2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.74 |
ชื่อ | นายกุศล บูรพากล้าจน |
เพศ | ชาย |
อายุ | 54 ปี |
จังหวัด | ระยอง |
โรค | โรคภูมิแพ้อากาศ แพ้อาหาร แพ้ฝุ่น |
วันสัมภาษณ์ | 3 มีนาคม 2558 |
เข้ารับการอบรมค่ายสุขภาพพึ่งตน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (หมอเขียว) เมื่อเดือนธันวาคม 2554 ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนบ้าน
สาเหตุที่สนใจเข้าค่ายสุขภาพ เพราะมีปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่อายุประมาณไม่ถึง 15 ปี ด้วยโรคปวดท้องเป็นประจำทุกปี ตามด้วยอาการเจ็บคอ ในลักษณะ 3 วันดี 4 วันไข้ หาหมอแผนปัจจุบันเป็นประจำทุกครั้งที่มีอาการ จนกระทั่งอายุประมาณ 25 ปี ต้องผ่าตัดต่อมทอนซิลออกหนึ่งข้าง และหมอบอกว่า ต้องทานยาแก้แพ้ตลอดชีวิต เพราะเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ แพ้อาหาร แพ้ฝุ่น
ซึ่งได้ทดสอบสารที่ร่างกายแพ้แล้ว ผลทดสอบยังไม่ถึงครึ่งทาง ร่างกายก็ทนการทดสอบไม่ไหว ตนเองจึงยอมรับว่ามีอาการแพ้ทุกชนิด อาการป่วยอื่น ๆ อีกคือ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะนอนหลับได้ และตื่นตอนกลางคืนทุก 1-2 ชั่วโมง ทำให้การพักผ่อนไม่มีคุณภาพ โรคภัยไข้เจ็บที่ประสบในชีวิตนี้ สันนิษฐานด้วยตนเองว่ามาจาก การทานอาหารรสเผ็ดจัด หวานจัด และเปรี้ยวจัด มากเกินไป โดยเฉพาะขนมหวานต้องมีประจำทุกมื้อ ทานอาหารแช่แข็ง อาหารประเภทตุ๋น ไอศกรีม ผลไม้โดยเฉพาะทุเรียนการไม่ออกกำลังกาย และการทำงานเร่งรีบ และในช่วงปี 2554 รับผิดชอบดูแลสุขภาพคุณแม่อายุ 85 ปี ผ่าตัดเปลี่ยนลูกสะบ้าหัวเข่าทั้งสองข้าง ทานยาเบาหวาน ละลายลิ่มเลือด คันตามผิวหนัง ปวดตามร่างกาย มีอาการไอเรื้อรัง ติดต่อกันครั้งละประมาณ 10 ชั่วโมง น้ำลายเหนียว ไอแล้วเจ็บหน้าอก ทานยาแก้ไอของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อหลายขนาน นับเป็นหลายสิบขวด รักษาด้วยตนเองตามความรู้ที่บรรพบุรุษสืบต่อกันมา แต่อาการเพียงทุเลาในบางครั้ง แต่ไม่หายขาดหลังจากเข้ารับการอบรมค่ายสุขภาพหมอเขียวได้เพียง 2 วัน ด้วยคำกล่าวที่ว่า หมอที่ดีที่สุดในโลก คือตัวเราเองคำกล่าวนี้แสดงถึงการให้ความมั่นใจว่า เราสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง ได้ด้วยตนเองและคำกล่าวที่ว่า ปรับสมดุลร้อนเย็นกายใจ จึงมีความเห็นแจ้งขึ้นมา เพราะตนเองเป็นลูกคนจีน มีพื้นฐานเรื่องหยินหยาง ทำให้สามารถนำหลักการนี้ไปแก้ไข้อาการของคุณแม่ได้ เพียงแค่นำสมุนไพรฤทธิ์เย็น (คือใบเตย 2 – 3 ใบ) เข้าปรับอาการไอที่ประเมินแล้วว่า ร้อนเกินทำให้อาการไอของคุณแม่ทุเลาภายในครึ่งชั่วโมง และหายเด็ดขาดในวันต่อมาปัจจุบันอาการต่าง ๆ ของตนเองดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการใช้หลักปรับสมดุลร้อนเย็น เช่น
- การดื่มสมุนไพรฤทธิ์เย็น ประมาณสัปดาห์ละ 4 วัน
- การทานอาหารตามลำดับทุกวัน
- การกัวซา เมื่อรู้สึกไม่สบาย
- การพอกทาเดือนละ 1 ครั้ง
- การแช่มือแช่เท้า เดือนละ 1 ครั้ง
- การสวนล้างลำไส้ สัปดาห์ละ 2 วัน และเมื่อรู้สึกไม่สบาย
- การออกกำลังกาย โยคะทุกเช้า วันละ 30 นาที
- การใช้ธรรมะ กับทุกกิจกรรมการงาน
- การรู้เพียรรู้พักกับทุกกิจวัตรประจำวัน
เมื่อตนเองได้พิสูจน์สัจธรรมแล้วว่า หลักการยา 9 เม็ด สามารถพึ่งตนเองได้จริง ตรงตามคำกล่าวของอาจารย์หมอเขียว จึงมีแรงบันดาลใจในการเผื่อแผ่แบ่งปันด้วยประโยคที่ว่า ช่วยคนให้ช่วยคนทำประโยชน์ที่ตน ช่วยคนที่ศรัทธา จึงรวมกลุ่มกับจิตอาสาภาคตะวันออก จัดตั้งกองบุญบูรพากล้าจน เพื่อดำเนินกิจกรรมการจัดค่ายอบรมสุขภาพหมอเขียวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556
ถึงปลายปี 2557 มีผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร 1 วัน 3 วัน และ 5 วันรวม 18 ครั้งจำนวนผู้เข้ารับการอบรมประมาณ 800-900 ท่านจัดบูธที่โรงพยาบาลระยอง และชลบุรีรวม 8 ครั้งประมาณผู้เข้าเยี่ยมบูธ 800–1,000 ราย ทีมงานจิตอาสา 15-20 ท่านมีผู้ป่วยหนักหลายรายที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคสะเก็ดเงิน โรคไม่ติดเชื้อเรื้อรังปัจจุบันทางกองบุญบูรพากล้าจน มีหน่วยแพทย์วิถีธรรมสัญจร สำหรับเคลื่อนที่เร็วในการออกภาคสนาม ช่วยประชาชนทั่วไปในยามประสบทุกข์ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นตามทิศทางที่อาจารย์หมอเขียวแนะนำ และประเด็นสำคัญของหลักการยา 9 เม็ด คือการปฏิบัติธรรมอยู่ทุกขณะการทำกิจกรรม บนหลักประโยชน์ตน คือประโยชน์ท่าน เป็นไปเพื่อประโยชน์สังคมส่วนรวม ด้วยการแบ่งปัน เสียสละ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทำให้ตนเองบรรลุธรรมพัฒนาจิตใจ ลดละเลิกตัณหา อุปาทาน อันทำให้กิเลสสงบเย็น เข้าสู่สภาวะนิพพานในเรื่องต่าง ๆ ไปตามลำดับของการดำรงชีวิต