1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.55 |
ชื่อ | กระเจี๊ยบ (นามสมมติ) |
เพศ | ชาย |
อายุ | 66 ปี |
โรค | โรคมะเร็ง |
ปัจจุบันไม่ได้ทำงานมีภรรยาอยู่เคียงข้างตลอดเวลาไม่มีบุตร ภรรยาทำธุรกิจขายน้ำยาทำความสะอาดและรับเครื่องสำอางค์ จากเมืองนอกมาขายในประเทศไทย เกิดกรณีอุทกภัยรุนแรงเมื่อปี 2554 ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักเลิกทำมาอยู่บ้านหัน มาปฏิบัติธรรมและบำเพ็ญบุญตามสถาน
ที่ต่าง ๆ เช่น ที่วัดชลประทานที่สถานปฏิบัติธรรมสันติอโศกเป็นต้นปัจจุบันใช้ชีวิตเรียบง่ายครั้งนี้เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 3 ที่นำเอาทวารเทียมมาไว้หน้าท้อง เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม พ.ศ.2557 ปัจจุบันค่าเลือดอยู่ที่ 19 ผ่าตัดมาได้ 5 เดือน
ข้อมูลการเจ็บป่วยการรักษาและการดูแลสุขภาพตนเองหลังการผ่าตัด
เมื่อก่อนเป็นเชพปรุงอาหารการรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง เช่น ชอบอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น สเต็ก ตาต้าชอบมาก จะรับประทานกับเบียร์เป็นนักดื่ม หรือพวกกุ้งจิ้มน้ำปลา รับประทานมานานและสูบบุหรี่จัดมาก วันละ 2 ซอง ก่อนที่จะมาแต่งงาน พอมีครอบครัวเลิกหมด ก็พยายามอยู่หลายปี แต่กลับมาติดกาแฟแทน ดื่มวันละ 6-7 แก้วทุกวัน พอปี 2554 เริ่มถ่ายเป็นเลือดไปหาหมอหมอบอกว่าเป็นริดสีดวง และในช่วงนั้นเกิดน้ำท่วมขายของลำบากเกิดความเครียดสุขภาพเริ่มแย่ เริ่มไม่ค่อยถ่ายแล้ว และมีเลือดออกมาเป็นสีดำมาพบหมอ หมอบอกว่าน่าจะเป็นมากกว่านั้น หมอได้ทำการส่องกล้อง และบอกว่ามีเนื้ออยู่ช่วงระหว่างปลายของลำไส้กับทวารหนักถ้ารอไส้จะตันยากที่จะรักษาจึงตัดสินใจที่จะผ่าตัด ได้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ไป 1 ฟุตและยังขับถ่ายทางปกติอยู่ได้รอฟังผลการผ่าตัด หมอบอกว่าเป็นมะเร็งร้ายเกือบถึงขั้นที่ 4 ตอนนั้นยอมรับว่าจิตตกมาก คิดว่าเราต้องตายจากโลกในไม่ช้าเท่าไร แต่ภรรยาได้ให้กำลังใจและเพื่อน ๆ ก็มาให้กำลังใจเริ่มปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรซึ่งภรรยาพูดว่า “กลัวก็ตายไม่กลัว ก็ตายแล้วจะกลัวทำไม”
ทางโรงพยาบาลเริ่มจะให้คีโมแต่ตนเองปฏิเสธไปได้เดินทางไปหาหมอสมหมาย (หมอเทวดา) ให้ยามา ต้องกินวันละ 38 เม็ด และมีต้มยาหม้ออีก จึงตัดสินใจไม่เอาทางนี้ ได้เดินทางไปสวนป่านาบุญไปหาหมอเขียวเข้าค่ายอบรม 7 วัน ระหว่างอบรม อาหยุดการกินยาเบาหวานด้วยซึ่งมีน้ำตาลสูงถึง 500 ในตอนนั้น หลังจากนั้นจะกินอาหารสุขภาพของคุณหมอเขียวไปเกือบปี พอไปตรวจน้ำตาลมันลดลงเหลือแค่ 100 จะมีจิตใจดีขึ้นตั้งแต่คุณหมอเขียวสอนว่า “จงอย่ากลัวตาย อย่ากลัวโรค อย่าเร่งผล อย่ากังวล” แต่พอครบปีหลังผ่าตัดครั้งแรกได้ไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลชลประทานคุณหมอบอกว่า ผลไม่ได้อยู่ในขั้นที่ 4 น่าจะแค่เนื้อเริ่ม ๆ ต้นหลังจากนั้นไม่นานก็มีอาการเจ็บป่วยอีกจึงทำการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลชลประทาน หมอว่าไม่แน่จะต่อลำไส้ได้หรือไม่ โดยใช้เครื่องมือพิเศษ ต่อลำไส้เข้าไปในท้อง
และพอมาผ่าตัดครั้งที่ 3 ทำการผ่าตัดต่อไม่ได้กลัวเลือดมาเลี้ยงปลายทวารไม่ได้ติดปลายทวารหนักมากเกินไป จำเป็นต้องเจาะมาไว้หน้าท้อง จะดีกว่า ถ้า 2 ปีมะเร็งไม่กลับมาจะให้ไปขับถ่ายที่ลำไส้เหมือนเดิมแต่คิดว่าอย่างนี้แหละสะดวกดีปวดอุจจาระ ไม่ต้องวิ่งหาห้องน้ำทุกครั้งที่ผ่าตัดจะปฏิเสธ คีโมทุกครั้ง ไม่ทำเด็ดขาด ด้านร่างกายนั้นสามารถดูแลตัวเองในเรื่องส่วนตัวง่าย ๆ อย่างถ้าอุจจาระออกมาจะทำความสะอาดด้วยตัวเองทันทีจะเรียนรู้วิธีใส่ถุง ซึ่งคุณหมอแนะนำแบบมีแป้นรองรับซึ่งต้องใช้แรงกดลงไปจะทำไม่ถนัด โชคดีเจอเพื่อนภรรยาเปิดร้านขายยาได้แนะนำถุงอุจจาระแบบถอดกาวแล้วแปะที่ท้องได้เลยง่ายมากทำความสะอาดได้ไม่ยุ่งยาก มันมีที่ปิดเปิดถุงถุงไม่ต้องแกะทิ้งทุกวัน เพราะหมอบอกว่าตอนดึงออกมันจะบาดเจ็บที่ท้องได้ใช้ 5-7 วันค่อยถอดทิ้งแล้วจากนั้นภรรยาก็จะช่วยทำความสะอาดบริเวณโดยรอบทวารเทียมให้สะอาด เพื่อช่วยแปะถุงอันใหม่ให้ ทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำ เรียบ ๆ ง่าย ๆ วันหนึ่ง ๆ ตื่นเช้ามาก็ออกไปเดินแกว่งแขน 500–2,000 ครั้งและเดินไปรอบ ๆ บ้านคล้ายเดินจงกรม ส่วนภรรยาจะทำกับข้าวให้รับประทาน จะไปไหนก็นั่งรถเมล์ฟรี หรือรถไฟฟรีหรือจะไปที่ใดก็จะเดินไปกับภรรยา เช่น ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็จะเดินออกกำลังกายไปด้วยเดินไปช้า ๆ ไปรับประทานอาหารกันแต่จะไม่มีเนื้อสัตว์จึง ไม่มีอะไรจะเครียด เพราะไม่เบียดเบียนสัตว์ จะรับประทานพืชผักผัดกับน้ำมันมะพร้าวหรือกับน้ำ และชอบดื่มผักผลไม้ปั่นสูตรของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วันละ 2-3 แก้ว ทุกวัน
และทุกวันเสาร์สิ้นเดือนจะมีญาติ ๆ มากันที่บ้านมาพูดคุยให้กำลังใจ แนะนำสิ่งดี ๆ ให้ บางครั้งก็พาไปเที่ยวต่างจังหวัด และในบางครั้งมีญาติเป็นอัมพฤต แต่มีจิตใจดี เคยช่วยขับรถพาไปหาหมอ ขนาดเขาป่วยยังมีน้ำใจทำให้เราซาบซึ้งอยากจะทำสิ่งดี ๆ อย่างนั้นบ้างทำให้เราเห็นถึงผู้อื่นมากกว่าเห็นแก่ตัวเอง เลิกนิสัยที่ไม่ดี เช่น เลิกเล่นหวย ชีวิตมีความสุขจะไม่เครียดอะไร เพราะจะพูดคุยสนทนาธรรมกันกับภรรยาหรือคนรู้จักทั่ว ๆ ไปถ้าเปรียบเทียบก่อนป่วยกับหลังป่วย จะชอบหลังป่วยมากกว่า ไม่ต้องดิ้นรนทำงานเอายอดหรือเอาเงิน ปวดอุจจาระก็ไม่ต้องวิ่งหาห้องน้ำแต่งกายก็ง่าย ๆ สบายดีใส่โสร่งมันไม่รัดไม่อึดอัดราคาถูก