ดาวน์โหลดเอกสารใบสมัคพรรคสัมมาธิปไตย กดที่นี่  ดูขั้นตอนการสมัคร กดที่นี่ 

ดาวน์โหลดเอกสารลงชื่อคัดค้านกาสิโนถูกกฎหมาย และไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กดที่นี่  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ที่นี่

1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน

ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก

ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558

(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)

ภาคผนวก ก ของวิทยานิพนธ์การศึกษาตามหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (สาธารณสุขชุมชน)

ของ นายใจเพชร กล้าจน

กรณีศึกษาที่1.32
ชื่อนภวรรณ์
เพศหญิง
ายุ45
โรคโรคข้อเข่าเสื่อม โรครูมาตอยด์ โรคตาแห้ง
วันสัมภาษณ์24 สิงหาคม 2557

คุณนภวรรณ์: ชื่อจริงชื่อนภวรรณ์ชื่อเล่นชื่อฟ้าค่ะ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานนะคะก่อนมาที่นี่ก็คือจะรู้จักหมอเขียวประมาณน่าจะ 3 ปีที่แล้ว พอดีทำงานเกี่ยวกับสำนักพิมพ์คือทำงานที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นที่รวมของคนที่ทำธุรกิจสำนักพิมพ์ก็จะรู้จักคุณนิดดามาก่อน   ถ้ามีโอกาสได้เจอคุณนิดดาในงานประชุมหรือว่างานเลี้ยงของสมาคมคุณนิดดาก็จะชวน ๆ กรรมการแล้วก็เจ้าหน้าที่สมาคมให้ออกมาเข้าค่ายหมอเขียว ก็จะเล่าให้ฟังว่าคุณนิดดาปฏิบัติยังไงเล่าถึงคุณแม่ที่คุณนิดดามาเล่าให้ฟังที่นี่กันน่ะนะคะซึ่งรู้สึกสนใจนะคะแต่ไม่สามารถมาเข้าค่ายได้เพราะว่ามันใช้เวลานานมาก 

แล้วช่วงจังหวะที่มีค่ายนี่ไม่สามารถที่จะลาได้เลยเพราะว่าถ้าภาพของงานที่สมาคม คนภายนอกจะรู้จักนี่ก็จะเป็นการแสดงหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ซึ่งจะจัดเดือนมีนาคม กรกฎาคมแล้วก็ตุลาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่ค่ายหมอเขียวจัดก่อนที่จะเข้างานทุกครั้ง ตัวเองนี่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นมาประมาณสิบกว่าปีแล้วก็คือเดินแล้วมันจะเจ็บถ้ายิ่งเดินมาก ๆ หรือว่าขึ้นบันไดนะคะ ก็ไปหาคุณหมอมีอยู่ 3โรคก็คือ ข้อเข่าเสื่อมแล้วตอนหลังเป็นรูมาตอยด์เมื่อปีที่แล้วแล้วก็ตาแห้ง แต่ตาแห้งนี่ก็เป็นเพราะคอมพิวเตอร์เพราะต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ ข้อเข่าเสื่อมตอนแรก ก็ไปกินยาตามปกติไปหาหมอหมอนัดเดือนละครั้ง หรือว่าสองเดือนครั้ง ก็ทานไปมันก็คือ ตัวเองก็สนใจเรื่องสุขภาพ ก็หาวิธีการด้วยตัวเอง ด้วยหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

ก็พบว่ายาที่กิน ยาสำหรับโรคนี้มันแค่บรรเทาอาการเจ็บปวด มันไม่ได้รักษาเพราะว่าข้อมันเสื่อมไปแล้ว ก็คือกระดูก กระดูกอ่อนมันมาชนกัน แล้วมันก็ขัด ขัดกันแล้วเราก็จะเจ็บก็เลยคิดว่าเออ ถ้าอย่างนั้นนี่มันไม่ใช่ยา ไม่ได้รักษาเพียงแต่บรรเทาอาการเจ็บ มันไม่สามารถรักษาได้โรคนี้ ท้ายที่สุดก็เลยตัดสินใจไม่ไปหาหมออีก ไม่กินยาแล้ว ก็ใช้วิธีควบคุมน้ำหนักแล้วก็ลดกินเนื้อสัตว์ ไม่กินพวกของมันซึ่งมันก็ช่วยในระดับนึง แต่มันไม่ได้ช่วยทั้งหมด ก็คือถ้ายังเดินมาก ทำงานมากอย่างนี้ มันก็ยังเจ็บอยู่ แต่เจ็บในระดับที่เราแบบไม่ทุกข์ทนค่ะ ก็คือโอเคเป็นปกติในระดับที่เราโอเค จนเมื่อปีที่แล้วต้นปีอยู่ดี ๆ แบบนิ้วนิ้วมือนี่ค่ะ แปลก ๆ นะนิ้วนึงมือซ้ายเป็นอะไรอีกสักอาทิตย์นึง มือขวาก็เป็นเหมือนกันต่อไปก็เป็นนิ้วเท้า อ้าว เอ๊ะเราเป็นอะไรนี่แล้วมันก็เป็นทั้งมือก็ตอนนั้นก็หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต อ้าว เราเป็นรูมาตอยด์แน่ ๆ เพราะข้อไม่ได้บวม ไม่ได้เป็นเกาต์ ก็รู้ว่าเป็นรูมาตอยด์

แต่ก็ไม่ไปหาหมออีก เพราะกลัวหมอให้ยา แล้วเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติที่ไบเทค ก็ไปที่แพทย์ทางเลือก บูธแพทย์ทางเลือกซึ่งในนั้นมีบูธหมอเขียวด้วย แล้วก็ได้มีโอกาสคุยกับคุณหมอที่มาจากโรงพยาบาลราชสาส์น ซึ่งเขาก็ทำเรื่องแพทย์ทางเลือกค่ะ ก็คุยบอกคุณหมอขอปรึกษาหน่อย มีอาการแบบนี้ ๆ ใช่รูมาตอยด์ไหม คุณหมอบอกใช่ แต่คุณหมอก็แนะนำให้ทานยาสมุนไพรนะคะ ทานมะรุม ทานขมิ้นชัน เถาวัลย์เปรียง อะไรอย่างนี้ มันก็บรรเทาอาการเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้หาย คือช่วงไหนที่เราไม่ได้ทำมันก็ค่อย ๆ บรรเทาไป ส่วนตาแห้งก็เพราะใช้คอมพิวเตอร์ แต่ช่วงหลังมานี่มันจะมี อาการมันดีขึ้นก็จะไม่ค่อยใช้ยาก็จะลืม ๆ ไป ปกติมันต้องมียาหยอดเช้าเย็น บางทีอยู่บ้านไม่ได้แสบตาก็ไม่ได้หยอดยาไม่ได้หยอดน้ำตาเทียมช่วงออกจากงานมานี่ยิ่งลืมใหญ่ ก็เออมันก็ไม่ได้กระทบชีวิตประจำวันเท่าไร ก็ยิ่งลืมจนเมื่อปีใหม่ได้มีโอกาสมาเจอคุณนิดดาที่บ้านอดีตนายกสมาคมอีกท่านนึง คือคุณนิดดา เคยเป็นนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ คุณนิดดาก็มาชวนกรรมการเหมือนเดิม ดิฉันก็ยกมือไปค่ะ หนูไปค่ะคุณนิดดา ก็บอก เอ้ามา เอากระดาษมา โทรไปที่แสงแดดนะเบอร์ต่อนี้ แล้วก็ไปบอกเขาว่านี่เด็กเส้นป้านิด

ดิฉันก็โทรไปก็บอกเขาตามนี้ เขาก็จดชื่อนามสกุลอายุ แล้วเขาก็บอกเสร็จแล้วค่ะ พี่เราก็ถามแล้วถ้าไปขึ้นรถกับทางแสงแดดทำยังไงเขาบอกก็ให้โอนเงิน (ค่าเดินทาง) ตามที่เราทราบค่ะ อันนั้นก็คือ เป็นที่อ๋อแล้วก่อนมาสักประมาณอาทิตย์นึง ก็หยุดกินยาสมุนไพรที่หมอบอกแล้ว ก็มาค่ายนี่แหละค่ะ พอมาค่ายนี่วันแรกก็ยังงง ๆ แต่ก็ฟังที่คุณหมออธิบายว่าต้องทำนู่นทำนี่อะไรอย่างนี้ ก็ยังไม่ได้ทำนะคะ เพราะเหนื่อยมาก เหมือนที่ทุกคนก็ทุกคนเหมือนกันนะคะ ตื่นตี 3แต่ที่ตัวเองตื่นตี 3 เพราะว่ามันมีธุระที่ต้องมาทำประมาณ 1 ชั่วโมงก็เหนื่อยก็หลับวันรุ่งขึ้น ก็เดี๋ยวเราคงต้องทดลองทำกัวซาทำอะไรสักอย่างนึง แต่วันที่ 2 ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ในช่วง 2 วันแรกนี่ คือไม่กินอะไรกินตามอาหารที่ค่ายจัด วันที่ 2 นี่จะรู้สึกว่าคือก่อนมานี่มีอาการเพิ่มเติมก็คือหัวแม่เท้าข้างซ้ายมันฝืด ๆ มันขัด ๆ มันเจ็บ ๆ แล้วข้อเท้านี่เจ็บมากตั้งแต่ข้อเท้าข้างซ้ายเจ็บมาตั้งแต่เดือนธันวามันก็เจ็บ ๆ หาย ๆ ถ้าเรากินยามันก็จะหาย ๆ ไป แต่มันไม่หายไปเลย ปรากฏว่าวันที่ 2 นี่นิ้วโป้งข้างซ้ายจะนิ้วโป้งข้างซ้ายมันจะหายเจ็บไปค่ะ อยู่ดี ๆ ก็หายเจ็บแล้วพอวันที่ 3 ข้อเท้าข้างซ้ายที่เจ็บ ๆ อยู่ตื่นมาก็ไม่เจ็บ แต่พอเราไปเดิน ๆ นี่ค่ะ มันก็เจ็บบ้างตอนบ่าย ๆ อะไรอย่างนี้ก็เป็นมา ตอนนี้ข้อเท้าข้างซ้ายก็จะเป็นอาการแบบนี้คือถ้าเดินเยอะ ๆ ก็จะเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเจ็บในระดับที่เราแบบเออ รู้สึกมันเจ็บเราก็ทดลองทานฉี่แล้วก็ดีท็อกซ์นี่ก็แบบกลัวนะคะกลัวเพราะเป็นคนที่แบบเจาะเลือดก็ไม่ไปบริจาคเลือดก็ไม่ทำเอ๊ะ เจาะเลือดทำเพราะคุณหมอสั่ง

แต่บริจาคเลือดนี่กลัวมาก กลัวเข็ม ก็ทดลองดีท็อกซ์ครั้งแรกก็แบบสบายนะ แบบเรารู้สึกเบาก็ทำตั้งแต่วันน่าจะเป็นวันจันทร์ก็ทำทุกวัน แล้วอย่างเมื่อวานเมื่อวานตื่นมามีอาการท้องเสียก็ทำดีท็อกซ์เช้าเย็นก็ไม่เป็นอะไร เมื่อเช้านี้ทำรู้สึกโล่งมาก ๆ แบบรู้สึกแบบตัวเบาเลยค่ะเหมือนเรามีวิทยายุทธ์ ส่วนตาแห้งนี่ก็ใช้ฉี่หยอดนะคะมันก็จะอุ่น ๆ ก็ไม่แสบนะคะ แต่ถ้าใช้น้ำสกัดสมุนไพรน้ำสกัดเย็นค่ะจะเย็น ๆ หน่อย มือนี่ก็ทำกัวซาค่ะมันก็จะไม่เจ็บเท้าด้วยค่ะเท้านะคะแล้วพอดีเมื่อวานเพื่อนเพื่อนไม่สบายเลยไม่ได้มาเข้าเรียนทั้งวันเลยแต่เรื่องเพื่อนไม่สบายเดี๋ยวให้เพื่อนมาเล่านะคะก็ไปช่วยปฐมพยาบาลเพื่อนกันที่จริงช่วยตั้งแต่วันก่อน ช่วยเขากัวซาหลังตอนเช้าเขาเหมือนเขาจะเป็นลมค่ะ เราก็ช่วยเขาจนเขาเข้ามาเรียนได้ทั้งวันของวันก่อนนะคะแต่เมื่อวานเขาพิษเขาออกมาก 

จิตอาสา: ค่ะก็เท่ากับว่าถ้าฟังจากที่พี่ฟ้าเล่า ก็คือได้ใช้ยา 9 เม็ด ครบทุกข้อเลยนะคะ มีความเครียดความกังวลในการปฏิบัติตัวในค่ายนี้ไหมคะ

คุณนภวรรณ์: คือปกติคือตัวเองไม่ได้ปฏิบัติธรรมนะคะ แต่ที่บ้านจะแบบชอบทำบุญเข้าวัดแล้วก็ตัวเองจะเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยฟุ้งซ่านเป็นคนมีสมาธิค่ะ ก็เลยแต่คือคิดว่าน่าจะมีผลบุญอะไรบางอย่าง แต่ถ้าตอนที่นั่งฟังคุณหมออธิบายเรื่องธรรมะนี่ค่ะมีแอบหลับ

จิตอาสา: แต่ก็คือเหมือนว่าเราเปิดใจ ใจเราเปิดใช่ไหมคะ

คุณนภวรรณ์: ใช่ค่ะ เปิดใจวันแรกยังไม่ค่อยเปิดใจนะคะแต่พอวันที่ 2 อะไรอย่างนี้มันค่อย ๆ คลี่คลายไป

จิตอาสา: ก็คือที่คุณหมอแนะนำอะไรหรือว่าจิตอาสาแนะนำอะไรก็ปฏิบัติตาม

คุณนภวรรณ์: ใช่ ใช่ค่ะ

จิตอาสา: แต่ก็คือเหมือนว่าเราเปิดใจ ใจเราเปิดใช่ไหมคะ

คุณนภวรรณ์: ใช่ค่ะ เปิดใจวันแรกยังไม่ค่อยเปิดใจนะคะแต่พอวันที่ 2 อะไรอย่างนี้มันค่อย ๆ คลี่คลายไป

จิตอาสา: ก็คือที่คุณหมอแนะนำอะไรหรือว่าจิตอาสาแนะนำอะไรก็ปฏิบัติตาม

คุณนภวรรณ์: ใช่ ใช่ค่ะ

จิตอาสา: ก็ฟังดูเหมือนอาการที่บอกเจ็บมาหลายปีใช่ไหมคะ ทรมานไม่ได้หาหมอทานยาแผนปัจจุบันนะคะ ก็คือแค่ได้ทานสมุนไพรมาบ้าง ตอนนี้ก็คืองดสมุนไพรแล้วหรือว่ายังไงคะ

คุณนภวรรณ์: ใช่ค่ะ งดตั้งแต่ก่อนมาค่าย 5 วัน

จิตอาสา: งดแล้วนะคะ ก็ได้ปฏิบัติตัวมาดูเหมือนก็ไม่ยากไม่ลำบากใช่ไหมคะ

คุณนภวรรณ์: ไม่ลำบากค่ะ ก็ตั้งใจเราต้องมีความตั้งใจ ใส่ความตั้งใจลงไปมุ่งมั่นคือบังเอิญมีประสบการณ์ เคยเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่น้ำหนัก 58 รู้สึกว่าอยากลดความอ้วน แล้วไปอ่านหนังสือเล่มนึง แล้วแบบ เออ มันไม่น่าจะยากที่เราจะทำได้ ไม่ได้อดอาหารนะคะ กินอาหารเพียงแต่ว่าลดปริมาณลงเราก็ทำได้ลดลงมาเหลือ 53 แล้วตรงนั้นน่ะจะเป็นประสบการณ์ที่แบบเออ บอกตัวเองว่าอย่างนั้นเรายังทำได้เลยแล้วตอนนั้นก็ควบคุมน้ำหนักมาตลอดมา 2 ปีค่ะ

จิตอาสา: ปัจจุบันน้ำหนักเท่าไรคะ

คุณนภวรรณ์: ประมาณ 53 แต่มาค่ายนี่เหลือ 50 ครึ่ง 

จิตอาสา: น้ำหนักในค่ายก็ลดลงไปประมาณเกือบ 3 กิโลกรัม 2 กิโลกรัมกว่านะคะ จาก
53 เหลือ 50 ครึ่งนะคะก็แสดงว่าน้ำหนักก็ทรงตัวนะคะ

คุณนภวรรณ์: ค่ะ ใช่ ๆ 

จิตอาสา: จากมารับประทานอาหาร ก็น่าจะเป็นมังสวิรัติใช่ไหมคะ ไม่ทานเนื้อสัตว์

คุณนภวรรณ์: ไม่เชิงค่ะ เป็นเจเขี่ยค่ะ อยู่ที่บ้านคือน้องเขาจะรู้ว่าแบบตัวเองจะลดกินเนื้อสัตว์ เขาก็จะพยายามผัดอะไรอย่างนี้ แล้วก็แต่ถ้าจำเป็นต้องกินแกงอะไรอย่างนี้ก็จะกินน้ำกับเนื้อนิดหน่อย

จิตอาสา: ค่ะ ก็จริง ๆ แล้วจะบอกว่า ข้อเสื่อม รูมาตอยด์ ตาแห้ง ไม่ยากเลยใช่ไหมคะถ้าเราจะดูแลสุขภาพ

คุณนภวรรณ์: ค่ะใช่ค่ะ ใช่ถ้าตั้งใจปฏิบัติตามที่คุณหมอบอก

จิตอาสา: ค่ะ อย่างนั้นท้ายนี้อยากให้พี่ฟ้านะคะฝากอะไรให้กับพี่น้องหรืออยากจะแนะนำเทคนิคอะไรที่จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ

คุณนภวรรณ์: คิดว่าทุกคนทำได้นะคะต้องให้กำลังใจตัวเอง แล้วก็อย่าคิดว่ามันยากเกินไปทุกอย่างเราทำได้

จิตอาสา: ค่ะ ก็คือทุกอย่างเราทำได้ ทำให้สุด ๆ ไปเลยใช่ไหมคะ

คุณนภวรรณ์: ใช่ค่ะ ใช่

แบ่งปันประสบการณ์

การดูแลและเทคนิคที่ใช้

กรณีศึกษา 1.130 นางพรภินันท์ กีรติวิริยะวุฒิ

กรณีศึกษาที่1.130ชื่อนางพรภินันท์ กีรติวิริยะวุฒิเพศหญิงอายุ59 ปีจังหวัดบุรีรัมย์โรคโรคออฟฟิศซินโดรม (office syndrome)วันสัมภาษณ์2 เมษายน 2558 อาชีพค้าขาย : มีบริษัททำท่อซีเมนต์ต่าง ๆ พฤติกรรม : ก่อนไม่สบายอาหารประจำวันจะเป็นเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่โรคประจำตัว :...

กรณีศึกษา 1.129 นางสาวปัทมา ทีปประสาน 

กรณีศึกษาที่1.129ชื่อนางสาวปัทมา ทีปประสาน เพศหญิงอายุ66 ปีจังหวัดกรุงเทพมหานครโรคโรคมะเร็งต่อมนํ้าเหลืองระยะที่ 3 โรคความดันโลหิต โรคเข่าเสื่อม โรคอ้วนวันสัมภาษณ์29 เมษายน 2558 อาชีพค้าขาย เป็นเจ้าของร้านขายยาแผนปัจจุบัน...

โรคกระดูก ปวดตามข้อมือ ข้อเท้า

คุณ จิว อายุ 50 ปี เป็น จิตอาสาแพทย์วิถีธรรม มีอาการเจ็บป่วย ปวดข้อมือข้อเท้าที่กระดูก ที่ปวดข้อมือและปวดหัวเข่าได้มาเข้าค่ายกับแพทย์วิถีธรรม ใช้น้ำปัสสาวะใน การดีทอกซ์และดื่ม อาการปวดข้อมือ ข้อเท้า ก็ลดลดและมีอาการดีขึ้น เมื่อมีอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ตาแดงจากฝุ่นละออง...

โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ผ่าหายด้วยน้ำปัสสาวะ

คุณ แหม่ อายุ49 ปี จิตอาสาแพทย์วิถีธรรม สังกัดสวนป่านาบุญ 3 ปัจจุบันสุขภาพแข็งแรง เพราะได้เรียนรู้ฟื้นฟูและป้องกัน กับแพทย์วิถีธรรม คือ เทคนิคยา 9 ข้อ ยา 9 เม็ด ปัญาหาสุขภาพก่อน มาพบแพทย์วิถีธรรม คือ โรคเข่าเสื่อม หมอบอกว่าให้เปลี่ยน หัวเข่าเลย คิดว่ามันหน้ากลัว...

โรครูมาตอยด์

โรครูมาตอยด์ โดยอาจารย์บังอร ค่ายสุขภาพและพระไตร ปิฏก สวนป่านา คุณบังอร ดวงดุสดี การเจ็บป่วย ลุกจากเตียงขึ้นมายืนไม่ได้ ไปหาหมอตรวจพบว่าเป็น โรค ข้ออักเสบรูมาตอยด์ รื้อรังรักษาไม่หาย ต้องกินยาตลอดชีวิต ฟังแล้วก็เลยไปหาหมอทุกเดือน ตังแต่ปี 2525 ทั้งกินทั้งฉีด มา 30 ปี...