1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.15 |
ชื่อ | เตือนใจ จันทะ |
เพศ | หญิง |
จังหวัด | มหาสารคาม |
โรค | โรคไตวาย เอสแอลอี (SLE) |
วันสัมภาษณ์ | 21 ธันวาคม 2557 |
ผมอยู่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ส่วนตัวผมแข็งแรงมาก แต่ภรรยาผมก็ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่ต้นปีครับ เป็นโรค SLE หรือโรคพุ่มพวงน่ะครับ ประมาณต้นปี 2554 ก็เทียวรักษามาเรื่อย แต่ว่าผมก็มารู้สัจจะจริง ๆ เมื่อเดือนสองเดือนที่แล้วครับ ว่าการรักษาโรคถึงแม้เราจะปฏิบัติยาทั้ง 9 เม็ด ตามหลักการแพทย์วิถีธรรม ทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าเขายังมีวิบากกรรมที่หนักมาก ก็เอาไม่อยู่ครับ เขาจะต้องใช้วิบากกรรมก่อน มันจะมีเรื่องวิบากกรรมเข้ามาเกี่ยวด้วย จริง ๆ แล้วเขาก็ยังพากเพียรไม่เท่าไหร่ กรรมมันดลมันบังให้เขาไม่สามารถที่จะทำได้ จนเขามาเจ็บหนักเมื่อค่ายครั้งที่แล้ว
ตอนนั้นไปรักษาอยู่มหาสารคาม ก็พอดีมีค่ายผมพามานั่งรถเก๋งจากมหาสารคามตอนสี่ทุ่ม มาถึงนี่ตีสอง แต่ว่าตอนมาเขาอาการมันหนักมากแล้วครับ หนักมากจริง ๆ ขาเขาจะบวม ท้องโตเหมือนคนท้อง 9 เดือนเลย จิตอาสาก็ช่วยกันอยู่ครับหลายคน อาจารย์ก็มาบีบ กดจุดให้ ก็ดีขึ้นมาระยะหนึ่ง สุดท้ายไม่ไหว เขาใจจะขาด เขาหายใจไม่ออก เราก็ต้องได้กลับไปใช้เทคนิคการแพทย์สมัยใหม่ช่วย เพราะว่าแพทย์วิถีธรรมก็ไม่มีออกซิเจนไม่มีอะไร ก็เลยพาไปประมาณสองทุ่มกว่า ก็ไปเข้าไอซียู (ICU)ในมุกดาหาร 3 วันแรกนี่ ผมคิดว่ายังไงไม่รอดแน่เพราะว่าหนัก หนักมากจริง ๆ ไปถึงทางทีมโรงพยาบาลก็ใช้เครื่องช่วยหายใจครับ แทงเข้าไปในปากทะลุลงไป ดูแล้วมันน่าสงสาร สงสารจริง ๆ ผมก็คิดอุทานในใจว่าทำไมเราต้องมาเจอทุกข์เจอวิบากอะไรแบบนี้ สองปีผมนี่ผมตะลอน ๆ รักษาภรรยานี่ ไม่เป็นอันทำมาหากิน แล้วก็อยู่ในห้องไอซียู (ICU) 2 เดือนเต็ม ๆ ครับ เดี๋ยวสักพักพยาบาลก็มาแทงโน่นแทงนี่ วันหนึ่งแทงเป็นสิบยี่สิบครั้ง คนป่วยเป็นโรคนี้ เส้นเขามันจะพังหมดเลย มันหาเส้นแทบไม่ได้ เวลาจะให้น้ำเกลือให้อะไร แทงพรุนไปหมด
SLE นี้ ตัวเม็ดเลือดขาวมันทำลายเราเอง แล้วทีนี้พอนานไป ๆ เราก็กินยาพวกกลุ่มยาสเตียรอยด์ พวกนี้มันจะมีผลไปทำให้ตับไตไส้พุงอวัยวะต่าง ๆ ของเรามันพังไปด้วย สุดท้ายไตวาย คุณหมอใหญ่ในโรงพยาบาลมุกดาหาร ก็บอกว่าหนักอยู่มาก แสดงสีหน้ายังไงก็ไม่รอดนะ ทั้งปอดติดเชื้อรุนแรง ทั้งไตวายระยะสุดท้าย ไตวายขนาดนี้ มันไม่กลับไปเหมือนเดิมแล้วนะ มันจะเสียหน้าที่การทำงาน
ตอนที่หมอบอกว่า ไตวายระยะสุดท้ายแล้วนะ คุณมีเงินถึงล้านไหม ผมก็ว่าผมไม่มีหรอกครับ ถ้าไม่ขายที่นา ขายที่นาก็อาจจะได้อยู่ ถึงจะมีถึงล้านหนึ่งคุณก็ยังจะไม่พอนะ พยาบาลอยู่นั่นก็บอกว่าเห็นใจจริง ๆ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงคือว่าค่ารักษามันสิ้นเปลืองมาก ฟอกครั้งหนึ่งก็ทีละ 2,000 บาท 2 วันฟอก ช่วงนั้น 2 วันฟอก 2 วันฟอก แล้วค่าอยู่ค่ากินเรา ค่ารถเดินทางมาอีก แล้วมันจะได้ทำอะไรกัน
แล้วก็มีน้องจิตอาสามาแนะนำว่าเขาก็อยู่ในห้องไอซียูมาได้ตั้ง 50 วัน เขาไม่ตายหรอก แสดงว่าเขารอฟื้นตัว พี่พลทำอะไรอยู่ เห็นไหมอกุศลน่ะ มันดลให้ผมคิดไม่ถึงว่าเราก็เรียนรู้เรื่องนี้มา น้ำย่านางทำไมไม่ให้เขากินนะ ผมก็ให้ ให้เป็นน้ำสกัดฤทธิ์เย็น ได้มาจากจิตอาสาซึ่งเขาทำมาจากรากหญ้าคา ก็ช่วยบำรุงไต อันนั้นก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ว่ามันไม่มีพลังชีวิตเหมือนน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดสด แล้วก็ได้ความเมตตาจากแม่ครั่งช่วยเก็บผัก ผมก็มาจดดู มีใบอ่อมแซ่บ ใบมะยม ใบเตย หญ้าม้า มีอะไรเยอะแยะ 16 ชนิด และคั้นน้ำเสร็จ ผมก็รีบเอาไปให้เขากิน 1 แก้วหลังจากกินไปไม่นาน ถ่ายออกมา 3 ครั้งรวดเลย ถ่ายออกมาใส่ผ้าแพมเพิร์สนะเต็มเลย คล้าย ๆ กับว่ามันขับของเสียออกมาครับ แล้วทีนี้ปัสสาวะออกมาเป็นกิโลเลยครับ ฤทธิ์ของสมุนไพรฤทธิ์เย็น
ตอนนี้ ณ วันที่สัมภาษณ์ ภรรยามาพักฟื้นอยู่ข้างหลังนี่ครับ ผอม ๆ มองไปเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ออกซิเจนแล้วครับ หายใจได้เอง แล้วก็กำลังกินข้าวเยอะ กินข้าวเป็นหม้อเลย ร่างกายเขากำลังจะฟื้นตัว มีแต่กิน มีแต่อยากกินอย่างเดียวเลย แล้วอาการของโรคไต ที่ว่าไตวาย ที่ว่าเป็นระยะสุดท้ายแล้ว คุณหมอแผนปัจจุบันบอกว่าเขาหายจากไตวายแล้ว ก็คือให้ทำแบบที่ภรรยาผมทำนี่แหละ มันสามารถหายได้ครับทุกโรคหายได้จริง ๆ
ตอนนี้ไม่ต้องฟอกไตแล้วครับ ตอนนี้ท้องหายบวมแล้ว ยุบลงหมดเลยตอนนี้เป็นปกติ สามารถขับถ่ายได้ปกติด้วย เริ่มดีท็อกซ์ได้ 2-3 วันแล้วครับ นอนโรงพยาบาลมาทั้งหมดเกือบ 4 เดือน ขนาดใช้บัตร 30 บาทไม่ได้เสียเงิน ไม่ได้มีค่ายาอะไรนะ แต่ว่าค่าใช้จ่ายเป็นแสนสองแสนอยู่ครับ มันเป็นค่าน้ำมันในการเดินทาง
ภรรยาของผมที่หายได้ ก็วิธีนี้แหละครับ ของคุณหมอเขียวนี่แหละครับ ก็การรักษาสมดุลร้อนเย็น ปรับร้อนปรับเย็นนี่แหละครับ
(ชุมพล ยอดสะเทิน. สัมภาษณ์ 2556, กรกฎาคม 5)
สัมภาษณ์: เตือนใจ จันทะ และชุมพล ยอดสะเทิน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2557
คุณพล: กราบท่านอาจารย์หมอเขียว ที่เคารพยิ่ง เจริญธรรมสำนึกดีคุณน้องจิตอาสาผู้เสียเสียสละทุกท่านเจริญธรรมคุณพี่น้องชาวค่ายทุกท่านครับ ผมนาย ชุมพล ยอดกระเทิน อยู่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
คุณเตือน: กราบอาจารย์หมอเขียวและแม่ครั่งค่ะ ไม่รู้เป็นอะไรถ้าได้ขึ้นเวที จะน้ำตาร่วงทุกครั้ง เพราะว่าอยู่นี่มันซาบซึ้งคือ ที่นี่ทำให้ชีวิตของหนูเกิดใหม่เป็นชีวิตใหม่และมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยธรรมะค่ะ ตลอดเวลาที่เป็น เอสแอลอี กับไตวาย ก็ได้มาทำยา 9 เม็ดกับอาจารย์กับแม่ครั่ง แม่ครั่งคือผู้ให้ชีวิตใหม่ของหนู และสิ่งที่ภูมิใจคือตอนนี้คือได้ปฏิบัติธรรมะ นี่คือชีวิตใหม่ที่เราได้ทำความดีได้ทำกุศลอยู่ที่นี่ ตอนที่หนูป่วยเขาก็ได้เกิดมาช่วยหนู เป็นเอสแอลอี ระยะสุดท้ายเป็นไตวายด้วย ตอนที่เป็นมีก้อนอยู่ในท้องด้วย ตัวเองเป็นอะไรไม่รู้ไม่กล้าบอกสามีค่ะ เมื่อรู้ว่าท้อง ได้ไปตรวจกับนายแพทย์ที่อำเภอพยัคฆ์ เขาก็บอกว่า คุณท้องได้ 3 เดือน คุณนายแพทย์คนนั้นก็บอกว่าทำไมคุณท้อง ปกติคนเป็นเอสแอลอี เขาไม่ให้ท้อง และบอกว่า ให้คุณไปทำแท้งให้เอาเด็กออก หนูก็กลับมาบ้านก็มานอนร้องไห้ไม่กล้าปรึกษาสามีว่าจะทำอะไร ก็เลยลงมาจากห้องก็เลยบอกพ่อว่า พ่อท้องได้ 3 เดือน
คุณพล: ต่างคนก็กังวลมากเพราะว่าไหนจะดูแลภรรยาและเด็กจะเกิดมา และเขาจะมีปัญหาเรื่องอะไรตามมาอีก ก็เลยมาปรึกษา ก็กลับมาค่ายโทรมาหาอาจารย์ ๆ ก็แนะนำ
คุณเตือน: เราไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเขาจะดูแลเราเป็นพิเศษ ให้ยาเรากิน ยาสเตอรอยด์ยาอะไร เราไม่กินเพราะว่ามันจะทำร้ายเด็ก และก็แอบไปเพื่อจะไปฝากครรภ์เพื่อให้เขาดูแลทางการแพทย์ แต่เรากลับมาใช้ยา 9 เม็ดค่ะ ยาทุกอย่างเกี่ยวกับ เอสแอลอี ไม่ยอมกินเพื่อลูก แต่ก็อยู่ได้ค่ะ คือจะทานยา 9 เม็ดและก็ดื่มน้ำพุทธเจ้า เยี่ยวกี่ครั้งหนูก็จะกิน เยี่ยว 10 ครั้งก็จะกิน คือว่าสิ่งที่ที่เราฝันคือลูก เราจะทำให้เขาออกมาให้แบบสมบูรณ์ให้ได้ ซึ่งอาจารย์บอกมาว่า ยาอะไรที่มันจะทำร้ายลูก หนูก็ไม่ยอมกิน คือหนูจะกินแต่ผักและผลไม้ นมก็กินบ้างก็เพื่อว่า พวกป้าญาติเขาจะดูเราไม่แข็งแรง แล้วลูกออกมาจะไม่ปกตินะ เราต้องกินเราก็แอบกินบ้างไม่กินบ้างค่ะ น้ำที่สุดยอดก็คือน้ำย่านางและน้ำพระพุทธเจ้าคือจะกินไม่ยอมทิ้งเลยค่ะ เยี่ยวที่ไรจะกินให้หมดเลย คือยาทุกอย่างเราทิ้งหมด แต่หมอนัดเราไปเราไปตามนัด นัดทุกครั้งนัดเวลาไหนเราไปหมดไปตามใบนัดหมดค่ะ แล้วท้องได้ 7 เดือน 7 เดือนนี้หนูรู้สึกว่าครรภ์มันดิ้น ท้องน้องดิ้นแรงมากเจ็บก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอก็พยายามฉีดยาเพื่อจะไม่ให้เด็กออกก่อนกำหนด ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ พยายามฉีด 4 ชั่วโมง มาฉีด ๆ ฉีด ๆ ตลอดเจ็บที่นี่เจ็บครรภ์ แสบร้อนไปหมดเลยค่ะ ทรมานมากเป็นคนเดียวในโรงพยาบาลที่ทนยาคุณหมอได้ค่ะ คุณหมอก็ถามคุณแม่ว่า จะเอาเด็กหรือจะเอาแม่ คุณแม่ก็ตอบว่า “โอ้ยจะให้ยายเลือกเด็กแล้วแม่ล่ะ แล้วให้ยายเลือกแม่แล้วเด็กล่ะ โอ้ยคุณหมออย่าเพิ่งถามยายนะ พอดีวันนั้นแฟนกลับบ้านมาธุระที่พยัคฆ์ “โอ้ย ยายตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ คุณหมอ” “เอาให้ยังงั้นก็ให้เซ็นชื่อไปก่อนนะ” พยาบาลบอก ยายก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีใครอยู่ด้วยไม่มีว่าจะปรึกษาใครค่ะ ยายก็เซ็นก็เซ็น เขาไม่ให้ญาติไปเยี่ยม แม่ก็โผล่หน้าดู เป็นอะไรลูก เจ็บไหม บอกแม่ว่า “เจ็บแม่ เจ็บ ๆ ๆ ทรมานเหลือเกิน ท้องคนแรกไม่เห็นทรมานอย่างนี้เลยแม่ ยามันแรงมาก แม่ก็ว่า อดทนนะลูก อดทน ๆ อดไม่ไหวแล้วค่ะ คุณหมอหนูอดไม่ไหวแล้วเหมือนเด็กจะออก อ้าวคุณหมอเลยมาตรวจดู อ้าวจริงด้วยเห็นหัวเด็ก อ้าวจะออกได้ไง เด็กกำลัง 7 เดือนเออ วันนั้นเหลือคนสุดท้ายในห้องคลอดค่ะ ก็เลยเข็นเข้าห้องคลอดค่ะ ยังไม่เตรียมเครื่องมืออะไรเลยค่ะคุณหมอ ยังไม่ทำอะไรสักอย่าง คุณหมอบอกว่าอย่าเพิ่งเบ่ง หนูไม่ได้เบ่งค่ะ มันจะออกเอง อ้าว ทำยังไงหล่ะ ทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลวิ่งกันมัวเลยค่ะ เกือบตัวเล็กนี่เกือบตกใส่ถุงดำ เกือบตก ขาดออกซิเจนไป 20 วินาทีค่ะ แม่กับลูกก็อยู่คนละทาง หมอพยาบาลก็ดูแลลูก แม่ก็ไปอีกทางไม่ได้ดูแลกันเลยค่ะ พอดีบังเอิญนึกถึงอาจารย์นึกถึงคุณงามความดี นึกถึงพ่อครู นึกถึงคุณแม่ครั่ง และจิตอาสาทุกคนที่ดูแลเรา ก็เลยมีวันนี้ก็เป็นบุญของลูก บุญธันวาค่ะ เกิดวันที่ 5 ธันวา โทรมาหาอาจารย์หมอ อาจารย์หมอ ก็ตั้งชื่อให้บุญธันวาค่ะ เกิดวันที่ 5 เลยเป็นชื่อทางธรรมค่ะ บุญธันวา น้องน้ำหนาวค่ะ ก็เป็นบุญของเขาค่ะ ก็เป็นบุญของเขา พอมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านก็ไม่มีเวลาดูตัวเองแลตัวเองกลับมาก็เลี้ยงลูก ลูกตัวเล็กมากค่ะ ออกมาได้ 1,200 กรัม ค่ะตัวเล็กมาก ญาติคุณน้องไปดู เขาไม่กล้าดูเลยค่ะ เด็ก 1,200 กรัม เลี้ยงในตู้ได้ 2 เดือนค่ะ คุณหมอก็ให้ออกมาเลี้ยงที่บ้าน ตัวเล็กมากใครเห็นก็ว่า โอ้ย เด็กมันจะโตเหรอ เลี้ยงมาได้ไง เอามาได้ไง เอาจากหมอได้ไง ทำไมไม่ให้หมอเลี้ยงเอา
จิตอาสา: เด็ก 1,200 กรัม จริง ๆ เลี้ยงรอดยากเหมือนกันนะคะ เพราะปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุข จะบอกว่าเด็กจะต้องน้ำหนัก 3,000 กรัม ขึ้นไป จะเป็นเด็กที่สมบูรณ์ค่ะ นี่เขาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ 3,000 กรัมเลยนะคะ
คุณพล: 1,230 กรัม
จิตอาสา: 1,230 กรัม คุณพ่อเขาจำได้
คุณเตือน: ก็กลับมาบ้านก็เป็นการดูแลอย่างถนุถนอมมากค่ะ ท้องก็ผูก อาหารไม่ย่อย แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยโทรปรึกษาอาจารย์หมอ อาจารย์หมอก็บอกว่า ดีท็อกซ์ เลย ญาติเขาก็บอกว่า อุ้ยจะทำเหรอดีท็อกซ์ให้เด็ก เด็กตัวเท่านี้ เด็กเท่าแขนนี่ จะดีท็อกซ์ เป็นไข้แล้วจะไปดีท็อกซ์ ตัดสินใจ แม่ก็หายนะ แม่ก็ดูแลสุขภาพในด้านนี้ด้วย อ้าว เอาเลยขวดดีท็อกซ์ ใส่น้ำปัสสาวะด้วยปัสสาวะของพ่อ
จิตอาสา: ตอนนั้นอายุเท่าไหร่ค่ะ
คุณเตือน: 3 เดือน
จิตอาสา: อ้อ 3 เดือน
คุณเตือน: ใช่ค่ะ
จิตอาสา: แล้วใช้น้ำเท่าไหร่คะ ใช้น้ำเท่าไหร่แต่ละครั้ง
คุณเตือน: ใช้น้ำนิดเดียวค่ะ ใช้เท่า ๆ ที่เขารับได้ คือเราจะไม่รู้ว่าเขารับได้แค่ไหน คือสอดเข้ารูทวารเขา ก็ให้เขาเอาออกมาเลยค่ะ
จิตอาสา: คือเท่าที่รู้ คือนิดเดียว ๆ นะคะ
คุณเตือน: นิดเดียว พอดีท็อกซ์เสร็จน้องเขาก็รู้สึกสบายเลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังทำอยู่
จิตอาสา: อ้อ นี่น่าจะเป็นอายุน้อยที่สุด ที่เคยดีท็อกซ์
คุณเตือน: ค่ะ ดีท็อกซ์ไปแล้ว
จิตอาสา: 2 เดือน
คุณเตือน: และก็ดื่มน้ำพระพุทธเจ้าด้วย (น้ำปัสสาวะ)
จิตอาสา: หรือคะ
คุณเตือน: รู้สึกว่าเป็นหวัดเป็นอะไร พ่อนี้แหละน้ำพระพุทธเจ้า น้ำย่านางด้วยค่ะ
คุณพล: แล้วเขาก็กินติดด้วยนะ เขาแย่ง ๆ น้ำผมเวลาผมเยี่ยวออกมา เขา ๆ ไม่อะไรเลย เขากินเป็นธรรมชาติเลย
จิตอาสา: เขาจะคุ้นมาก เพราะตอนที่แม่ไม่สบาย ก็คือตอนที่เขาอยู่ในท้องแม่ก็ดื่ม ๆ เป็นประจำ
คุณเตือน: ค่ะ อยู่ในท้องแม่ก็ดื่ม มาเท่าไหร่แม่ก็พาดื่มเท่านั้นแหละ
จิตอาสา: จริง ๆ แล้วน้ำปัสสาวะนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องน้ำปัสสาวะ เด็กที่อยู่ในครรภ์มารดานี้จะได้ดื่มน้ำปัสสาวะอยู่ตลอดนะคะ เพราะว่าพอเขาปัสสาวะออกมา อยู่ในท้องแม่ เขาก็จะอยู่ในน้ำนั้น แล้วเขาก็จะกลืนน้ำนั้นเข้าไป แล้วเขาก็จะขับถ่ายออกมา มีในหนังสือของต่างประเทศพูดถึงเรื่องความคุ้นชินกับการดื่มน้ำปัสสาวะของคนเราว่า เราดื่มน้ำปัสสาวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์อยู่แล้ว บุญธันวาเขาคุ้นนะคะ และเขาก็อาจเป็นเด็กที่ดื่มน้ำปัสสาวะอายุน้อยที่สุดหลังจากคลอดออกมานะคะ
คุณพล: พอดีเขาท้องเสียไม่สบายและก็เป็นไข้ตัวร้อน ครับ
จิตอาสา: คือพ่อแม่ ก็ใช้วิธีของยา 9 เม็ด รักษาลูกตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เลยนะคะ
คุณพล: ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดได้ดีขนาดนี้ สำหรับคนที่ว่าป่วยหนักชนิดที่ว่า ไม่น่าจะรอดเลย ถึงแม้จะรอดมา ผมก็ยังอยู่คิดเสมอว่า สติสัมปชัญญะนี้ยังไงคงจะไม่เหมือนเดิม หรือเราจะได้เลี้ยงลูกพิการทั้งแม่บ้านพิการ ปรากฏว่าที่ผ่านมา ๆ นี้ ดูลักษณะเขาก็เรียบร้อยถ้อยคำชัดเจน ในสติปัญญาเขา ๆ ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เขาพูดได้ดีมากนะ เพราะทุกครั้งก่อนที่ขึ้นพูด เขาก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นพูด อย่างในรูปนี้เจาะคอมา
คุณเตือน: ยังไม่มีเสียง
จิตอาสา: นี่ ๆ ปีกว่า 2556
คุณพล: ปี 2556 ครับ
จิตอาสา: มีอาการบวมอยู่นะคะ
คุณพล: ยังหน้าบวมอยู่นะ ตอนนี้ประมาณ 49 กิโลกรัม แต่ว่าตอนที่บวมมาก ๆ นี้น่าจะสัก 70 กว่ากิโล ที่บวมจนท้องโตเลย เพราะว่าน้ำท่วมปอด ไต ๆ มันวายแน่ ไตทำหน้าที่ขับของเสียใช่ไหมล่ะครับ
จิตอาสา: ปีไหนค่ะที่อาการเข้า ไอ ซี ยู นั้นปีไหนคะ อาการหนักมาก
คุณพล: ต้นปี 56
จิตอาสา: ต้นปี 56 ช่วงตอนนี้ใช่ไหมคะ
คุณพล: ลูกสาวเขาที่เรียนอยู่บ้านราช อุบลราชธานี ไปเฝ้า ใช่ ๆ เดือนเมษายน เขาเล่นสงกรานต์ปี 2556
จิตอาสา: เมษายน ปี 2556 นะคะ ที่มีเป็นช่วงที่เป็นวิฤกติ ต้องเข้า ไอซียู แล้วดูแลกันยังไงคะ เข้าไอซียู แล้วหมอว่ายังไง
คุณพล: ก็เป็นหน้าที่ของคุณหมอเลยผมก็ไปนอนเฝ้า
คุณเตือน: ตอนที่ป่วยหนัก ตอนอยู่ที่มหาสารคาม เป็นไต บวมมากเลยค่ะ ที่นี้ แฟนเขานั่งฟังซีดีอาจารย์ ก็นึกถึงอาจารย์ ได้ยินเขาบ่นว่า ภรรยาบ่นคิดถึงอาจารย์ว่าอยากไปหาอาจารย์ ที่นี้ตอนนั้นเดินไม่ได้นะคะ ตอนนั้นบวมมากเลยค่ะ ขาเท่าเสาบ้านนี่เดินไม่ได้ เขาก็มาพูดว่า “คุณ จะพาไปหาอาจารย์หมอเขียวไปไหม อาจารย์กำลังจะจัดค่าย” ดิฉันก็ตอบว่าไป ทั้ง ๆ ที่ลุกไม่ได้นะคะ พอได้ยินชื่อของอาจารย์ค่ะ ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อชุดของโรงพยาบาลออกมาเลย เดินออกมาได้เป็นปฏิหาริย์มากเลยค่ะ เดินทางมาประมาณ 3 ทุ่ม 3 – 4 ทุ่มนี่ มานอนรออาจารย์ ยังไงก็ไม่ไปปลุกแม่ครั่งค่ะ เรามาเห็นสถานที่เราก็เป็นบุญแล้ว ก็นอนรออยู่ รอจนสว่าง แม่ครั่งเดินมาเก็บอะไร เก็บผัก ๆ ค่ะ “พล มาอะไรลูก” “มาหาแม่ครับแม่” “เตือนเป็นอะไรทำไมมาตัวเหลือง” “เขาป่วยเป็นไต” โอ้ย เดี๋ยว ๆ อาจารย์หมออยู่ ๆ ก็เลยเออมานอนพัก ก็ดูแลด้วยยา 9 เม็ด แต่อาการมันก็โคม่ามากแล้วอาจารย์ก็มาดูแล ก็มานอนพักที่กระท่อมหลังสวนนี่แหละค่ะ บวมมากชนิดว่านอนไม่ได้เลยค่ะ จะนอนลงง่วงนอนก็นอนไม่ได้ คือหายใจเข้ามันจะหยุดเลย มันจะหยุดช็อคเลย เราต้องนั่ง ที่นี้ไม่ไหวแล้วอาจารย์ ๆ ก็มาดู อาจารย์ว่าไม่ไหวแล้ว เราก็ไปหาทางแพทย์ก็เลยพากันไปมุกดาหาร โรงพยาบาลมุกดาหาร ไปเกือบไม่ถึงทางค่ะ รถดันมาดับเครื่อง
จิตอาสา: เครื่องดับระหว่างทาง
คุณเตือน: ค่ะ เครื่องดับ ไม่มีบ้านไม่มีรถใครวิ่งผ่านสักคันเลยค่ะ ที่นี่เมียก็จะช็อคตาย โอ้ยจะทำยังไง ยกมือไหว้เลย บุญบารมีอะไรที่ทำก็ส่งผลมาให้สตาร์ทติดเลยค่ะ จริงนะคะ เป็นปาฏิหาริย์มากเลยค่ะ นึกถึงคุณงามความดีของอาจารย์ และพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ กับจิตอาสาพี่ ๆ ให้กำลังใจเราค่ะ รถติดขึ้นมาวิ่งไปเลยโรงพยาบาลมุกดาหาร ตอนนั้นสติก็ไม่ค่อยมีหรอก แฟนเขาพูดให้ฟังค่ะ ที่นี้ไป ๆ นอนห้องไอซียู 2 เดือน ตอนบวมมาก ๆ ได้ไม่ถึงอาทิตย์ แฟนกับแม่ก็เลยมาหาแม่ครั่ง ๆ ก็เลยทำสมุนไพร 15 ตัวหรือพ่อ
คุณพล: 16 ตัว
คุณเตือน: 16 ตัวตามรั้วเรานี่ล่ะค่ะ เอาไปให้ทานญาติก็ทำไป หมอก็แอบมองเราก็แอบเอาเข้า
จิตอาสา: หมอไม่ให้ดื่มใช่ไหมคะ
คุณเตือน: ใช่ค่ะ หมอไม่ให้กินสมุนไพรอะไรค่ะ แฟนก็แอบ แม่ก็เอาแอบเข้าไป ๆ กรอกใส่ปากและน้ำพระพุทธเจ้าด้วย อาทิตย์เดียวค่ะบวมยุบลงเลย จนนายแพทย์ที่โรงพยาบาลรักษาเขาบอกว่า คุณไปทำบุญอะไรมาภรรยาคุณถึงหาย เพราะโรคไตต้องฟอกตลอดชีวิต คุณจะมีเงินสักกี่ล้าน คุณมีปัญญาไหม คุณจะมีเงินไหม หรือว่าจะเอายังไง ญาติอยู่ทางบ้านได้ยินว่าอาการโคม่าก็เตรียมรถเตรียมเสื่อเตรียมหมอนมาให้เรา อ้าว จะเอากลับไปบ้านจะให้ไปตายที่บ้านเขาพูดกันอย่างนี้ ที่นี่แฟน ๆ ก็ว่าไม่เอา เพราะผมดูแล ๆ เขาดีที่สุดแล้ว ขอให้เขาอยู่กับหมออยู่กับแพทย์อยู่กับสิ่งที่เขารักคือ ถ้าเป็นอะไรไปเราจะกลับมา ๆ ที่สวนป่านาบุญค่ะ ก็คือว่าเราจะไม่ไปตายร้อน เราจะกลับมาตายเย็นที่นี่ค่ะ แล้วก็เป็นบุญที่แม่ครั่งทำน้ำสมุนไพรไปให้กิน ๆ ตลอดเลยค่ะ ขโมยกิน เออพยาบาลไปทำงานหลบไป ๆ เข้าไปก็ไปหยอด ๆ กัน แล้วดิฉันก็เยี่ยวออก ๆ เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ นะคะ จากบวมไตวายระยะสุดท้ายหาย ค่าของไตเหมือนคนปกติเลยค่ะ คือหายขาดจากโรคไตแล้วค่ะ
คุณพล: คือว่า กลับไปตรวจที่ศรีนครินทร์ขอนแก่นตามที่หมอนัด ก็หมอเขาก็จะมีเครื่องมือตรวจ เป็นค่าน้ำปัสสาวะ ค่าเกล็ดเลือดอะไรที่เขาตรวจครับ
จิตอาสา: บียูเอ็น ครีเอทินินพวกนี้
คุณพล: ครับ เขาก็แจ้งว่า ค่าไตของคุณตอนนี้มันเท่ากับคนปกติ อือ เขาก็งงจนทึ่งว่า โอ้ ทำไมหมอมุกดาหารเก่งจัง หมอในศรีนครินทร์ขอนแก่นถามเพราะที่นี่เขาเป็นเลิศ ในด้านเรื่องไตอยู่แล้ว หมอในศรีนครินทร์เขาก็ยังไม่เข้าใจ
จิตอาสา: แล้วเล่าให้เขาฟังไหมคะ ว่าใช้วิธีการของเรา
คุณพล: ผมไม่เล่าครับ เพราะมันขัดกันมาก ถ้าเราจะเล่าไป เพราะเขาจะบอกตลอดว่าน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดอย่าไปกินนะ น้ำขวดละ 2-3 พัน น่ะ ที่อาจารย์หมอเขียวพูดตอนเย็นน่ะ เขาก็บอกว่าอย่าไปกินนะ เออคือว่า ถ้าเราไปบอกว่าเราทำวิธีของเรานี่ ถ้าเขาเชื่อมันก็ขัดกับหลักที่เขาร่ำเรียนมา
จิตอาสา: ประมาณแล้วบอก น่าจะไม่ดี
คุณพล: ครับ บอกไม่ดี จะไม่เป็นผลดีต่อแม่บ้านผม ๆ ก็เลยไม่บอก เพราะเขายังไม่รู้ไงว่า บอกตลอดว่าผักสีเขียวมีโปแตสเซียม ซึ่งคนเป็นไตวายมันจะกินไม่ได้ แต่เขาไม่รู้ว่าผักโปแตสเซียมนั้นมีทั้งร้อนและเย็น น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดเราที่ทำมาจากน้ำย่านาง นี้มันเป็นฤทธิ์เย็น
จิตอาสา: สรุปว่าแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังไม่ได้รู้ความลับนี้เพราะคนไข้ไม่กล้าบอก แล้วการบอกก็อย่างที่ว่าประเมินบางท่านก็อาจจะรับได้ บางท่านก็อาจรับไม่ได้ แต่เราก็ประเมินตาม ๆ ที่เราคิดว่าจะเป็นผลดีกับคนไข้มากกว่านะคะ ในเรื่องการทำงานของไตที่ผิดปกตินี่ เราจะพอ ๆ มีใครพูดถึงว่ามีโรคนี้เกิดขึ้น จะคิดถึงระยะยาวเลยว่าจะฟอกไตไปตลอดชีวิต แล้วพอเหตุการณ์พลิกไปแบบนี้ที่ไม่ต้องมาใช้วิธีการนี้แล้ว พ่อบ้านมีความรู้สึกอย่างไรคะ
คุณพล: มันก็เหมือนเขาได้ชีวิตใหม่ครับ เพราะว่า ผมเชื่อว่า คนที่เป็นโรคไต โอกาสที่จะกลับมา ถ้าไปรักษาตามวิธีที่ว่า ที่เขาเชื่อถือกันอยู่ในสมัยนี้ ในปัจจุบันที่ว่าดีที่สุดนี้ ก็คือจะต้องฟอกไปเรื่อย ๆ แล้วหมอน่ะบอกเองในห้องฟอกอยู่มุกดาหาร ฟอกแบบนี่ใช่ว่าฟอกแล้วจะหาย ฟอกเพื่อรอวันตาย
จิตอาสา: หมอบอกเองด้วย หมอให้ข้อมูลชัดเจน
คุณพล: เจ้าหน้าที่ในนั้นเขาบอกเอง เขาสงสาร ๆ คนนี้นี่ เขาว่าวิบากกรรมเขาหนัก เขาหนักกว่าเพื่อนก็คนที่ไปฟอกเป็น 40-50 คนในห้องฟอกไตที่ในมุกดาหารนี่เออเขาก็ไปดี ๆ นะ เดินนั่งรถสองแถว นั่งรถเครื่อง เขาไปแล้วก็เขาเดินไปกินขนม ก็นอนฟอก แต่ของเรานี่มันทุกข์ทรมานเหลือเกินเพราะว่าห้องไอซียู มันอีกห้องหนึ่ง ฟอกไตมันอยู่อีกห้องหนึ่ง เวลาจะไปฟอกแต่ละทีนี่ ขอโทษนะ ไอ้เครื่องที่ไปเจาะคอนี้ เวลาใช้สายอากาศออกซิเจนสอดเข้าไปในปากนี้ มันได้เดือนกว่า เขาบอกว่ามันจะติดเชื้อ มันจะต้องเจาะคอ เออ พอเจาะแล้วต้องใช้เครื่องอากาศออกซิเจนใส่เข้าไป เวลาจะไปฟอก คน 6-7 คน ห้องมันคับแคบต้องลาก ๆ ไปห้องฟอกไต ระหว่างที่ลากก็ต้องถอดเครื่องออกซิเจนออก แล้วก็ใช้ปั้มลมที่บีบนั่น เด็กที่มาฝึกหัดก็เป็นเด็กพยาบาลเขาก็เป็นเด็ก เขาก็ไม่ชำนาญ คนป่วยก็กลัว บีบก็บีบ เขาก็หายใจไม่ทัน เขาก็กลัว เออ ดูสภาพมันน่าทุเรศทุรัง
จิตอาสา: ตัวที่บีบนี้เป็นแอร์บูลแบ็ค ที่ว่าจะช่วยแทนการหายใจของคนไข้ ให้ออกซิเจนระหว่างทางที่เราไม่ได้มีเครื่องช่วย ก็คือจะมีคนช่วยหายใจ คือโดยการบีบแอร์บลูแบ็ค
คุณพล: และตัวเขาเองเป็นคนเส้นเลือดน้อย หมายความว่ามันเจาะ แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้มันก็ยังเจาะยาก คือว่าเจาะหาเส้นเลือดเวลาจะให้ยาทางเส้นเลือด ให้น้ำเกลือ มันเจาะยากครับ แล้วทีนี้มันให้ทางลำคอ มันลำบากกว่าคนอื่นเขาไปหมด บางทีมันใส่เข้าไปแล้ว มัน ๆ ฟอกไม่ได้ เลือดมันดันกลับคืนมาท่วมคอ โอ้ย ดูไม่จืดเลย มัน ๆ ทำไมทุกข์ทรมานอย่างนี้ชีวิตนี้ อือ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ว่าเขาฟอกไม่ทัน อือที่แท้มันเป็นอาการอย่างนี้คือของเสียพอมันขับออกไม่ทัน ไปฟอกไม่ทันคนที่เป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายนี้เขาจะฟั่นเฟื่อน จิตเขาจะจำอะไรไม่ได้ เขาจะจำอะไรไม่ได้ ผมเข้าไปเยี่ยมกับลูกสาวกับแม่ยาย เขาก็พูดไม่ได้นะ เขาก็เขียนใส่กระดาษ เขียนใส่กระดาษ คุณเป็นใคร สามีเข้าไปเยี่ยม
จิตอาสา: เขาจำไม่ได้
คุณพล: คุณเป็นใครเหรอ คุณมาอะไร ดูสภาพผมตอนนั้นเหรอ เจ็บปวดอย่างนั้น แต่ว่าความเจ็บปวดมันก็มีแนวคิดขึ้นมาแว๊ปหนึ่งว่า เออ เขาเป็นบ้าไปเลยก็ดีนะ เพราะว่าอะไรเพราะว่า คนบ้านี้เขาจะไม่ทุกข์นะ แต่ถ้าเขายังมีสติสัปปชัญญะอยู่นี้เขาจะทุกข์มาก จะทุกข์มาก ประสาทไปเลยก็ดีนะ ผมนี่ออกมาจากห้องออกมา กอดลูกสาวคนโตร้องไห้ อือ ก็ภาวนาว่าคิดไปคิดมาว่าเราก็จะตายก็บ้าไปเลย เออให้เขาเป็นบ้าเขาจะได้ไม่ทุกข์ไปเลยไม่รับรู้อะไรเลย เป็นเจ้าหญิงนิทราไปเลย
จิตอาสา: แล้วคิดเรื่องของการจะดูแลเขา คิดว่าเป็นเรื่องยากลำบากของเราไหม มีความยินดีเต็มใจมากแค่ไหนในการที่จะดูแลแม่บ้านที่ตอนนี้ป่วยหนัก
คุณพล: เป็นคำถามที่ดีมากเลย ผมเห็นนะแถวบ้านผม พ่อบ้านป่วย ไม่ต้องว่า 3-4 ปีเหมือนผมหรอก ครึ่งเดือน เดือนเดียวทิ้งเลย แม่บ้านทิ้งเลย หรือว่าแม่บ้านป่วย สามีทิ้งเลย เออ ผมก็ได้ตำหนิเขาทำไม จิตใจคนนี่เวลามีความสุขด้วยกัน ผมก็คิดถึงผมเป็นคนชอบป่า พาไปเที่ยว เขาใหญ่ ภูกระดึง น้ำหนาว อะไรผมไปหมด เออเราก็พอมีรายได้นะ เปิดร้านตัดผมอยู่ในอำเภอรายได้ก็พอฐานะก็ปานกลาง แล้วทีเวลาเจ็บป่วยมาทำไมทิ้งกันง่ายจัง ทำไมไม่สงสารกันบ้าง ก็คงเป็นกุศลส่วนนี้ทำให้ผมได้มาเจอธรรมะที่สูงขึ้น ให้มาเจออาจารย์หมอเขียว ผมก็เออคงจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ ยังไงก็จะต้องรักษาให้มันตายคากัน ในแว๊ปหนึ่งที่ว่า มันเกิดสภาวะธรรม ตอนหนึ่งว่าในช่วงที่หมอ (โรงพยาบาล) บอกว่าคุณมีเงินถึงล้านไหมนี้ ในการรักษาตอนนั้นผมคิดว่าบ้านเราอยู่ในตลาดราคา 5-6 ล้าน เราก็จะขาย ที่นาเราก็จะขาย ถ้ามันได้เปลี่ยนไตจริง ๆ ถ้ามันจะไม่หายยังไงเราก็จะขาย ในแว๊ปหนึ่งที่ว่าเราจะสละเพื่อเขา จิตวิญญาณมันรู้มันเบาโล่งยังไงไม่รู้นะ