คุณนิตยา สิทธิประเสริฐ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557
“ดิฉันป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินค่ะ เป็นมาประมาณ 30 ปีแล้วค่ะ ซึ่งแพทย์ที่สถาบันโรคผิวหนังบอกว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องทานยาตลอดชีวิต เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาไปนับล้านบาทแล้วค่ะ จากโรคที่เป็นทำให้ดิฉันมีแผลตามลำตัว โดยเฉพาะที่หน้าผาก แขน ท้องและหลังค่ะ พอดีลูกสาวช่วยค้นหาข้อมูลวิธีการรักษาจนพบแนวทางการดูแลสุขภาพของคุณหมอเขียว จึงได้แนะนำให้ดิฉันมาลองรักษาดูค่ะ
ช่วงที่มาเข้าค่าย 2-3 วันแรก ๆ คิดตลอดค่ะว่าเราจะปฏิบัติตามได้หรือไม่ อาหารก็คิดว่าไม่น่าจะทานได้ เพราะปกติอยากทานอะไรก็ทาน และเป็นคนชอบทานอาหารรสจัด เลยเกิดความกังวลว่าจะอยู่ไหวหรือไม่ แต่ก็สามารถอยู่ได้จนครบ 5 วันในค่ายแรกเมื่อวันที่ 20-24 เมษายน 2557 แล้วได้พี่ ๆ จิตอาสาแนะนำหลายอย่างค่ะ ทั้งเรื่องการทำดีท็อกซ์กัวซา ส่วนอาหารสุขภาพ พอลองทานก็ทานได้ค่ะ เลยทำได้ทุกเม็ดที่เป็นยา 9 เม็ดค่ะ เมื่อกลับไปบ้านแล้วก็ยังปฏิบัติต่อมาเรื่อย ๆ ค่ะ
อาการของโรคสะเก็ดเงินหรือที่เรียกว่าโรคเรื้อนกวางนี้ ตอนแรก ๆ จะเริ่มจากเป็นจุดเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายโตขึ้น จะแดง ๆ ขุย ๆ ลอก ๆ ขณะที่รักษากับหมอแผนปัจจุบัน อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ การทานยาแผนปัจจุบันเป็นเพียงการกดอาการไว้ พอเราหยุดยาอาการก็จะแสดงออกมาอีกค่ะ ทำให้ไม่สามารถใส่เสื้อแขนสั้นได้ ต้องใส่แต่เสื้อแขนยาวตลอด เนื่องจากกลัวคนที่ไม่รู้จักจะรังเกียจ เป็นช่วงที่ทุกข์ทรมานจิตใจมากเลยค่ะ
โรคนี้เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิต้านทานด้วยค่ะ หากเม็ดเลือดแดงหรือเม็ดเลือดขาวของเราไม่แข็งแรง ก็จะมีอาการค่ะ จะสังเกตได้ว่าหากพอเราพักผ่อนไม่เพียงพอหรืออ่อนเพลีย มีภาวะเครียด อาการที่หายไปแล้วก็จะเป็นขึ้นมาซ้ำอีกค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้ตลอดค่ะ
เพราะคุณหมอแผนปัจจุบันเองก็ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ละเอียดค่ะ คุณหมอบอกแต่เพียงว่า ให้พักผ่อนให้เยอะ ๆ อย่าทานอาหารรสจัดและของหมักดองแค่นี้ค่ะ แต่พอเป็น ๆ หาย ๆ เราก็มีภาวะเครียด อาการเลยวนเวียนอยู่แบบนี้ค่ะตอนที่เป็นเยอะ ๆ ก็มีถ่ายภาพเก็บไว้นะคะ แต่ไม่ค่อยได้เปิดให้ใครดูกลัวเขาจะรังเกียจเราค่ะ
แต่พอมาเข้าค่ายสุขภาพของคุณหมอเขียวครั้งแรก เมื่อทานอาหารแล้วรู้สึกเบา สบาย
จึงนำกลับไปปฏิบัติต่อที่บ้านค่ะ แต่ว่าในบางครั้งก็มีอยากทานเนื้อปลาบ้างค่ะ ซึ่งก็ไม่บ่อยครั้งนัก
มีจดบันทึกไว้ค่ะว่าเราทานไปกี่ครั้ง เพื่อใช้ตรวจสอบว่ามีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ที่ร่างกายของเราเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเราทานอาหารที่รสจัด ของผัด ของทอด ซึ่งการทานอาหารที่ผิดไปนิดเดียวเราจะรู้ตัวเลยค่ะ จะมีผื่นขึ้นทันที ส่วนยาเม็ดอื่น ๆ ก็ทำร่วมด้วยนะคะ ทั้ง 9 เม็ดเลยค่ะ เช่น แช่มือ แช่เท้า ดีท็อกซ์ กัวซา ซึ่งกัวซานี้ก็แอบทำนอกกฎของคุณหมอเขียวไปบ้าง คือจะกัวซาหมดทั้งตัว บริเวณแผลก็กัวซาเพียงแต่ไม่ลงหนัก เอาแค่พอสบายตัว เพราะมันคันค่ะในส่วนของยาเม็ดที่ใช้ธรรมะจะเปิดเทปของคุณหมอเขียวฟังตลอดค่ะ ฟังทั้งเทปที่บรรยายค่ายสุขภาพ และเทปบรรยายค่ายพระไตรปิฎก ฟังตั้งแต่เข้าค่ายจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ เหมือนยังนั่งฟังอยู่ในค่าย แม้กระทั่งในรถก็เปิดเทปเพลงของคุณหมอเขียวค่ะ รู้สึกได้เลยว่ามีพลังขึ้น แผลตามที่ต่าง ๆ ดีขึ้นมาก สีผิวเกือบจะเป็น
สีเดียวกันแล้ว เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากรู้สึกได้เลยค่ะว่า จิตใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องมีกำลังใจ อย่าท้อแท้ กำลังใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มันคือพลัง และที่มาในวันนี้คือจะมากราบคารวะขอบคุณคุณหมอและเยี่ยมพี่ ๆ จิตอาสาทุกท่านค่ะ รู้สึกสำนึกในบุญคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะท่านได้ให้ทั้งความรู้ และคำแนะนำจนพร้อมไปปฏิบัติต่อได้เลยค่ะ
เป็นบทพิสูจน์เลยค่ะว่าสุขภาพดีไม่มีขาย ต้องทำเอาเอง หากรู้แต่ไม่ทำ ก็ไม่หายค่ะ และจะต้องเลือกปฏิบัติในทางที่ถูกต้องด้วยนะคะ ท้ายสุดนี้ขอฝากบอกพี่น้องผู้รักสุขภาพทุก ๆ ท่านค่ะว่า ขอให้มีกำลังใจในการดูแลตัวเองให้มาก ๆ จะทานอะไรก็ต้องพิจารณาถึงประโยชน์และโทษให้ถี่ถ้วน มิเช่นนั้นโรคต่าง ๆ ที่บอกว่ารักษาไม่หายก็จะมารุมเร้าเรา ไม่มีใครรักเราเท่ากับเรารักตัวของเราเอง กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก พอเราได้ใช้วิบากกรรมที่เราเคยทำมาตั้งแต่อดีตแล้ว เราก็เหมือนได้อยู่โลกใหม่ โลกใหม่ของดิฉันที่สัมผัสได้ในตอนนี้ ทำให้มีความสุขสบาย เบากาย มีกำลัง มีพลังเหมือนที่คุณหมอเขียวเรียกว่า “พลังชีวิต”
ลักษณะแผล จากแผลที่แฉะ ๆ ทั่วตัวนั้น ที่แขนและขา กลับแห้งและสะอาด สีของแผลลดความเข้มลง และหายปวดภายในกระดูก”