ดาวน์โหลดเอกสารใบสมัคพรรคสัมมาธิปไตย กดที่นี่  ดูขั้นตอนการสมัคร กดที่นี่ 

ดาวน์โหลดเอกสารลงชื่อคัดค้านกาสิโนถูกกฎหมาย และไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กดที่นี่  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ที่นี่

1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน

ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก

ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558

(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)

ภาคผนวก ก ของวิทยานิพนธ์การศึกษาตามหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (สาธารณสุขชุมชน)

ของ นายใจเพชร กล้าจน

กรณีศึกษาที่1.65
ชื่อศุลีพร ชิณศิริ
เพศหญิง
อายุ57 ปี
จังหวัดนครพนม
โรคโรคไวรัสตับอักเสบบี
วันสัมภาษณ์21 กุมภาพันธ์ 2558

จิตอาสา: ไม่สบายเป็นอะไรมาคะ

ศุลีพร: เริ่มปี 2551 เป็นไวรัสตับอักเสบบี เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์รักษาด้วยการกินยาหมอนัดทุก 2 เดือนตรวจครั้งแรกไม่แน่ใจก็ไปตรวจเช็คในโรงพยาบาลอื่น ๆ อีก 3-4 โรงพยาบาลยังไงก็ไม่รอดแน่แล้วคือท้องมันโตไม่มีค่อยมีแรง แล้วก็เป็นไข้ทุกวัน พอบ่าย ๆ มาจะเป็นไข้ตาก็เหลืองตัวก็เหลือง

จิตอาสา: ไปหาหมอหมอรักษาอย่างไรคะ

ศุลีพร: หมอก็ให้ยาหมอตรวจพบว่าตับไม่ดีแผ่นเอ็กซเรย์ออกมาเป็นจุดดำ ๆ พรุนเลยเต็มเลยเพื่อน ๆ ครูที่ไปด้วยกันที่เป็นครูชื่อพี่สำลี ศิริเวชก็พูดว่าทำไมพวกเราเป็นอย่างนี้คือตอนนั้นคร่ำเคร่งทำงานวิชาการ พักผ่อนไม่พอแล้วลูกก็เรียนที่กรุงเทพต้องหาเงินส่งลูกเรียน เร่งทำผลงานมีอะไรก็ทำหมดทำถึงสว่างก็เอาขอเพียงให้ได้เงินส่งลูก เพราะเสียค่าเทอมแต่ละครั้งก็มากถึง 4 หมื่น 5 หมื่น ตอนนั้นแฟนก็เสีย เราก็ต้องเลี้ยงลูก

จิตอาสา: แล้วมารู้จักกับการแพทย์วิถีธรรมได้อย่างไรคะ

ศุลีพร: ตอนปี 2548-2549 กำลังอยู่ในช่วงเดินขบวนเปิดดูก็เห็นหมอเขียวก็บอกให้ลูกเปิดเว็บไซด์หมอเขียวให้ดู อยากฟังหมอเขียวพอดูแล้วก็ เอ้าคนบ้านเรานี่ คนอีสานเหมือนกันเออ เราจะฟังเราจะทำตามฟังแล้วก็ค่อย ๆ ทำตาม

จิตอาสา: ทำยาเม็ดไหนบ้างคะ

ศุลีพร: ตอนแรกก็ทำน้ำย่านาง มันง่ายดี ตอนแรกก็พะอืดพะอมแต่ก็กิน เพราะคิดว่ามันดีมันเป็นยา ต่อมาก็เริ่มผสมกับน้ำฉี่ ตอนนั้นอยู่ข้างนอกก็กินอาหารรสจัดจ้าน ๆ มันถึงอร่อยแต่มันไปทำร้ายเรา คุณหมอบอกว่าให้นำฉี่ผสมเจือจางแล้วเอามากิน ๆ แล้วมันจะฉี่บ่อยพอกินก็ต้องเอากระโถนมารองเลยฉี่บ่อยอยากฉี่ฉี่เมื่อไหร่ก็กินเข้าไปใช้ฉี่ 1 ช้อนกาแฟผสมน้ำ 1 แก้ว คน ๆ แล้วกินเข้าไปแล้วก็ฉี่แล้วก็กินเข้าไปอีก กินไม่ได้มากก็กิน ๆ มาเรื่อย ๆ เลยต่อมาคุณหมอบอกว่า ถ้าคันตัวให้เอาฉี่มาอาบ มาสระผมใส่ถังไว้ เอามาสระผม มาฟังเมื่อวาน (ค่ายสุขภาพพึ่งตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สาวนป่านาบุญ 4 นครพนม) ถึงได้รู้ว่าที่คัน เพราะมันขับพิษออก มันคันพอเวลาเข้าห้องน้ำ แฟนจะบอกว่าเธอตัวเหม็นมากเลย ตัวเธอเต็มไปด้วยยาเลยนะ พอใครเข้าห้องน้ำก็จะบอกว่า ไม่อยากเข้าต่อจากเธอเลย

จิตอาสา: กินยาเยอะหรือคะ กินกี่เม็ดคะวันหนึ่ง

ศุลีพร: วันหนึ่งกิน 40 เม็ดค่ะ เพราะคาบละ 10 เม็ดหมอบอกว่ามันเป็นตับอักเสบ แต่มีพวกอีก 7 ขบวนเลย มียาละลายลิ่มเลือด ยาความดัน ยาเบาหวานและพวกต่าง ๆ มัน 7 ชนิดเลย 7 โรคเลย ตอนนั้นทานยาแล้วง่วง ฉี่บ่อย ฝันร้ายเหมือนมีใครมาไล่ล่า ละเมอ

จิตอาสา: แล้วการปฏิบัติด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรมได้ใช้ยาเม็ดอื่นด้วยไหมคะ

ศุลีพร: ยาเม็ดอื่นก็คือ Detox ทำเป็นประจำรู้สึกว่ามันโล่ง มันนอนหลับ

จิตอาสา: ใช้น้ำอะไรคะ

ศุลีพร: ตอนแรกก็ใช้น้ำอุ่น พอต่อมาคุณหมอบอกว่าอะไรก็ได้ที่สบาย ก็เลยเอาน้ำบาดาลที่บ้าน มันมี PH 7.8 อยู่แล้ว ก็เอาน้ำนี้เลย ผสมน้ำฉี่บ้าง หลังจากที่เหลือจากที่เหลือกิน เหลือจากแปรงฟัน คือทำตามคุณหมอพาทำ ทำหมดเลย เขาเป็นหมอถึงขนาดนี้ เขาคงไม่โกหกหรอก แล้วก็เป็นคนมีศีลด้วย ขนาดพ่อท่านก็ฟังพ่อท่านด้วยนะ พ่อท่านก็บอก พ่อท่านดื่มแล้ว เราขนาดไหนมีศีลขนาดไหน เราถึงจะไม่ดื่ม ก็เลยดื่ม ทำหมดเลยค่ะ ทำไปหมดทุกอย่างเลย น้ำฉี่นี่หวงมากเลย น้ำฉี่เป็นมหัศจรรย์ให้เรามากเลย

จิตอาสา: ใช้เวลาปฏิบัติตัวในการใช้ยา 9 เม็ด อาการของไวรัสตับอักเสบ B มันเบาบางลงทุเลาหรือหายอย่างไรคะ ใช้เวลากี่เดือนคะ

ศุลีพร: ขณะที่เราปฏิบัติตามยา 9 เม็ด เราก็ยังไปตามหมอนัดหมอโรงพยาบาลศรีนครินทร์แพทย์หญิงวัฒนาเป็นแพทย์รักษาตับโดยตรงเลยเป็นแพทย์เจ้าของไข้ พอพบแพทย์ก็บอกว่าอีหนูจากที่เคยไปตอนนั้นประมาณต้นปี 2553 หรือ 2555 ไม่แน่ใจตรวจพบมีไวรัส 39 ล้านตัว คือเครื่องตรวจนี้ที่โรงพยาบาลอื่นไม่มี แต่ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่นจะมีเครื่องนับไวรัสได้ ไปแต่ละทีต้องเจาะเลือดตรวจเป็น 10 ซีซีเลยนะคะต้องเอาเลือดไปนึ่ง ไปตั้งแต่ตี 4 นึ่งเลือดตั้ง 10 ชั่วโมง เพื่อตรวจไวรัสและอื่น ๆ อีกมากรวมน้ำตาลในเลือด ไตรกลีเซอไรด์เยอะไปหมด

จิตอาสา: พอมาปฏิบัติยา 9 เม็ด แล้วเป็นอย่างไรคะ

ศุลีพร: พอมาปฏิบัติยา 9 เม็ด แล้วแฟ้มรายงานก็บางลงบางลงกว่าเดิม ปกติมันหนา ๆ ก็สังเกตดูแฟ้มมันบาง ๆ ลง คุณหมอบอกว่าตอนนี้มันเหลือ 2 ล้านตัวแล้วนะในระยะเวลา 4 เดือน จำนวนไวรัสลดลงจาก 3.9 ล้านตัวเหลือ 2.0 ล้านตัว ทำไม่จริงจังเท่าไหร่หรอก ทำไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่หรอก ทำจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ แต่ก็ทำก็ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินข้าวเย็น เพราะหมอเขียวบอกว่า มันไม่มีประโยชน์มันทำให้ตับทำงานหนัก ตอนนี้ก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนนะ แนะนำให้เพื่อนดูช่อง FMTV ว่าเป็นรายการที่ดีมาก บอกเพื่อนว่าปฏิบัติตามหมอเขียวแล้วดีขึ้นมาก เพื่อนบอกว่าฉันไม่ทำหรอกกินน้ำเยี่ยวไม่ทำหรอกแต่ฉันกินแล้วดีนะผลตรวจออกมามันดีนะฉันดีขึ้นจาก 3.9 ล้านตัว มันเหลือ 2 ล้านนะเดี๋ยวนี้

จิตอาสา: แล้ว 2 ล้านนี่ถือว่าปกติหรือยังคะ

ศุลีพร: ยังค่ะ อีก 4 เดือนก็ไปอีก เหลือ 1.6 ล้าน คือเราทำดีท็อกซ์วันละครั้ง ก็เลยรู้สึกว่ายังไม่ลดลงมาก ก็ 1 ปีแล้วนะคะ จำนวนไวรัสลดลงจาก 3.9 ล้านตัวเหลือ 1.6 ล้านตัวจากนั้น อีก 6 เดือนนัดอีกได้ทำดีท็อกซ์ วันละ 3 ครั้งเลยหลังอาหารเช้า กลางวัน เย็นบางครั้งก็ 4 ครั้ง ก่อนนอนด้วย บางทีก็เอาน้ำย่านางผสมด้วย บางทีก็ไม่ผสม พอไปตรวจอีกที ก็เหลืออยู่ 1 ล้านตัว ลดลงจริง ๆ เราก็ขยันทำดีท็อกซ์ ทำบ่อย ๆ 

จิตอาสา: ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ

ศุลีพร: ตั้งแต่ตอนที่เหลืออยู่ 1.6 ล้านหมอก้นัดห่างขึ้นเป็น 6 เดือนค่อยมาตรวจใหม่มาตรวจใหม่ต้นปี 2557 หมอบอกว่าดีใจด้วยนะมันหมดแล้วเหลือศูนย์ตัวเลยค่ะ

จิตอาสา: ยา 9 เม็ดทำครบทุกเม็ดไหมคะ

ศุลีพร: ไม่ทำทุกครบทุกเม็ดกินสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด ดีท็อกซ์นี่เป็นหลักเลย อาหารก็กินผักไม่กินพวกน้ำมัน ตัดออกไปเลยก็มาเข้าค่ายอบรมที่สวนป่านาบุญ 4 (เมื่อต้นปี 2557หลักสูตร 1 วัน) เลยเห็นถึงความจำเป็นในเรื่องอาหาร ร่างกายมันก็ค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นเมื่อก่อนจะขึ้นบ้านต้องให้แฟนพยุงขึ้น ก้าวขาไม่ได้ มันไม่มีแรง

จิตอาสา: ตอนนี้ก็สุขภาพแข็งแรง

ศุลีพร: แข็งแรงค่ะ ตอนนี้แข็งแรงขึ้นบ้านเองได้แล้ว เมื่อก่อนต้องให้พยุงขึ้น ประคองขึ้นตอนนี้ แข็งแรงหิ้วน้ำหิ้วอะไรได้ ซักผ้าซักอะไรได้เลย ขับรถได้แล้วค่ะ

จิตอาสา: รู้จักคุณหมอเขียวได้อย่างไรคะ

ศุลีพร: รู้จักคุณหมอเขียวผ่านทางทีวี ตอนปี 2548 ตอนนั้นก็เริ่มมีอาการแต่ไม่มากก็ตรวจสุขภาพประจำปี ก็ยังกินยาหมอ พอปี 2555 ก็เบื่อยาเหม็นยาอย่างรุนแรง มันเหม็นไปเข้าห้องน้ำบ้านเพื่อน รู้สึกเลยว่าตัวองเหม็นยามาก ขนาดตัวเรายังได้กลิ่นขนาดนี้ คนอื่นจะได้กลิ่นขนาดไหน

จิตอาสา: แล้วใช้เงินไปเท่าไหร่คะในการรักษา

ศุลีพร: โอ้โห ค่ารักษาอย่าบอกเลย ค่าเดินทางค่าที่พักอย่างตอนแรก ๆ ที่เรายังไม่เชื่อโรงพยาบาลรัฐนะคะ ก็ไปเช็คที่โรงพยาบาลอินเตอร์หน่อยเช่น ที่สว่างแดนดินนายแพทย์อุดมเขาเป็นอาจารย์หมอที่ศรีนครินทร์ เก่งเรื่องตับมากครั้งแรกที่ไปก็ 25,000 บาท ทีซีสแกน ตรวจเช็คอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง

จิตอาสา: แล้วถ้าเบ็ดเสร็จแล้วตลอดระยะเวลาที่เรารักษานี่ค่ะ ค่าเดินทางค่าตรวจใช้เงินไปเป็นล้านไหมคะ

ศุลีพร: ประมาณ 1,200,000 บาท 

จิตอาสา: แล้วพอมาเปลี่ยนเป็นใช้วิธีการของคุณหมอเขียวใช้เงินไปเท่าไหร่คะ

ศุลีพร: ใช้ศาสตร์ของคุณหมอเขียวซื้อขวดดีท็อกซ์ สายดีท็อกซ์ แล้วก็เอาน้ำมันเขียวไปนวดด้วย ไปดมบ้าง ประเมินว่าประมาณ 300 บาท ถ้ารวม สื่อ DVD หนังสือของคุณหมอไปอ่านด้วยก็ราว 1,000 บาท (หัวเราะ ๆ ) ทำไมเราถึงรู้จักคุณหมอช้าจังเลย

จิตอาสา: ตอนที่หายตอนปีไหนนะคะ

ศุลีพร: ตอนต้นปี 2557 ที่ไปตรวจแล้วหมอบอกว่าไม่พบไวรัสแล้ว ดีใจด้วยก็เลยอยากควบคุมอยากรักษาสุขภาพกลัวมันกลับมาอีก

จิตอาสา: ถ้างั้นต้นปี 2557 ก็เจอหมอใช่ไหมคะหมอบรรยาย

ศุลีพร: ค่ะ

จิตอาสา: ก็เลยมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองทำน่าจะใช่

ศุลีพร: ใช่น่าจะใช่ตัวนี้แล้วได้มาเจอหมอตัวเป็น ๆ ค่ะ มาเจอคุณหมอตอนที่เข้าอบรมค่ายสุขภาพสวนป่านาบุญ 4 (หลักสูตร 1 วัน) อุ๊ย ทำไมดีอย่างนี้ เราอยากเจอบารมี คนที่คิดสูตรนี้ขึ้นมาได้คิดได้ยังงัย ๆ อยากเจอบารมี ท่านคงมีบารมีมาก คือความมหัศจรรย์มันเกิดกับตัวเองคือมันจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจว่า มันร้อนมันเป็นอย่างไรมันอธิบายไม่ถูก ต้องมาสัมผัสเองค่ะคุณหมอคะ

จิตอาสา: ยาเม็ดไหนที่คิดว่าใช่ที่สุดคะ

ศุลีพร: โอ้ น้ำกับดีท็อกซ์ นะดีมากเลย บางทีเราเครียดนะ ฉันจะหายไหมนะ ฉันจะดีขึ้นไหมนี่ บางครั้งมันหลายครั้งมารุม เรื่องเจ็บป่วยก็เรื่องหนึ่ง เรื่องอื่นอีกเครียด ๆ มาทำอะไรไม่ได้ก็ดีท็อกซ์ (หัวเราะ) นอนไม่หลับก็ดีท็อกซ์ (หัวเราะ) ไม่สบายดีท็อกซ์ (หัวเราะ) ปวดตามเนื้อตามตัวดีท็อกซ์ (หัวเราะ)

จิตอาสา: ขอบคุณมากค่ะ

แบ่งปันประสบการณ์

การดูแลและเทคนิคที่ใช้

กรณีศึกษาที่ 1.42 คุณวทันยา

กรณีศึกษาที่1.42ชื่อวทันยาเพศหญิงโรคโรคไวรัสตับวันสัมภาษณ์31 มกราคมท 2555 คุณติ๊ก: ค่ะกราบสวัสดีพระคุณเจ้า แล้วก็คุณหมอเขียวค่ะแล้วก็เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ในค่ายทุกคนค่ะค่ะเป็นไวรัสตับนะคะเป็นมา 10 ปีแล้วค่ะก็ไม่ได้แบบตัวเราเองเราก็ไม่ได้ตกใจนะคะ ตอนที่เป็นน่ะ...

กรณีศึกษาที่ 1.17 คุณชัยพร กันกา

กรณีศึกษาที่1.17ชื่อชัยพร กันกาเพศชายจังหวัดลพบุรีอายุ61โรคโรคไวรัสตับอักเสบซีวันสัมภาษณ์22 มิถุนายน 2555 ผมเป็นตับอักเสบซี แล้วก่อนจะเกษียณข้าราชการก็ฉีดยาอินเตอร์เฟอรอน แล้วก็กินยาไรบาไวริน ฉีดไปได้จริง ๆ แล้วมันต้องกินทั้งหมด 24 อาทิตย์กินเม็ดละ 400 บาท วันละ 2...

กรณีศึกษาที่ 1.12 คุณอุทิศ บุญฟอง

กรณีศึกษาที่1.12ชื่ออุทิศ บุญฟองเพศชายจังหวัดแม่ฮ่องสอนโรคโรคมะเร็งที่ไต โรคไวรัสที่ตับบี โรคหวัด โรคไอกรน โรคความดันสูง โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคอาการหยุดหายใจเวลานอนหลับ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคริดสีดวงวันสัมภาษณ์20 สิงหาคม 2555 ผมชื่อ นายอุทิศ บุญฟอง อายุ 68 ปี...

ไวรัสตับอักเสบ กับการใช้น้ำปัสสาวะและยา9 เม็ด

คุณ ออน จิตอาสาแพทย์วิถีธรรม การทำงานชีวิตพยาบาล ชีวิตเร่งรีบ โดยไม่รู้จรัก เหน็ดเหนื่อย บั่นปลายชีวิต ป่วยเป็น ไวรัสตับ c ตัวเหลือง ตาเหลือง ทานอาหารปรับสมดุล กับเทคนิค 9 ข้อ ยา 9 เม้ด ปัจจุบัน...

โรคไวรัสบี มะเร็งมดลูก

แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตจิตอาสา -คุณพลังพุทธ ( ไวรัสบี /มะเร็งมดลูก) ป่วยตั้งแต่ปี 2551 ป่วยด้วยหลายโรคเคยผ่าตัดด้วยโรคริดสีดวงทวาร ผ่าตัดแล้วก็กับมาเป็นอีก ต่อมาป่วยด้วยโรค ตับไวรัสอักเสบ B จะขึ้น C หมอบอกว่าถ้าขึ้น C จะเป็น มะเร็งตับ...