1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.42 |
ชื่อ | วทันยา |
เพศ | หญิง |
โรค | โรคไวรัสตับ |
วันสัมภาษณ์ | 31 มกราคมท 2555 |
คุณติ๊ก: ค่ะกราบสวัสดีพระคุณเจ้า แล้วก็คุณหมอเขียวค่ะแล้วก็เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ในค่ายทุกคนค่ะค่ะเป็นไวรัสตับนะคะเป็นมา 10 ปีแล้วค่ะก็ไม่ได้แบบตัวเราเองเราก็ไม่ได้ตกใจนะคะ ตอนที่เป็นน่ะ คือแบบเราต้องแบบตั้งสติให้ได้วันแรกที่ไปตรวจ ก็คือแบบพอรู้แล้วก็โทรไปบอกลูก พอหมอเรียกเข้าไปในห้องค่ะ ตอนบ่ายเขาบอกนี่คุณรู้ตัวเองมานานหรือยัง ก็ถามหมอว่ารู้เรื่องอะไรคะ เขาบอกว่าตกลงคุณเป็นไอ้นี่นะ ตับแข็งนะบอกหมอผิดหรือเปล่าเพราะว่าตอนที่หมอบอกว่าตรวจปัสสาวะ แล้วก็เอ็กซเรย์ อัลตราซาวด์ทุกอย่าง วันนี้คุณงดอาหารหมดทุกอย่างเลยนะเพราะกว่าจะรู้ก็คือช่วงประมาณบ่ายสามวันนั้น เราต้องอดข้าวทั้งวันเลยค่ะ ก็คือแบบตั้งใจเลย อยากจะรู้ว่าเราเป็นอะไรแน่
พอบ่ายสาม หมอเรียกเข้าห้องไปเขาก็บอกว่าเออนี่ ใช่เลยนะ คุณเป็นไวรัสตับ คุณมีญาติมาไหม บอกไม่มีค่ะ พอรู้ผลแล้วก็ออกไปยืนหน้าโรงพยาบาลเพื่อบอกลูกเลยที่ต่างจังหวัด บอกหมอบอกว่าแม่เป็นแบบนี้ ๆ นะเขาก็ยังไม่เชื่อ ก็คิดว่าแม่โกหกไง กลับไปจากโรงพยาบาลแล้วเราก็ยังไปทำงานได้เหมือนเดิม แล้วก็กลับไปเล่านิทานแล้วทีนี้ แบบก่อนที่จะมานี่นะ รู้จักคุณหมอเขียวนี่ค่ะ คือเราก็แบบไม่อยากทานยาแล้วค่ะ พอวันไหนแบบเราทานยาไม่ครบ ถ้าขาดไปเม็ดหนึ่งมือและเท้าของเราและขาด้วยค่ะก็คือแบบจะบวมแล้วกดยุบเลยค่ะ ลูกเขาก็วันนั้นเขาก็เปิดเจอในเน็ตเขาก็อ่าน ๆ แล้วเขาก็โทรมาบอกเลย แม่ นี่รู้มานะแม่ ของหมอเขียวเขาก็จะบอกแบบมีน้ำใบย่านาง ใบเตย 15 ใบอะไรอย่างนี้ แม่อยู่คนเดียวแม่ทำแบบเฉพาะกินคนเดียว แค่ 3 วันก็พอ เพราะว่าเรามีตู้เย็นก็เอามาทาน
ก็จากคนที่หลับยาก ก็คือแบบหลับสบายเลยค่ะ แล้วเขาบอกแม่เดี๋ยวเขาจะเปิดรับนะ เดี๋ยวอรจะสมัครให้ลูกสาวสมัครให้ เขาก็บอกแม่ติดต่อไม่ได้ ติดต่อไม่ได้เลยบอกไม่เป็นไรลูก ถ้าเกิดติดต่อไม่ได้ ก็เอาไว้ครั้งหน้าก็ได้ พอติดต่อได้แล้วก็ดีใจไง ดีใจมากเลยที่ได้แบบมาเข้าค่ายที่นี่ พอมาถึงแล้วก็วันนั้นคือตั้งใจมาจากบ้านเลยนะคะ ว่าเราจะลดยาตัวนี้ 1 เม็ด ที่หมอบอกว่าต้องทานนะ ถ้าไม่ทานแล้วแบบก็คือบวมค่ะ ตั้งแต่วันแรกก็คือรู้เลยไม่บวม จนถึงวันนี้ก็ไม่บวมค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือใต้ท้องน้อยเรานี่มันจะมีเม็ดถั่วเขียวขึ้นมา 1 เม็ดนะคะ แต่มันไม่ใช่สิวมันจะเหมือนมีเลือดนิ่ม ๆ ค่ะมันก็เป็นมาแล้ว 3 เดือนก่อนจะมาเข้าค่ายหมอเขียวนี่คะไม่รู้เป็นอะไรกันแน่ แต่ไปหาหมอก็ไม่เคยบอกหมอไง เพราะว่าเราไม่กล้า
หลังจากมาเข้าค่ายวันที่ 4 ตุ่มเม็ดนั้นเขาก็แตกแตกแล้วมีเลือดไหลออกมาด้วย เราก็เอากระดาษทิชชู่นี่ค่ะเช็ดเช็ดแล้วแบบนิ้วเราก็จะไปสัมผัสไงคะ มันจะแบบมันไม่ใช่เลือดอย่างเดียว มันแบบเหมือนขวดน้ำที่เราไปรองน้ำจากก๊อกค่ะที่ไม่ใช่น้ำดื่มนะคะมันก็จะเหมือนแบบเป็นหินปูนแข็ง ๆ ออกมาด้วยแข็งสากมากเลยเอ๊ะ ที่นี้เราก็เลยมาเกิดอาการคิดแบบสงสัยมันจะเป็นแบบ เขาแบบเป็นสารพิษออกมาแน่เลย ก็ความคิดของเราเองแล้วก็คือวันนั้นวันเดียวกันก็แบบมีเหงือกบวมแบบเลือดออกอาการแบบเลือดออก แล้วก็ใต้คางเขาก็จะเป็นแบบเหมือนตุ่มแข็ง ๆ ไง โอ๊ยเป็นอะไรนี่ ก็ไปบอกพี่จิตอาสา คือพี่แก้วใช่ไหมคะ ก็บอกพี่แก้วว่านี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ให้เขาดูเขาก็บอกว่า ปกติเข้ามานี่ทำอะไรไปบ้างเราก็บอกเขา เขาก็เลยแนะนำกล้าหรือเปล่าก็แบบจะมีน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด น้ำปัสสาวะอะไรอย่างนี้ ก็ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไรก็นิดหนึ่ง
พอวันต่อมาก็พอกหน้าก็ของคุณแหม่มสหรัฐน่ะค่ะ ก็แบบอยู่ในตะกร้าไงคะก็แอบเอาใส่แก้วไปก็กินอีก แต่ครั้งแรกที่กินน่ะ เพื่อน ๆ หรือว่าพี่ ๆ ทุกคนที่มาที่นี่นะคะที่ยังไม่กล้าก็บอกได้เลยค่ะ เขาไม่จะไม่มีกลิ่นเหมือนอย่างที่เราอยู่ที่บ้านถ้าเราอยู่ที่บ้านเราทานยาเข้าไปทุกวัน ๆ เวลาเราจะเข้าห้องน้ำนี่บางทีลูกจะบอกเลย แม่เข้าห้องน้ำแม่ราดแบบไม่สะอาดแน่เลยกลิ่นจะเหม็นมากบอกเหม็นยาเหรอลูก อื้ม มันมีตัวดูดอากาศนะแต่มันก็ไม่หายไงพอมาอยู่ที่นี่ก็คือแบบโทรแบบไปเล่าตลอดทุกวัน แบบตอนเย็นหลังกลับที่คุณหมอเขียวแบบ นั่งฟังคุณหมอเขียวแบบเดี๋ยวเมื่อยเดี๋ยวอะไรเดี๋ยวเหยียดขาเดี๋ยวอะไรแล้วแต่ ก็คือแบบตั้งใจฟัง พอถึงก็คือแบบโทรเล่าให้ลูกฟังบอกว่าหนู แม่นะตั้งแต่มาที่นี่ปัสสาวะก็คือแบบไม่มีกลิ่นเหม็นยา เหม็นอะไรทั้ง ๆ ที่ทานยาของหมออีก 2 เม็ดน่ะค่ะ ไม่มีกลิ่นอะไรเลย ไม่เหม็น ไม่อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ฉี่เขาก็จะใส เราก็จะทานของเรา ปัสสาวะเขาก็บอก แม่ดีมากเลย ก็อันนี้ก็คือ แบบเป็นความดีความน่ารักของลูก แบบเขาอยากให้เราหายค่ะก็โทรเล่าให้เขาฟังตลอดเขาบอกเขาดีใจมากเลยค่ะ ก็เลยบอกเขาว่านี่ความตั้งใจของแม่นะกลับไปแม่ก็จะไปกินแบบนี้ ๆ เลยจะทำให้ได้เพราะว่าวันที่ 17 เมษายน หมอเขาก็จะนัดอีกแล้วก็จะเจาะเลือดเจาะเลือดนี่ก็คือแบบถามว่าแพงไหมมันก็แพงสำหรับเรา 2,000 กว่าก็แพงนะคะเราก็อยากจะรู้ไงว่าจะเป็นยังไงถ้าเราปฏิบัติตัวแบบนี้ แล้วก็ความตั้งใจว่าจะตามไปชะอวดใช่ไหมคะ
จิตอาสา: ไปที่ชะอวด นครศรีธรรมราชค่ะ
คุณติ๊ก: ค่ะ
จิตอาสา: ก็ใกล้ประจวบนะคะ สามารถไปปฏิบัติตัวต่อเนื่องได้ อันนี้คุณอาติ๊กนี่มาท่านเดียว
คุณติ๊ก: มาท่านเดียวค่ะ ลูกมาส่งค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ ลูกก็คือ ด้วยความรักของแม่ก็คือหาให้ มาส่งแต่ไม่เข้าค่ายด้วย
คุณติ๊ก: ค่ะ ลูกต้องทำงาน
จิตอาสา: ลูกต้องทำงานนะคะปัจจุบันนี้ทำอาชีพอะไรคะของคุณติ๊ก
คุณติ๊ก: ค้าขายค่ะ
จิตอาสา: ค้าขายนะคะค่ะเมื่อกี้พูดถึงที่เป็นฝีใช่ไหมคะ
คุณติ๊ก: ใช่ค่ะ
จิตอาสา: ที่ท้อง
คุณติ๊ก: ใต้ท้องน้อยค่ะ จะเป็นแบบเหมือนเม็ดถั่วเขียวค่ะเป็นมา 3 เดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ไม่ได้บอกเขานะคะ
จิตอาสา: ค่ะ แล้วมาที่นี่ฝีแตกหลุดออกมาเองเหรอคะ
คุณติ๊ก: ค่ะ วันที่ 4 แบบแตกเลย (หัวเราะ) เหมือนกับว่าแบบไม่อยู่แล้วกับคนนี้ไปดีกว่า
จิตอาสา: ไปก่อนนะคะปฏิบัติตัวดีฉันไม่อยู่กับเธอแล้ว ฉันไปหาคนใหม่อันนี้ได้พอกทาก่อนไหมคะ หรือแค่รับประทานอาหาร
คุณติ๊ก: รับประทานอาหารในนี้เลยค่ะ ก็แบบดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดด้วย น้ำตะไคร้ด้วย
จิตอาสา: ไม่ได้พอกทา พอกไหม
คุณติ๊ก: อ๋อพอก พอกที่เป็นเหรอคะ
จิตอาสา: ที่ตรงฝีค่ะ
คุณติ๊ก: ตรงฝีไม่ได้พอกมีพอกเท้าแล้วก็มีขา มือค่ะ
จิตอาสา: ค่ะอ๋อขนาดไม่ได้พอกตรงที่เป็นนะคะ แต่ว่าปรับสมดุลด้วยวิธีอื่นนะคะ ซึ่งก็หลุดออกมาได้เมื่อกี้ที่บอกว่าเหมือนมีหินปูน
คุณติ๊ก: ใช่ค่ะเหมือนมีหินปูนแบบมันแปลกตรงที่ว่าแบบมันมีหินปูนปนกับเลือดออกมาด้วย เวลาเราจับมันก็จะสาก ๆ ไงคะสาก ๆ
จิตอาสา: แล้ว ณ วันนี้นี่แผลแห้งปิด
คุณติ๊ก: แห้งไปเลยสนิทไปเลยค่ะ
จิตอาสา: ปิดแล้วนะคะแล้วในส่วนอื่น ๆ ก็คือ ได้รับประทานปัสสาวะแล้ว
คุณติ๊ก: ค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ แล้วในส่วนของตับนี่ก็คือคงจะต้องปรับตัวยา 9 เม็ดต่อไป
คุณติ๊ก: ค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ ณ วันนี้ เดี๋ยวให้พี่ติ๊กทิ้งท้ายไว้ว่ามั่นใจกับเทคนิคยา 9 ข้อยังไงแล้วก็อยากจะแนะนำหรือมีอะไรฝากกับพี่น้องเราบ้างค่ะ
คุณติ๊ก: ยา 9 ข้ออันดับแรกเลยก็คือ ข้อ 1 น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดนะคะเราทานเข้าไปครั้งแรกนี่เราจะรู้สึกด้วยตัวเองเลยค่ะ ว่าแบบมันเย็นสบายสดชื่นเย็นสบายแล้วแบบน้ำเย็นนี่ เราก็จะไม่นึกถึงเลยแบบแล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือแบบตอนอยู่บ้านน่ะ จะไปออกไปขุนหมา หรือว่าทำอะไรก็แล้วแต่ จะติดละครมากเลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้นึกถึงแบบไม่ได้โทรหาไปทางบ้านเลยว่าเป็นยังไงอะไรเป็นยังไงลูกก็บอกจริงเหรอ บอกจริงสิไม่ได้นึกถึงเลย แบบสบายหลับเย็นสบายแล้วก็ดีท็อกซ์ค่ะปกติอยู่บ้านก็แบบจะถ่ายดีอยู่แล้ว วันหนึ่งก็ 3 ครั้งทีนี้ลูกเขาบอกว่าแม่ แม่จะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะเขาว่าอย่างนั้น ถ้าแม่คิดอย่างนั้นนะไม่ได้ไม่ถูกเพราะว่าจากที่เขาเปิดเจอแล้วก็รู้มาเขาว่าสารตกค้างในร่างกายเรามันจะมีเยอะ มันจะอยู่ภายในลำไส้จากที่เมื่อก่อนนี้ ที่เรายังไม่รู้ว่าเราเป็น
ไปรษณีย์มาให้เลยก็เออความตั้งใจของลูกนะอันนี้คือเราได้รับแล้ว เราก็คือแบบอยากทำให้แม่ด้วยไงคะ เพราะว่าลูกเขาจากที่ส่งของไปแล้วน่ะ แม่ทำถูกไหมอะไรยังไงอรบอกว่าให้แขวนให้สูงก่อนนะแล้วก็พอแม่นอนแล้วพอแม่ทำแล้วแม่ก็ต้องทำแบบนี้ ๆ ด้วยเขาก็จะบอกแบบนี้ไงคะคลึงที่สะดืออะไรอย่างนี้เพราะแม่ธาตุเบาแม่ก็ทำได้ ธาตุหนักก็ทำได้ หนักก็ทำนานหน่อยอะไรประมาณนี้ก็คือแบบพอทำของตัวเองแล้วก็ ความเป็นห่วงแม่อีก ลูกเป็นห่วงเราแล้วเราก็เป็นห่วงแม่อีกเราก็ไปทำให้แม่อีกแต่มันก็จะมีแบบ 2 ชุด ลูกซื้อมาให้ 2 ชุดก็บอกแม่เดี๋ยวหนูจะทำอะไรให้แม่เขาก็บอก โอ๊ยจะให้แม่เข้าไปนอนไม่เอาบอกแม่ถ่ายยากมากเลยแม่จะเป็นคนแบบถ่ายแบบ 2-3 วันยังไม่ถ่ายเลยสงสารไงก็เลยไปทำให้เขาแม่ก็บอกโอ้โห พอเข้าไปเขาก็จะแบบเหมือนดังเหมือนท้องร้องหิวข้าวบอกแม่ถ้าเกิดแม่จะปวดท้องจะถ่ายหรืออะไรอย่างนี้แม่ต้องกลั้นไว้ก่อนนะ 10 นาทีเลยเหรอลูก บอก 10 นาทีเลยแม่แม่ต้องกลั้นไว้อย่างนั้นแม่ถ้ารู้สึกแบบเหมือนจะตดจะไม่ไหวแล้วแม่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ก่อน คือทำตามวิธีเลยนะแม่ เขาบอกโอ๊ยใครเป็นหมอนี่เขาว่าอย่างนั้นก็อยากบอกเพื่อน ๆ ทุกคนเลยที่ยังไม่ได้ลองนะคะ ลองเลยค่ะบุญเป็นบุญจริง ๆ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือแบบเป็นความประทับใจอันนี้เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เลยค่ะ ทุกคนมีแต่รอยยิ้มแบบค่ะแล้วพี่ ๆ จิตอาสาก็น่ารักทุกคนเลยก็อีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือบ้านที่เข้าไปพักที่ในกลุ่ม 6 คนน่ะค่ะคือเราจะห่วงกันหมดเลย 6 คนก็จะรอกันแบบเออ ไปทานข้าวแล้วอย่างน้องเป็ดเมื่อวานนี้ คือแบบติ๊กจะอิ่มข้าวแล้วก็คือเราเตรียมถ้วยมาจากบ้านด้วยไงคะ เราก็จะตักน้ำข้าวต้มใส่เกลือนิดหนึ่งเพราะความเป็นห่วงเป็นใยเขาน่ะ จะต้องตักไปให้เขาที่ห้องเป็นห่วงเขามากเลยค่ะ
จิตอาสา: ค่ะอันนี้ก็เป็นอย่างที่บอกมาพบบ้านหลังที่ 2 ที่นี่นะคะแต่ละคนมาจากคนละทิศคนละทางนะคะ แต่ก็มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแล้วก็อยู่ในค่ายด้วยกัน 7 วัน ทุกคนก็ไม่เคยเจอกันนะคะ บางท่านเพิ่งมาเจอกันครั้งแรกในนี้แต่ก็เหมือนรู้สึกพบกันมานาน เจอกันมาก่อนนะคะ ก็เหมือนอย่างที่บอกเรามาตามหาญาติพี่น้องกันนะคะทุกท่านก็ได้มาพบกับความสุขที่นี่นะคะเหมือนเราก็ตัดออกจากชีวิตประจำวัน ความวุ่นวายที่เราอยู่ข้างนอกนะคะ มาอยู่ที่นี่ก็ทุกคนก็ดูหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสก็จะเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ
คุณติ๊ก: ค่ะแล้ววันที่ 25 นะคะ เขาก็บอกว่าต้องไปดูรายชื่อก่อนใช่ไหมคะปรากฏว่าพอไปดูรายชื่อแล้ว ไม่มีรายชื่อเลยโทรไปบอกลูก บอกหนูสมัครให้แม่ยังไงไม่เห็นมีรายชื่อเลย แม่หนูสมัครให้แม่แล้วนะเลยบอกไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวแม่ดูดูหลายรอบมากก็ไม่เจอก็มาแจ้งเขาที่โต๊ะค่ะเขาก็บอกต้องรอรอบบ่าย ก็บอกไม่เป็นไรรอบบ่ายก็รอบบ่ายถ้าเขาเต็มแล้วก็ความตั้งใจของเราถ้ารอบนี้เขาเต็มเขาไม่รับแล้วก็แบบความตั้งใจที่เรามีไงคะแต่เราไม่ได้เสียใจตรงนั้นไหน ๆ เราก็มารู้จักที่แล้วใช่ไหมคะก็ความตั้งใจว่าเดี๋ยวครั้งหน้าจะต้องมีอีก ใช่ไหมคะ
จิตอาสา: ค่ะ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณติ๊กนะคะหรือคุณวทันยาเล่าให้ฟังนะคะดูพี่เขาจะเป็นคนที่ใจเย็นดูมีความผาสุกนะคะ
คุณติ๊ก: ใช่ค่ะ
จิตอาสา: ก็ต้องขอบพระคุณพี่ติ๊กในช่วงนี้มาก ๆ เลยนะคะถ้ามีโอกาสก็คงได้เจอกันในค่ายอีกนะคะ
คุณติ๊ก: ค่ะ ถ้ามีโอกาสเราก็คงจะได้เจอกันอีกก็แบบอยากบอกทุกคนนะคะถ้าใครแบบที่เป็นแบบติ๊กอย่างนี้ค่ะ ทุกคนต้องแบบเป็นกำลังใจให้ตัวเองด้วย เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ถ้าเกิดเราแบบเกิดอาการหมองเศร้าซึมอะไรอย่างนี้ คนที่เป็นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเรานะคะ ไปอยู่กับลูกค่ะ เหมือนวันแรกที่ลูกเขารู้เขาจะกินข้าวไม่ได้เลย ทั้ง 2 คนพี่น้องเพราะว่าเขากำพร้าพ่อไงคะ เขาก็บอกว่าเป็นทั้งแม่ทั้งพ่อให้เขา เขาอยากแบบโกหกหรือเปล่าอะไรประมาณนั้น คือเราต้องเข้มแข็งด้วยจิตใจเป็นอันดับแรกเลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ
จิตอาสา: ค่ะ ขอบพระคุณคุณติ๊กค่ะ
คุณติ๊ก: สวัสดีค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ สู้ ๆ นะคะจากด้วยความรักความห่วงใยของลูกนะคะ ที่อยากให้คุณแม่หายนะคะแล้วคุณแม่ก็จริง ๆ นะคะ ก็เหมือนกันก็รักลูก ก็ได้มาตามที่คุณลูกบอกแล้วก็จริง ๆ อย่างที่บอกถ้าเราป่วย คนที่ป่วยกับเราไปด้วยก็คือคนที่อยู่ใกล้ตัวเรานะคะ ฉะนั้นทำตัวเราให้ผาสุกแล้ว คนข้าง ๆ รอบ ๆ ตัวเราก็จะผาสุกด้วยนะคะ