ดาวน์โหลดเอกสารใบสมัคพรรคสัมมาธิปไตย กดที่นี่  ดูขั้นตอนการสมัคร กดที่นี่ 

ดาวน์โหลดเอกสารลงชื่อคัดค้านกาสิโนถูกกฎหมาย และไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กดที่นี่  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ที่นี่

1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน

ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก

ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558

(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)

ภาคผนวก ก ของวิทยานิพนธ์การศึกษาตามหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (สาธารณสุขชุมชน)

ของ นายใจเพชร กล้าจน

กรณีศึกษาที่1.40
ชื่อแม่ชีภูษณิศา
เพศหญิง
จังหวัดยโสธร
โรคโรคมะเร็งปอด
วันสัมภาษณ์31 มกราคม 2555

แม่ชีภูษณิศา: ขอนมัสการพระคุณเจ้า ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณหมอเขียว แล้วก็จิตอาสาทุกท่าน รวมทั้งทีมงานทุกท่านที่ได้จัดงานในวันนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขออานิสงส์แห่งบุญนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญสุขภาพแข็งแรง ๆ นะคะ สาธุค่ะแม่ชีชื่อ เรียกสั้น ๆ ว่าภูนะคะจริง ๆ แล้วอยากจะบอกกับทุกท่านว่าเอาตัวอย่างแม่ภูเองนะคะคือ มีกรรมเป็นของของตนสาเหตุที่เกิดจากมะเร็งนี่ ถ้าวิเคราะห์ในชาติปัจจุบันนี้ที่เรารู้นะคะก็คือว่าเราพาคนไปทำแท้งค่ะนะคะ โดยที่คิดว่าเราแค่เอารถพาเขาไปเท่านั้นเองนะคะเมื่อประมาณปี 2530 กว่าค่ะ พอหลังจากนั้นมาก็เริ่มมาเข้าวัด พ.ศ. 2543 ช่วงนั้นก็ช่วยพัฒนาวัดที่ป่าปลักประดู่ค่ะ

หลังจากนั้นมาก็คือถ้าเป็นกรรมปัจจุบันที่เห็นจากสิ่งแวดล้อมก็คือว่าเราจะอยู่กับฝุ่นนะคะฝุ่น แล้วก็ชอบที่ว่าเรื่องการก่อสร้างคือทาสีนะคะเพราะฉะนั้นนี่ตัวเองนี่ จะใส่กระดานแล้วก็มีโยมผู้ชายมาช่วยคนหนึ่ง ก็คืออาสนะชีนี่เราจะใส่ฝุ่นนี่จะเข้ามาขอโทษนะคะเต็มรูจมูกเลยค่ะซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้จักว่าแมสคืออะไร เราไม่เคยใช้แมสทำมาถึงปี 47 ปี 47 นี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองนี่ไม่ค่อยดีแล้วนะคะ จะเหนื่อยง่ายแต่เราก็ไม่รู้ว่าเหนื่อยเพราะอะไรเพราะเราเคยเป็นนักกีฬามา เราก็รู้ว่าเราพักหน่อยก็หายเหนื่อยก็เป็นอย่างนี้ประจำก็ดูแลทำไปสร้างกุฏิอะไรไปช่วยพัฒนาวัดไปพอปี 2547 แม่ชีทองพลอยท่านเป็นโรคน้ำลายไหล ก็พาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปีแล้วเราก็เลยถือโอกาสตรวจด้วย ผลปรากฏว่าคุณหมอบอกว่าคนไหนไม่ได้ยาเลยคนนั้นถือว่าโชคดีนะคะ ก็คือคุณหมอจะบอกว่าคุณภูษณิศา ตอนนั้นยังไม่ได้บวชนะคะ เอายาวัณโรคปอดไป สิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิตไม่เคยเสียใจเรื่องมะเร็งเลยนะคะ แต่เสียใจว่าคนที่คุยด้วยกันสนิทกันนี่เขาหันท่านี้เลยค่ะ โหขนาดนี้เลยเหรอ โห ขนาดนี้เลยเหรอ นึกในใจนะตอนนั้นยังไม่ได้บวช โอ้โห เขารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราไม่ไอไม่จาม ถามคุณหมอ คุณหมอแน่ใจเหรอคะว่าเป็นอันนี้ คุณหมอว่าก็เลยให้ไปตรวจน้ำลาย พอไปตรวจน้ำลายปุ๊บก็ช้า

เราก็เหนื่อยช่วงนั้นจะเหนื่อยมาก ขับรถก็ไม่ค่อยไหว ไม่รู้เป็นยังไง ขับก็เพลียแล้วก็จะเหนื่อยพักสักครึ่งชั่วโมงก็จะหาย หลังจากนั้นก็ ก็เลยหมอช้าหมอพูดไม่ดีด้วยเราก็เสียใจนะคะ ก็เออ ทำไมหมอมาดุเราอย่างนี้นะ คนเราดี ๆ ใครจะมานะ เราก็คิดอย่างนั้นนะก็เลยไปที่โรงพยาบาลทรวงอก ก็เชื่อว่าทรวงอกเก่งนะคะนี่คือ ความโมหะ ความหลงนะคะว่า หมอทรวงอกนี่ต้องเก่งแน่นอนเลย หมอมาตรวจบอกว่าถามว่าเป็นยังไง คุณรู้ไหมคุณเป็นโรคปอดบอกทราบค่ะคุณหมอ แต่ไม่แน่ใจเพราะว่าเครื่องมือไม่ทันสมัยเราพูดเลยนะว่าเครื่องมือไม่ทันสมัย หมอว่าคุณไปนั่งนู่นสั่งยามา ยาบ้านโป่งให้ แม่ภูไม่ทานนะคะ

พอโรงพยาบาลทรวงอกเออ เขาเก่งนะ โรงพยาบาลเขาดีนะชั้นหนึ่งของประเทศไทยนะทรวงอกนะทานยาเลยค่ะ โอ้โห ทานเข้าไปนะคะมันบีบปอดนะ จะนั่งจะนอนนี่มีความรู้สึกว่านรกบนดินมีจริง ๆ นอนไม่หลับค่ะทั้งคืนแม่ชีทองพลอยท่านให้คนมานั่งเฝ้านอนเฝ้าใครจะนั่งจะนอนท่าไหนรู้ตลอดทานยาอยู่ประมาณอันนี้เหตุเกิดขึ้นปี 2547 นะคะ ที่นี่รู้ปี 2547 ทานยามาพอปลายปี 2548 พอมาหาหมอ หมอทีแรกบอกว่าคุณเป็นยังไงบ้าง คุณหมอคะไม่ดีขึ้นเลยค่ะสงสัยแพ้ยามั้งคะ คุณหมอก็เปลี่ยนยาให้

พอครั้งที่ 3 ดิฉันคิดว่าถ้าหากว่าจะทรมานอย่างนี้ ตายก็ตายเถอะนะ แต่ถ้าหายดีขึ้นก็ขอให้ยาตัวนี้ให้ดีขึ้น ยาครั้งที่ 3 นี่ดีมากค่ะ นอนหลับสบายพอมาอีกทีเขาก็เปลี่ยนหมอนะคะ เปลี่ยนหมอเป็นหมอคนที่ 2 ที่ทรวงอกคุณเป็นยังไงบ้างบอก อ๋อ สงสัยแพ้ยามั้งคุณหมอคนนั้นพูดมากเลยทำไมเอ็กซเรย์มามีจุดไร ๆ 2 จุดที่ปอดคะเรารู้แล้วมะเร็งแน่นอนเสร็จแล้วนะคนที่พูดมากเขาก็ไปสั่งสแกนรู้สึกจะสแกนปอดมั้งคะผลออกมาเนื้องอก 2 ก้อน เราขอเอาผลเลยค่ะ เพราะเราอยากรู้เราก็เอาผลเราก็แอบถ่ายไว้ แอบถ่ายไว้ รู้ว่าเนื้องอก 2 ก้อนคุณหมอก็ส่งไปที่สถาบันมะเร็งเอ๊ะ สถาบันมะเร็งจะแน่เหรอสถาบันทรวงอกยังอย่างนั้น สถาบันมะเร็งจะแน่เหรอก็ยังไป ส่งตัวไปก็ไปเอาใบส่งตัวไป เอ๊ะ ขับรถไม่ไหวแล้วต่อไปอนาคตมะเร็งต้องคีโม โอ้โห เราจะขับรถไหวเหรอนี่ ก็เลยเอาใบส่งตัวจากสถาบันมะเร็งนี่ไปที่ศิริราช

เป็นบุญอย่างหนึ่งค่ะนะคะ แค่เดือนเดียวนะคะสามารถที่จะฉายแสงได้ คีโม 11 ครั้งค่ะ เข็มแรกนะคะรู้ตัวเลย รู้สึกตัวเลยว่ามาฉายแสงวันที่ 3 มีนาคม ปี 2548 เข็มแรกรู้เลยนะคะว่า อ๋อ ไอ้คนคิดฆ่าตัวตายที่มันบ้ามันคลั่งเป็นอย่างนี้นี่เองเข็มแรกนี่แพ้มากค่ะ จะนั่งก็ไม่ได้จะนอนก็ไม่ได้เพราะฤทธิ์ยามันกดนะคะ มันกดมากเลยค่ะ เดินจงกรมธรรมดาเดินสงบก็ไม่สงบนะคะ ไม่มีการสงบเลยเออทำยังไง จนเดินนี่เสร็จแล้วมีแม่ชีท่านหนึ่งบอกว่า เออให้รอมียาอยู่ตัวหนึ่งคือยาอียาไทยนะ ก็ให้กินโอเคตอนนั้นเราก็กินแต่ก่อนจะกินนะเขาก็ทำยาช้าจะเล่าตรงนี้นะคะว่าอานิสงส์ของอะไรปรากฏว่าแม่ทองพลอยบอกว่า คุณภูไปอยู่หน้าพระพุทธเจ้า ก็กราบเลยนะกราบว่าขออำนาจคุณพระพุทธเจ้าถ้าลูกมีบุญจริงนะคะลูกมีบุญจริงนะยังไม่ได้บวชนะขอให้ลูกหาย แต่ถ้าลูกไม่หายขอให้ลูกตาย บอกท่านอย่างนี้นะคะ กราบช่วงนั้นนะ ไม่เคยเลยแม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ ภาวนายังไม่สงบอย่างนั้น ปรากฏวันนั้นนะสงบเยือกเย็นอาการที่มีความทุรนทุรายอยากฆ่าตัวตายสงบทันทีเลยค่ะเราเริ่มมั่นใจแล้ว โอเค เราหายแน่นะคะ ก็ทานมา หมอนัดเท่าไรก็ไป คีโม 11 ครั้งนะคะ ฉายแสงที่ปอดขั้วปอด 30 ครั้งนะคะซึ่งเป็นมะเร็งปอดระยะ 3 นะคะแต่คิดว่าศิริราชคงจะ 4 แล้วล่ะ เพราะมันเร็วมาก เราทำไม่ไหวหรอกตรงนั้นน่ะพอทำครบคอร์ส ตรงนั้นก็คุณหมอถามว่าดีขึ้นไหมก็บอกว่าเออ มันก็ลามมาที่กระดูกนะคะจากกระดูกชายโครงนี่เราไม่รู้คุณหมอไม่บอก ไอ้เราก็มาชอบแอบถ่ายค่ะเป็นคนนิสัยไม่ดีนะคะ ดูผลตัวเองแล้วแอบถ่ายแล้วมานั่งศึกษาเอ๊ะ มันซี่อะไร 7-8-9-10-11 เราก็ไม่รู้ว่าอะไร แต่เรารู้ว่าซี่นี้

จนกระทั่งต้องขอบคุณครอบครัวของคุณธนพลนะคะก็น้องเขาได้อ่านตรงนี้ออกก็เลยรู้ว่า อ๋อมันเป็นที่กระดูกชายโครงในช่วงนั้นนี่เราก็ยังพอมาทาน มาก็มีหลายค่ะแต่ที่จุดเชื่อทางแพทย์ทางเลือกนะคะ จุดแรกที่ประกายไฟคือว่าสมัยนั้นนี่มีอาหารที่แยกกากใช่ไหมคะ เราก็ซื้อผลไม้มาแยกกากก็คือถวายพระด้วย เราก็เอามาแยกของเราก็เอามาเป็นน้ำฝรั่งนะคะเอามากลั่นแยกกากเลยเอามาบีบแยกกากแล้วก็ดื่มแต่น้ำฝรั่งนะคะ พอดื่มแต่น้ำฝรั่งอย่างเดียวนะคะ ผลปรากฏว่าเราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร มันปวดค่ะ ช่วงนั้นคีโมเสร็จแล้วนะคะฉายแสงเสร็จแล้วนะคะ มันเจ็บหน้าอกเจ็บจนกระทั่งเราเดินนี่ เราจะต้อง (เอามือจับกลางอก) โอ้โห มันทรมานมากเราหยุดทันทีเลยทุกอย่างต้องหยุดทันทีมันใจจะขาดเราก็ไม่รู้อะไรเราก็ยังทานอะไร น้ำแครอทแยกกาก ฝรั่งแยกกากตอนหลังก็เลยหยุดไป เพราะมันล้างยากมันเหนื่อยทำไม่ไหวนะคะ เสร็จแล้วพอมาเจอหนังสือแพทย์ทางเลือกของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ นะเขาบอกว่าฝรั่งทำให้ปวด เรารู้เลยว่าจุดนี้โอเค คนนี้ช่วยเราได้ท่านนี้ช่วยเราได้ก็ทานมาตลอดค่ะ

จนกระทั่งทานไปก็ follow up ตามโรงพยาบาลศิริราชไปผลจากปอดนะคะ ซึ่งตอนนั้นเราใช้อาหารบำบัดนะคะหมอโรงพยาบาลให้อย่างเดียวนะคะคือยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ แม่ภูไม่เคยกินเลยหยุด วางตรงนั้นอาหารบำบัดอย่างเดียวเราเคยถามหมอศิริราชว่าคุณหมอคะ ยานี่ อาหารนี่ช่วยได้ไหมคุณหมอพูดว่า ไม่น่าจะใช่เราก็เอ๊ะยากินยังหายปวดนะสมองเรา ยากินยังหายปวด เอ๊ะ อาหารกินยังหายหิว กินกาแฟไปยังไม่ง่วงนอน ยาแก้ปวด เราว่าไม่ใช่หรอก เราก็เลยไม่พูดเรื่องนี้กับหมอแล้วก็ทานอาหารบำบัดมาตลอดทานอาหารบำบัดนี้คือไม่มีสารพิษนะคะ เราจะไม่มีสารพิษเลย ชูรสก็ไม่ทาน ทุกอย่างจะมีการแช่ปราศจากสารพิษ จนปรับสมดุลของมันเรียบร้อยแล้ว เราก็เอามาทำทานค่ะนะคะ พอทานมาตลอดตรงนี้ก็หลังจากนั้นมาก็โอเคตรงนี้ค่ะ (เอามือวางทาบอก) ดีขึ้นไปหาหมอเขียวด้วยเออ วันนั้นหมอสมหมายค่ะ ใจอยากรู้เพราะหมอสมหมายเป็นแพทย์แผนปัจจุบันกับแพทย์แผนไทยก็เอาฟิล์มไปให้เขาดู เอ้า คุณมาได้ยังไง คุณอยู่ได้ยังไง เป็นมะเร็งกระดูกที่ชายโครง พ.ศ. 2549 บอกเหรอค่ะคุณหมอ บอกก็ทางแพทย์ แล้วคุณอยู่ยังไง บอกอ๋อตอนนั้นบวชชีแล้วนะคะ ไปหาท่านปี 52 ค่ะ บอกคุณหมอคะ ก็ทานแพทย์ทางเลือกค่ะไม่มีสารเคมีค่ะ เอ้าคุณกลับไปเลย ทำอย่างนี้นะ คุณกลับไปเลย ทำยังไงทำยังงั้นบอกคุณหมอคะมันนอนไม่หลับค่ะงั้นผมให้ยานอนหลับคุณไปแต่ยาท่านก็ดีนะ แต่มันก็กดประสาทนะคือก็โอเคไม่มีอาการเพลียอะไรค่ะคราวนี้จุดที่มาตรงนี้นะคะ ก็ต้องขอบคุณคุณธนพล ครอบครัวคุณธนพลด้วยนะคะ คือเขาเคยชวนมาคุณหมอเขียวเหมือนกัน

แต่เราเองนี่ เราหนึ่งไม่สะดวกไม่มีรถ เพราะเป็นนักบวชนะคะแล้วก็อ่อนแรงก็จะไม่มี คุณธนพลเขาก็โทรมา คุณธนพลบอกว่าคุณไปไหม หลายครั้งแล้วค่ะ มาครั้งนี้เจอหมอเขียวครั้งแรก คุณธนพลโทรถามว่ามาไหม บอกมาค่ะเขาก็เลยบอกว่ามีที่ว่างหนึ่ง เราบอกไม่มีรถเขาก็บอกเดี๋ยวผมมารับเองที่วัด ค่ะก็เลยได้มา ถามว่าจุดนี้นะคะก็เป็นจุดที่ดีที่สุดที่เจอในชีวิต เพราะว่าคุณหมอท่านเป็นคนที่มีจิตใจมีธรรมะสูงส่งเท่าที่พบมานะคะ แล้วอีกอย่างหนึ่งท่านก็รู้ในเรื่องของหลักพุทธศาสนาในพระไตรปิฎกซึ่งบางทีแม่ภูเองยอมรับนะคะว่าเป็นนักบวชก็จริง แต่มีความรู้ยังไม่ถึงท่านเลยค่ะนะคะ ซึ่งอันนี้ก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยนะคะ อีกอย่างหนึ่งที่มาตรงนี้เพราะว่าคือยอมรับนะคะ อากาศที่วัดนี่อากาศสำคัญนะคะ เมื่ออากาศไม่ดีปั๊บนี่ใครว่าอากาศไม่สำคัญคุณลองไม่หายใจสิคุณตายแน่นอน อากาศที่วัดนี่ เนื่องจากว่าพอตอนเย็นนี่เขาจะแบบว่าจุดไฟเลี้ยงวัวนม

เพราะฉะนั้นนี่ตอนเย็นทุกเย็นค่ะ เราเหมือนอยู่ในเมืองเมฆหมอกจะเหม็นควันนะคะ ซึ่งแม่ภูเองก็ทรมานเหลือเกินนะลี้มาบ้านพี่น้องบ้าง ลี้มาบ้านตัวเองบ้าง ลี้ไปหลายที่เลยทำยังไงเราต้องอยู่ตรงนี้นะเพราะเราไม่มีบ้านของตัวเองแล้วเราปลูกกุฏิไว้ที่นี่เยอะแยะแล้วนะ ก็ต้องทนอยู่ทำยังไงล่ะ ปิดหน้าต่างหมดใช้พัดลม ใช้โอโซน ใช้ออกซิเจน ก็คือน้ำกับโอโซนใส่ในพัดลมแล้วก็เป่าจมูกตลอดค่ะ เหมือนคนอยู่ในคุกอยู่ในดินในอะไรประมาณนั้น ก็ยอมรับสภาพเพราะถือว่าเราทำกรรมมานี่ใช้ไป เราไม่เหนียวหนี้จะได้หมดกรรม เกิดชาติหน้าฉันใดกรรมตรงนี้มันจะได้น้อยลงหน่อยนะคะ ก็อยู่อย่างนั้นตลอดเลยค่ะ มาที่นี่นะคะอากาศดีมากค่ะ อาหาร อาหารบำบัดก็ดีค่ะเพราะว่าเราทาน แล้วเราก็รู้สึกว่าที่ไหล่ยุบนะคะ เพราะตอนนี้ที่มาที่นี่คือมีไหล่นะคะ บวมแล้วก็ที่เท้าค่ะบวม ส่วนที่มาที่นี่ที่ว่านั่นก็คือมีเนื้องอกคือยังฟอลโล่อัพที่ศิริราชตลอดเวลา คือจะมีเนื้องอกประมาณเกือบ 0.4 เซ็นต์ค่ะ เกือบครึ่งเซ็นต์แล้วก็ที่คอนี่พยายามรักษาระดับไม่ให้มันลามไปไหนก็โอเคค่ะ ทีนี้ว่าพอทานแล้วนี่ รู้สึกว่าเราคงทานฤทธิ์ร้อนมาเยอะนะคะ วันนั้นทานแล้วกระอักกระอ่วนในท้องมากเลยค่ะ นะคะกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูกเลย แล้วก็ปวดศีรษะ ปวดเหมือนหัวจะระเบิด นะคะ หัวก็ร้อนนะ แต่หนาวนะคะ หัวก็ร้อนแล้วก็หนาวหัวจะระเบิด

พอดีเจอมาบอกคุณเล็กที่เป็นจิตอาสาก็ต้องขออนุโมทนาบุญคุณเล็กด้วยนะคะ ที่คุณเล็กช่วยทุกอย่างเลยค่ะคือท่านได้ซื้อของให้แล้วก็ทำเดี๋ยวนั้นเลยนะคะเอาอะไรนะน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด ซื้อผ้าให้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดแล้วก็หมอเขียวน่ะค่ะ ยาเขียวใช่ไหมคะ ค่ะ มาชโลม ๆ แล้วก็พอกค่ะ น้ำมันเขียวน่ะค่ะมาโปะศีรษะให้วันนั้นนะคะ แล้วกลับมาดีท็อกซ์ คุณเล็กถามว่าปวดไหมตอนนั้นบอกไปไม่ไหวเลยต้องพักสักเดี๋ยวถึงจะไปได้ค่ะก็พักสักพักหนึ่ง ก็ฝืนใจสร้างกำลังใจให้ตัวเองแล้วก็ไปไปดีท็อกซ์ออกนะคะ วันนั้นนะคะตั้งแต่เย็นจนเช้านะคะ คุณจูนะคะที่มากับท่านด้วย นี่ก็เอาอาหารไปส่งนะนอนทั้งวันทั้งคืนนะ เพลียไม่มีแรงเลยค่ะ เพราะ ฉะนั้น นี้แม่ภูสรุปได้คำเดียวว่าอาหารเท่านั้นเองที่บำบัดโรคเราได้ และกำลังใจเราต้องสร้างค่ะ กำลังใจสำคัญนะคะ คือแม่ภูคิดว่าเรามีกรรมเป็นของของตน เราพร้อมที่จะรับกรรมตรงนี้นะคะยอมรับเขาอย่าไป อุ๊ย ทำไมมันต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าคุณมีคำว่าทำไมปุ๊บนี่คุณจะเกิดมันจะเกร็งในกล้ามเนื้อ คุณจะเครียดทันทีนะคะ ยอมรับเออ เป็นก็ดีแล้วนะ เออหมด ๆ ไปซะนะใช้กรรมใช้เวรไปนะ เพราะเราทำมาเรายอมรับจบค่ะนะคะ พูดอย่างเร็วเลยเพราะเวลาน้อยต้อง 15 นาที 

จิตอาสา: ค่ะจริง ๆ แล้วที่คุณแม่เล่าก็สนุกนะคะหลาย ๆ ท่านดูสนใจนะคะแล้วคุณแม่ได้ปฏิบัติด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมอีกไหมคะ

แม่ชีภูษณิศา: ก็ที่คุณหมอเขียวนี่ก็ตรงนี้ก็พอก ๆ มาเอาตรงศีรษะมาพอกท้องนะคะก็เบาสบายค่ะ แล้วก็มีการกัวซาหลังค่ะ ได้ครั้งเดียวค่ะเพราะไม่มีคนกัวให้ก็เบาสบายนะคะ แล้วก็อะไรอีกอย่างนะดื่มน้ำปัสสาวะค่ะ แล้วก็เอาน้ำปัสสาวะดีท็อกซ์ด้วยนะคะ ตอนนี้ดีท็อกซ์ประมาณเช้าเย็นค่ะ แต่เมื่อเช้าไม่ทัน เลยไม่ได้ดีท็อกซ์ค่ะ ค่ะเช้าเย็นนะคะ ค่ะก็รู้สึกเบาสบายดีค่ะ แต่ว่าอาการหนาวยังมีอยู่ แต่วิธีหนาวอย่างเดียวนี่คือ เดินเท้านี่ถ้าโยมที่เป็นมะเร็งทั้งหลายที่มีความร้อน ให้เดินด้วยกับดินนะคะ กับดินกับหญ้านี่ใช้เท้าเปล่าดีที่สุดค่ะนะคะ เพราะมันจะช่วย อย่างวันนี้นี่ไม่ได้เดินนะคะนี่รู้สึกหนาวเท้ามากเลยแต่ทุกวันที่เดินไม่ได้ใส่รองเท้านี่ได้รับพลังจากดินนี่ไอดินนี่เรารู้สึกว่าเท้าเราอุ่นค่ะ แต่วันนี้ไม่ได้เดินรู้สึกหนาวเท้าหนาวศีรษะค่ะ นะคะ

จิตอาสา: ค่ะก็ปฏิบัตินะคะ อย่างที่บอกเราเป็นลูกพระพุทธเจ้า

แม่ชีภูษณิศา: ค่ะ

จิตอาสา: ใช่ไหมคะก็คือเดี๋ยวอยากทราบนิดหนึ่งคุณแม่มีอาชีพอะไรมาก่อนมั้ยคะ

แม่ชีภูษณิศา: แต่เดิมเป็นคุณครูค่ะ แล้วก็ออกมาเพราะความงกอยากรวยค่ะ เลยมาขายประกันก็ช่วงนั้นออกมาเพราะมีปัญหาเรื่องกล่องเสียงค่ะก็มีบำนาญนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่กี่พันบาทถามว่าพอไหม ไม่พอค่ะก็อาศัยบางทีก็เป็นบุญของเรานะ พี่น้องรักเรา ก็ลงขันเวลาไม่พอทีก็ลงขันกู้บ้างลงขันบ้างแล้วแต่ค่ะคือยังไงก็คิดว่าถ้าเราตั้งจิตอธิษฐานจิตไว้ว่า ถ้าเราหายนี่เราจะบำเพ็ญบุญ ถึงทุกวันนี้นี่ก็พยายามที่จะช่วยคนบอกสิ่งดี ๆ กับเขาที่เรามีประสบการณ์มา แล้วก็สิ่งใดที่เราให้เขาได้เราก็จะให้ค่ะ

จิตอาสา: ค่ะ ก็อย่างที่คุณแม่นะคะบอก คืออย่างที่บอกไม่มีอะไรที่เราไม่ทำมานะคะ ที่คุณหมอเขียวก็พูดเสมอ เมื่อกี้ที่ถามอาชีพ เพราะว่าอยากจะเผื่อสื่อว่าทำไมคุณแม่ถึงมีอาการไม่สบายเหล่านี้นะคะ ก็คุณแม่ก็เปิดประเด็นตอนแรกแล้วนะคะว่าเรามีกรรมเป็นของของตนนะคะ

แม่ชีภูษณิศา: ใช่ค่ะ

จิตอาสา: แล้วก็อย่างที่คุณแม่บอกว่าจริง ๆ แล้วอาหารสำคัญที่สุด พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสเอาไว้นะคะว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก ใช่ไหมคะคุณแม่

แม่ชีภูษณิศา: ค่ะ

จิตอาสา: อาจารย์หมอเชียวก็สอนเสมอนะคะจริง ๆ แล้วสุดท้ายเราก็ทำที่เรื่องอาหารนี่ล่ะค่ะนะคะก็ฝากพี่น้องเอาไว้แล้วกันนะคะอาหาร 4 จริง ๆ คุณหมออาจจะไม่ได้พูดในค่ายนี้ถ้าอยากทราบต้องติดตามตอนต่อไปนะคะ พี่น้องก็สามารถติดตามข่าวสารแพทย์วิถีธรรม ได้เสมอนะคะ หรือกิจกรรมนะคะ แล้วก็ถ้ามีโอกาสพวกเราก็คงได้มาพบกันอีก แล้วก็ปฏิบัติตัวในค่ายนี้อีกนะคะ ก็ด้วยเวลาอันจำกัดนะคะ คงต้องขอจบช่วงนี้เพียงแค่นี้ เพราะว่าเราจะได้ดำเนินกิจกรรมต่อไป ถ้าท่านได้มีคำถามหรือปัญหาสงสัยอะไรกับพี่น้องที่ขึ้นมาเล่าปฏิบัติ เราอาจจะคุยกันเป็นการส่วนตัวข้างล่างได้นะคะ ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณพี่น้องทุกท่านนะคะทั้ง 5 ท่านนะคะที่ได้ขึ้นมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะคะ แล้วก็ให้ข้อมูลกับพี่น้องเป็นวิทยาทานนะคะ ก็ขอให้ทุกท่านพบกับความผาสุกในการปฏิบัติตัวยา 9 เม็ดทุกท่านเลยนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ สาธุ

แม่ชีภูษณิศา: อนุโมทนาสาธุค่ะ

แบ่งปันประสบการณ์

การดูแลและเทคนิคที่ใช้

กรณีศึกษา 3.52 นางพรทิพย์ กลั่นงาน

กรณีศึกษาที่3.52ชื่อนางพรทิพย์ กลั่นงานเพศหญิงอายุ51 ปีอาชีพอาชีพเดิมแม่บ้านจังหวัดกรุงเทพมหานคร โรคหรืออาการ : มะเร็งปอด (ระยะที่ 1) วันที่เข้าค่าย 25-31 พฤษภาคม 2555 (ครั้งที่ 1) ที่ดอนตาล มุกดาหาร เก็บข้อมูลวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 เมื่อปลายปี 2554...

กรณีศึกษา 2.92 คุณพวงเพชร ช่างซอ 

กรณีศึกษาที่2.92ชื่อคุณพวงเพชร ช่างซอ เพศหญิงโรคโรคมะเร็งปอดวันสัมภาษณ์28 ตุลาคม 2558 หากไปหาหมอแผนปัจจุบันจะต้องเสียเวลา เสียเงิน รวมทั้งอาจจะกดอาการเอาไว้ ทำให้เกิดการเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ต่อเนื่องยาวนานไปเรื่อย ๆ สำหรับมะเร็งปอดหากรักษาตัวที่กรุงเทพ ฯ...

กรณีศึกษา 1.107 คุณวราวุธ เต็งรัง

กรณีศึกษาที่1.107ชื่อวราวุธ เต็งรังเพศชายอายุ38 ปีจังหวัดตรังโรคโรคมะเร็งกระดูกวันสัมภาษณ์21 กุมภาพันธ์ 2556 คุณพ่อเป็นมะเร็งกล่องเสียงอยู่ 8 ปี รักษาแผนปัจจุบัน พึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2554 คุณพ่อรักษาโดยการฉายแสง ครั้งแรกมะเร็งหายไป หมอบอกว่ามะเร็งกล่องเสียงไม่ลุกลาม...

กรณีศึกษา 1.103 หมอทน (นามสมมติ)

กรณีศึกษาที่1.103ชื่อหมอทน (นามสมมติ)เพศชายอายุ38ประเทศสหรัฐอเมริกาโรคโรคมะเร็งปอดวันสัมภาษณ์26 สิงหาคม 2554 หมอเป็นมะเร็งปอด พอหยุดเนื้อสัตว์ อาการโรคก็ดีขึ้น เป็นเรื่องแปลกที่ไม่ทุกคนที่กินเนื้อสัตว์แล้วเป็นมะเร็ง ขณะที่บางคนเป็น หมออยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน...

กรณีศึกษาที่ 1.13 คุณพิชญ์ สมพอง

กรณีศึกษาที่1.13ชื่อพิชญ์ สมพองเพศชายจังหวัดขอนแก่นโรคโรคมะเร็งปอดวันสัมภาษณ์20 สิงหาคม 2555 ผมขอแนะนำตัว ผมชื่อ พิชญ์ สมพอง ครับ อายุ 68 ปีตำแหน่งก่อนที่จะมาถึงปัจจุบันนี้นะครับ เคยเป็นรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตำแหน่งรองอธิการบดี...