกดาหาร |
อาการ | แผลหลังจากเกิดอุบัติเหตุ |
วันสัมภาษณ์ | 9 มีนาคม 2558 |
นายครองศิลป์ รักภักดี จิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ ได้รับอุบัติเหตุร่วมในรถตู้ เย็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2558 เวลาประมาณ 21.45 น. สถานที่เกิดเหตุ สี่แยกหัวตะพาน อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี รอยต่อแดนอำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
อาการบาดเจ็บตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บ บาดแผลผิวหนังฉีกขาดเล็กน้อย ประมาณ 1 เซนติเมตร แผลไม่ลึก ตรงกลางกระดูกหน้าแข้ง เสียเลือดเล็กน้อย ไม่ได้ทำแผล ล้างแผลที่โรงพยาบาลแต่อย่างไร แผลบริเวณหน้าผากด้านขวาเหนือคิ้วขวา และหัวคิ้วขวาเกิดเป็นรอยถลอกแดงช้ำแต่ไม่เสียเลือดคั่งในผิวหนัง บริเวณแผลกว้างประมาณ 3-5 เซ็นติเมตร รักษาตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก็หายจนเป็นปกติ
ขณะที่เข้าโรงพยาบาลแล้วจิตใจยังดีอยู่ครับ หน้าผากโนครับ มีแผลที่หน้าแข้งเล็กน้อย
เจ็บบริเวณหน้าอกด้านขวาจากแรงกระแทกกับคอนโซลหน้ารถทำให้มีอาการแน่นหน้าอก ปวดระบม หายใจติดขัดเล็กน้อย ภายหลังจาก X-ray แล้ว กระดูกไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ กล้ามเนื้อแค่ฟกช้ำเล็กน้อย หลังเจออุบัติเหตุประมาณ 30 นาที การหายใจที่ติดขัดก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบปกติ
สำหรับอาการ 3 อาการ ข้างต้นนั้น ไม่ได้รักษาโดยใช้ยาจากโรงพยาบาลแต่อย่างใด ไปที่โรงพยาบาลลืออำนาจ แค่ X-ray และทำความสะอาดแผลเท่านั้น
โดยผมได้ดื่มน้ำปัสสาวะ และใช้น้ำปัสสาวะลูบทาบริเวณที่มีอาการทั้ง 3 ตำแหน่ง อาการก็ดีขึ้นภายใน 30 นาที สภาวะที่เกิดขึ้นขณะอยู่ในเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้ ผู้ขับขับด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง จังหวัดอุบลราชธานีมุ่งหน้าไปปลายทางที่ตัวเมืองอำนาจเจริญ ในเวลาประมาณ 21.45 น. ตรงสี่แยกหัวตะพานไม่มีไฟสว่างส่วนถนนสี่แยกด้านหน้ามีไฟส่องสว่างอยู่ด้านซ้ายมือแยกไปหัวตะพานเท่านั้น แยกไปขวามือ ก็ไม่มีไฟมืดสนิทด้วย อาการของผู้ขับที่อาจเมื่อยล้าจากกิจกรรมตอนกลางวันความมืดด้านหน้ารถความไม่คุ้นเคยกับเส้นทางหรือปัจจัยอื่น ๆ อีกก็ตาม ผู้ขับตัดสินใจเลี้ยวซ้ายฉับพลันตรงสี่แยกนี้ไม่ลดความเร็ว ไม่มีเบรกห้ามล้อใด ๆ ผู้ขับขี่ อุทาน เสียงดังว่าโอ๊ย!!!! 2 ครั้งอาจด้วยสะดุ้งตกใจเหนือการควบคุมหรืออะไรสักอย่าง รถพุ่งด้วยความเร็วฉีกโค้งตรงไปยังเสาไฟฟ้า อีกเลนถนนหนึ่ง ทางขวามือคนขับ หน้ารถฟาดเข้าอย่างจังกับต้นเสาไฟเหล็กกลมขนาด 4 นิ้วยุบ ตีเข้ามาทั้งแถบ อัดหน้ารถให้ยุบเข้ามาพวงมาลัยยุบเข้ามา คอนโทรลยุบเข้ามาอัดตัวผู้ขับไว้กับเบาะที่นั่งเสาไฟเบียดเสียดล้อรถด้านหน้าขวามือหลุดไปกองอยู่กับพื้น
ผู้วิจัย ได้เดินทางมาดูรถตู้ที่ประสบเหตุที่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
ผมนั่งเบาะซ้ายด้านหน้ารถคู่กับคนขับ ขณะอยู่ในสภาวะอุบัติเหตุมีความรู้สึกว่า หลังจากได้ยินเสียงร้อง โอ๊ย!! ด้วยความตกใจของผู้ขับ ผมเหลือบตาดูคนขับ ผมยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า หันหน้ามองตรงไปด้านหน้าออกไปจากกระจกรถข้างหน้ามืดมิดไม่เห็นอะไรความรู้สึกผมเป็นไปอย่างเชื่องช้า ผมยิ้มให้ตนเองรู้สึกกับตนเองว่าดูซิ ตาล (คนขับ) จะแก้ปัญหาอย่างไรผมรู้สึกตัวเบาลอยขึ้นมาได้ ทุกอย่างผ่อนคลาย ปลอดโปร่งอย่างยิ่ง ไม่มีอาการหวาดผวา ตระหนกตกตื่นอย่างใดทั้งสิ้นรถพุ่งไปช้า ๆ ในความรู้สึกของผมแต่ข้างนอกมันเร็วมาก ในความรู้สึกชาวบ้านแถวนั้นเมื่อเรากลับมาสอบถามเขาในภายหลัง
สภาวะที่ได้ไม่มีหวาดกลัว สะดุ้งตกใจตื่นใด ๆ ร่างกายผ่อนคลายปล่อยวางทุกอย่างสิ้น สติรับรู้ตลอดเวลา หลังเหตุการณ์ผ่านไปผมได้สภาวะ เป็นความรู้สึกจริงในใจตนขึ้นมาว่า วันนี้มันเป็นบุญกุศลของผมที่เข้ามาตักเตือน ให้ผมอย่าประมาทในการพากเพียรล้างกิเลสกาม ราคะ อัตตา มานะ ของตนเองให้พากเพียรทำเต็ม ๆ สุด ๆ รีบเร่งให้เร็ว ๆ ที่สุดก่อน
“หมายเหตุแม้กระทั่งญาติธรรมจากบ้านราชฯเองก็ได้นำอาหารและสมุนไพรมาส่งให้กำลังใจจากอาจารย์หมอเขียวและพี่น้องเราล้นเหลือเราได้เห็นวัฒนธรรมขององค์กรพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ก็ช่วยกันทำงานเบื้องหลังอย่างเต็มที่เต็มกำลังเพราะอาชีพทำงานฟรีงานไม่มีหมด”
ถอดความหมอให้กำลังใจพี่ตาลวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558
บันทึกเสียงธรรมะจากผู้วิจัย เพื่อให้กำลังใจกับจิตอาสาอิทธิชัย จันทชาติ (ตาล) รวมถึงจิตอาสาที่ประสบอุบัติเหตุ (รวม 3 ท่าน) บันทึกเสียงและส่งไปทางไลน์
“อ้าวส่งกำลังใจให้นะทำใจให้สบายไม่ต้องกังวลอะไรตอนนี้ได้บอกวิธีทำยาไปแล้ว ที่จะช่วยหยุดเลือด ที่มันยังไหลไม่หยุดอยู่นะให้กินยาตัวนั้นไป ทายาตัวนั้น ประคบยาตัวนั้นก็จะดีขึ้นนะ สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำใจให้สบายไม่ต้องกังวลอะไรนะ อะไรจะเป็นก็ให้มันเป็น อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เราได้ทำหน้าที่ ๆ ให้มันดีที่สุด ในสนามแห่งความดี เป็นบุญกุศลสูงสุดแล้วในชีวิตเรา ก็ขอให้เราภาคภูมิใจในการบำเพ็ญของเรา นักรบจะมีความสุขเมื่อได้บำเพ็ญท่ามกลางสนามรบเรา สนามแห่งความดีเราควรจะมีความสุขนะที่เราได้บำเพ็ญในสนามแห่งความดี บาดเจ็บในสนามรบ ตายในสนามรบก็เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของการทำหน้าที่ของทหารนะ คนเราก็มีการบาดเจ็บก็เป็นบุญกุศลสูงสุดในชีวิตเราแล้ว ขอให้เราภาคภูมิใจสุขใจ และก็ปล่อยวางใจให้สบาย ปล่อยให้ร่างกายมันซ่อมแซมของมันไป ปล่อยให้บุญกุศลที่เราทำมาให้มันซ่อมแซมร่างกายไป ทำจิตใจของเรานั้นให้สุขสบายเข้าไว้ ปล่อยวางไม่ต้องกังวลอะไร ปล่อยให้พลังแห่งความดีที่เราได้บำเพ็ญมาได้ออกฤทธิ์ ออกฤทธิ์ให้เรานั้นสุขสบาย ให้ซ่อมสร้างร่างกายของเราให้แข็งแรง ที่เหลือเราก็ใช้ด้านวัตถุช่วยเหลือไป
บอกให้เขาให้ทำยาให้รับประทานแล้ว ที่จะช่วยร่างกายให้ฟื้นได้เร็ว ให้หยุดเลือด ให้เลือดลมไหลเวียนได้เร็ว ให้ร่างกายมันซ่อมแซมฟื้นฟูได้เร็วได้บอกไปแล้วทั้งยากินและตัวที่จะเอา ไปประคบนะทำไปตามนั้นแหละ ตัวเราก็ต้องทำใจให้สบายนั่นแหละเป็นหลัก ทำใจให้สบาย
ไม่ต้องกังวลอะไร เรียนรู้บุญกุศลที่เราได้ทำมา ให้บุญกุศลเขาออกฤทธิ์แล้วชีวิตของเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุขจะฟื้นได้เร็วปล่อยวางใจให้ดี ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้นนะ อะไรจะเป็นก็ให้มันเป็น เราทำหน้าที่ ๆ ดีที่สุดของเรา เราได้เกิดการบาดเจ็บหรือไม่สบายต่าง ๆ ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นบุญกุศลสูงสุดแล้วในชีวิตของเรานะ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดแล้วจงปล่อยวางกุศลให้ทำหน้าที่ ของเขา ทำใจให้สบายไม่ต้องกังวลอะไร เจริญธรรม”
ข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับสาบเสือ จากการบรรยายของอาจารย์หมอเขียว ในค่ายสุขภาพค่ายหนึ่งในปี พ.ศ. 2557 มีดังนี้คือ “สาบเสือมีประสิทธิภาพสูงมากในการหยุดเลือดและสมานแผลตอนเด็ก ๆ เป็นบาดแผล เคี้ยว ๆ แล้วเอามาแปะแผล เคี้ยวมันดีนะอย่าไปกลัวว่ามันจะอันตรายนะ ที่เคี้ยวบางคนเคี้ยวไม่กล้ามาแปะ ทีเคี้ยวอาหารทำไมกลืนได้ที่ปากคนจะมีด่าง ด่างจะทำการย่อยสลายพอเราเคี้ยวสาบเสือจะได้ด่าง ย่อยธาตุออกมาแล้วมันจะเร็ว มันจะดี มันจะเร็วในการรักษามันจะสมานแผลดีมาก แก้ปวดดีมาก สมานแผลแก้ปวดหยุดเลือดอยู่ในนั้นข้างนอกก็รักษาดี ข้างในก็รักษาดี
คนที่เขาตกเลือดอะไรต่าง ๆ ให้กินเข้าไปแล้วหยุดเลือดดีสาบเสือจะผสมสมุนไพรฤทธิ์ร้อนเย็นก็แล้วแต่ จะไปต้มได้ ใครไม่กล้ากินสมุนไพรสดจะเอาไปต้มก็ได้ มันไม่ดีเท่ากับสดหรอกในอนาคตสาบเสือจะเป็นสมุนไพรที่ยิ่งใหญ่เลย
มีงานวิจัยหลายอย่างพบในสาบเสือมีธาตุที่เป็นประโยชน์เยอะเลย ให้ไปเสิร์ชในเน็ตพิมพ์คำว่าสาบเสือ มีธาตุเยอะแยะไปหมดเวลาเป็นไข้ เลือดออก แก้ไข้เลือดออกดีมากเลย เป็นไข้เลือดออกบอกเขาไปเลย ให้ปั่นทำสมุนไพรฤทธิ์เย็นเนี่ย ทำเป็นน้ำปั่นใส่ใบข้าว ใส่ย่านางดีมาก มันจะแก้เลือดออกข้างใน ที่เราเป็นปัญหาเลือดไหลไม่หยุด เขามีตัวที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ดี มีตัวแก้อักเสบและสมานแผลอยู่ในตัว
- ผมเคยให้ผู้ป่วยที่เลือดไหลทางลำไส้ ดีท็อกซ์ด้วยสาบเสือ หยุดเลือดได้
- ริดสีดวงทวารเลือดไหลออกมาเยอะ ๆ ผมใช้สาบเสือ
- เวลาผู้หญิงตกเลือดเลือดไหลทางมดลูก ผมจะให้กินสมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมสาบเสือ ยิ่งมีน้ำมะพร้าวด้วย ผู้หญิงที่ตกเลือดน่ะนะปั่นสมุนไพรฤทธิ์เย็นกับสาบเสือ ใส่น้ำมะพร้าวแล้วกินเข้าไปเลย มันจะหยุดเลือดเร็วมากเลย
- ปัสสาวะเป็นเลือด หมักสาบเสือกับปัสสาวะ ใส่ทั้งต้นทั้งใบก็ได้ หั่นเล็ก ๆ หั่นหรือไม่หั่นก็ได้ แช่ทันทีใช้ได้ทันที ถ้าจะให้ดี 3 วันกลิ่นยังไม่เข้าท่า 7 วันขึ้นไปแก้อักเสบดีมาก 6 เดือนมีคนเอาไปวัดค่า PH 10 เป็นด่างอย่างยอดเยี่ยมเลย หมักใส่อะไรก็ได้ เป็นจะดีหน่อยไม่มีกลิ่นน้ำปัสสาวะเย็น ผมเจ็บคอมาก หมักปัสสาวะไว้ 6 เดือน แล้วมาดื่ม อาการปวด เจ็บคอ ลดลงทันที”