3. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่แนะนำและเก็บบันทึกโดยจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ เครือข่ายแพทย์วิถีพุทธ นักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และประชาชนผู้ที่ใช้การแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2551 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 8 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ))
กรณีศึกษาที่ | 3.36 |
ชื่อ | นางสายชล นิมิตรแสงเทียน |
เพศ | หญิง |
อายุ | 39 ปี |
จังหวัด | อำนาจเจริญ |
โรคหรืออาการ : โรคมะเร็งลำไส้
วันที่เข้าค่าย 14-20 มกราคม 2555 (ครั้งที่ 5) ณ สวนป่านาบุญ 1 ดอนตาล มุกดาหาร เก็บข้อมูลวันที่ 19 มกราคม 2555
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีอาการปวดท้อง หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ ก็ให้ยากระเพาะมาทาน ทานไปได้ 2-3 วันก็ยังไม่หาย ปวดมากจนอาเจียน นำส่งโรงพยาบาลเอกชนที่ จังหวัดอุบลราชธานี หมอตรวจอัลตร้าซาวด์พบว่าเป็นเนื้องอกที่ลำไส้ใหญ่ (ระยะ 3) ถ้าผ่าตัดต้องใช้เงินประมาณ
7 หมื่นบาท ปรึกษาที่บ้านคิดว่ามันแพงไป ถ้าผ่าแล้วไม่หายขาดก็เสียเงินเปล่า เลยย้ายไปอยู่ที่ โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ หมอก็ได้ผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ออกส่วนหนึ่ง หลังผ่าตัดก็ทุเลาลง เสร็จแล้วก็นัดทำเคมีบำบัดอีก 9 ครั้ง (เฉลี่ยเดือนละครั้ง) โชคดีที่ระหว่างให้เคมีบำบัดแต่ละครั้งได้ทานน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด และทานอาหารฤทธิ์เย็นก็เลยไม่แพ้ หลังผ่าตัดก็ดูแลตัวเองมาประมาณ 2 ปี ระหว่างนั้นมดลูกโตผิดปกติคล้ายคนท้อง ก็เลยต้องไปผ่าเอาเนื้องอกบริเวณมดลูกออกอีกโดยเหลือปีกมดลูกไว้หมอบอกว่าไม่ใช่เนื้อร้าย แต่เจอว่าบริเวณรอบ ๆ มีเชื้อมะเร็งซึ่งลุกลามมาจากลำไส้เล็ก ครั้งนี้รู้ว่าหมอจะต้องนัดผ่าตัดอีก ก็ตัดสินใจไม่ไปพบ
การดูแลและแก้ไขอาการ :
ก่อนหน้านี้ได้เคยรับคำแนะนำจากหมอที่โรงพยาบาล ว่าให้ลองมาเข้าค่ายคุณหมอเขียวดู ก็ปฏิบัติตาม มาครั้งแรกก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้น หลังจากนั้นก็มาเข้าค่ายอีก 4 ครั้ง รวมครั้งนี้ก็เป็น 5 ครั้งในรอบ 2 ปี เวลาอยู่ในค่ายอาการจะดีขึ้นเพราะได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่พอกลับไปบ้าน ก็ทำได้ไม่ครบตามยา 9 เม็ดโดยเฉพาะเรื่องการทานอาหาร ก่อนจะมาเข้าค่ายครั้งหลังสุดนี้ได้ไปทำการล้างตับมา 2 ครั้งรู้สึกร้อนมากโดยเฉพาะที่ท้องมีเสียงร้องดังมาก นอนไม่หลับ ปวดเอวมาก แก้หลายอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น โทรมาที่ค่ายได้รับการแนะนำให้ดื่มน้ำต้นกล้วย ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างแต่ท้องก็ยังร้อนจากผลการล้างตับอยู่ ก็ตัดสินใจมาเข้าค่ายอีกครั้ง
- วันแรก มาถึงค่ายแบบไม่มีเรี่ยวแรงเลย ไม่สดชื่น ปวดเมื่อยไปหมด
- วันที่สอง กดจุดโยคะทำดีท็อกซ์กัวซาบริเวณท้อง ดื่มน้ำสมุนไพรทานอาหารปรับสมดุล อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
- วันที่สาม พอตื่นเช้ารู้สึกปวดหัวมาก หลังจากกดจุดลมปราณค่อยดีขึ้น เริ่มพอกทาบริเวณท้อง ทานน้ำสมุนไพร กัวซา ทำดีท็อกซ์เช้าและเย็น อาการปวดเอวบรรเทาลง
- วันที่สี่ ตื่นเช้ายังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ก็ใช้น้ำปัสสาวะทำ ดีท็อกซ์ตอนเช้าทำกายบริหารกดจุดลมปราณ วันนี้ช่วงเช้าใช้กากย่านางพอก กัวซาด้วยผ้าขนหนู ตอนเย็นก็พอกทาทั้งตัว
รู้สึกบรรเทาความปวดลงไปมาก ดีขึ้น - วันที่ห้า ทำขั้นตอนเหมือนวันที่สี่ ก็รู้สึกดีขึ้น อาการปวดเหลือเพียงเล็กน้อย
- วันที่หก เดินทางกลับบ้านเพื่อไปรักษาต่อที่บ้าน