3. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่แนะนำและเก็บบันทึกโดยจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ เครือข่ายแพทย์วิถีพุทธ นักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และประชาชนผู้ที่ใช้การแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2551 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 8 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ))
กรณีศึกษาที่ | 3.67 |
ชื่อ | นางปนัดดา สังฆทิพย์ |
เพศ | หญิง |
อายุ | 40 ปี |
อาชีพ | นักฝึกอบรมบริษัทเอกชน |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
โรคหรืออาการ : โรคภูมิแพ้ ท้องผูก ปวดหัว ปวดต้นคอปวดไหล่ปวดแขน
อาการของโรคภูมิแพ้ : คือแพ้อากาศเย็นอากาศชื้น ๆ เวลาอาบน้ำช่วงกลางคืนจะจามทันทีนั่งทำงานในแอร์จะมีการจามและก็มีน้ำใส ๆ หยดมาจากจมูกแพ้ฝุ่นผงฝุ่นละอองฝุ่นผ้าห้องที่เก็บกระดาษชื้น ๆ (ตอนทำงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเวลาเข้าแผนกตัดผ้าจะจามทันที)
จาม : เวลาแพ้จะจามจามติดต่อกัน 4-5 ครั้งหรือมากกว่านั้น จนคนอื่น ๆ ต้องหันมามอง (Process ตอนจาม) จาม-หายใจไม่ถนัดเนื่องจากจมูกบวม-น้ำมูกไหลหรือไม่ก็มีน้ำใส ๆ หยดออกมาจากจมูก-ตาแดงบวมคันตาน้ำตาไหล-ปวดข้างในหู (ปวดจี๊ดปวดเป็นระยะ ๆ แต่บางครั้งก็ไม่ปวด)
ไอ : ช่วงหลัง ๆ อายุ 35-36ปี จะไอหนักมากเจออากาศ ฝุ่น แทนที่จะจามก็ไอแทน ไอจนเหนื่อยและได้กลิ่นสนิมกลิ่นคาว ๆ ในคอหายใจลำบากเพราะเหนื่อยและจะมีเสียงดังฮีต ๆ เวลาหายใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล (เป็นแพทย์เฉพาะทาง) ระบุว่าเป็นหืดให้ยากินและยาพ่นขยายหลอดลม (ดีมากพ่นแล้วหายใจได้เลยเลยติดและซื้อใช้เองต่อ ๆ มาแพงหน่อย) (Process ตอนไอ) ไอ ไอ–เหนื่อย-ในคอมีกลิ่นสนิมกลิ่นคาว-หายใจมีเสียงดังฮีต ๆ หายใจไม่สะดวกเวลาจาม หรือ ไอจะเหนื่อย เพลีย หายใจลำบาก ไม่ปวดหัวเหมือนตอนเป็นหวัด แต่จะตึงและชาที่รอบดวงตาและบนหัว
โรคท้องผูก : ไม่ได้ถ่ายทุกวันมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเยอะขึ้นช่วงอายุ 26 ปีเป็นต้นมา (ช่วงเริ่มทำงานมาสักระยะ) รู้สึกไม่สบายตัว รู้สึกเพลียอ่อนแรงอึดอัดช่วงแรกที่เริ่มถ่ายยากขึ้น สังเกตอุจจาระก้อนก็ไม่ใหญ่มากแต่แข็งและเหม็น เวลาถ่ายต้องเบ่งใช้แรงมากจนหัวชา พอถ่ายก็จะมีอาการคล้ายริดสีดวงทวาร (ไม่รู้ใช่หรือเปล่า) รูทวารปริมีเลือดและแสบ หลังจากนั้นลองกินโยเกิตร์ กินยาคูลท์กินผลไม้มากขึ้น (แต่ไม่มากเท่าปัจจุบัน) ก็ไม่ดีขึ้นเลยกินยาระบายวันละ 3 เม็ดก่อนนอนทุกวัน ถ้าไม่กินก็ไม่ถ่าย กินยาระบายเวลาถ่ายสบายก้นแต่ปวดท้องเหมือนท้องเสียและเพลียมากเพราะเสียน้ำเยอะกว่าถ่ายเอง
ปวดต้นคอปวดไหล่ปวดแขน : เป็นบ่อยช่วงอายุ 31-35 ปี เพราะนั่งทำงานไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เวลาเป็นมักจะใช้วิธีฉีดยาเพราะหายเร็ว
อาการของโรคปวดหัว : คือเป็นการปวดหัวที่เกิดจากความเครียดเป็นหลักแต่ไม่ค่อยกินยามีช่วงหนึ่งที่เครียดมาก ๆ แต่เป็นช่วงสั้น ๆ 1-2 เดือนเท่านั้น ตอนนั้นกินยาพาราและพอนสแตน หลังจากเปลี่ยนงานก็หาย
ยาที่กินประจำ
1. ยาแก้ภูมิแพ้อากาศ
1) ยาต้านฮีสตามีนกินคู่กับยาแก้ยุบบวมจมูกวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น (จำไม่ได้ว่าชนิดไหนกินรอบเย็นรอบเดียว) ตั้งแต่อายุ 25-26 จนถึงอายุ 30 โดยประมาณ มีหยุดยาเป็นช่วง ๆ หยุดเอง
2) ยาแก้แพ้อากาศ (ชนิดเม็ดไม่ง่วง) กินวันละ 1 เม็ดเฉลี่ย 3-4 เม็ดต่อสัปดาห์กินตั้งแต่ช่วงอายุ 30-38 ปี
3) ยาแก้แพ้ชนิดน้ำพ่นใส่รูจมูก (เอาไม่อยู่) แก้แพ้ได้เฉพาะฝุ่นละอองแต่อากาศเย็นแก้ไม่ได้เลยเลิกใช้ใช้เฉพาะยากิน
4) ใช้ยาพ่นขยายหลอดลม(ช่วงอายุ 35-37 ปี) ใช้พ่นทางปากเพื่อให้หายใจออก (ใช้ช่วงที่เป็นหืด)
2. ยาระบายตราใบแก้วกินก่อนนอนทุกวัน ๆ ละ 3 เม็ด ตั้งแต่ช่วง 29 – 37 ปี (ไม่แน่ใจน่าจะเริ่มใช้ตั้งแต่ก่อนอายุ 29 ปี)
การดูแลและแก้ไขอาการ :
แรงจูงใจสำคัญมาจากเพื่อนและการไม่อยากกินยาเพื่อรักษาอาการป่วย อาการป่วยที่ซีเรียสมาก คือภูมิแพ้อากาศ กับท้องผูก เพราะพึ่งยาตลอด ตอนที่ติ๊กมาแนะนำเรื่องแพทย์ทางเลือก ถ้าตั้งคะแนนไว้ 100 มีความเข้าใจอยู่ประมาณ 10 เท่านั้น เข้าใจในหลักการกว้าง ๆ ว่าแพทย์ทางเลือกดีมีประโยชน์ ดีกว่าการกินยาแผนปัจจุบันที่ก่อให้เกิดการสะสมในร่างกาย กินชีวจิตดี กินผักดี กินผลไม้ดี แต่มองว่ามันไกลตัวกับการดำรงชีวิตในสังคมเมือง และไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ประเด็นคือยังไม่เข้าใจจริง ๆ น่ะเองว่า “จะ” (เป็นเยอะนะในสังคมรู้ว่าดีมีประโยชน์ แต่ How to ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี)
หลังจากการพบกันครั้งสำคัญ ที่ติ๊กและน้องแหม่มมาที่บ้าน อธิบายให้ฟังจนตำราหมดเล่ม ให้หนังสือมาอ่าน ลงมือทำ หลัก ๆ เลย คือ อาหาร กัวซา ดีท็อกซ์ และน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดหลักสูตรเร่งรัดภายใน 1 วัน และสำคัญคนที่แนะนำและสอนให้คือ เพื่อนที่ฝึกปฏิบัติมาแล้ว เพื่อนที่เรารู้จักและมั่นใจดี ในสิ่งที่เพื่อนศรัทธาและลงมือทำ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเพื่อน เป็นแรงจูงใจสำคัญอีกอย่างที่เห็นว่านี่คือทางรอดของเราแน่ การลงมือปฏิบัติผ่านไปด้วยดี ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่ที่ทำอย่างต่อเนื่องเลย คือ กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด กับการดีท็อกซ์ ส่วนในเรื่องการกินอาหาร ก็ยังไม่เข้มงวดเท่าไหร่ สำคัญที่มีคำเตือนสติว่า “หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง” และข้อความในจดหมายที่เพื่อนเขียนให้กำลังใจไว้ และคำพูดที่รู้สึกว่าตัวเองมีต้นทุนที่ดีที่เพื่อนบอกไว้ว่า “เรามีบุญ เพราะเราสามารถกินน้ำเขียว ๆ ได้กินอาหารจืด ๆ ได้” ก็ทำให้เรามีกำลังใจในช่วงแรกที่ฝึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่รู้สึกได้ชัดคือ เบากาย ไม่เพลีย มีพลัง (รู้สึกว่ามันวิเศษ) จากคนที่ละทิ้งการกินข้าวเช้ามาเป็นสิบ ๆ ปี กินข้าวเช้าแล้วคลื่นไส้ กลับกลายมากินข้าวเช้า และไม่รู้สึกเพลียหรือง่วงช่วงสาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีอาการอย่างนั้นบ่อยครั้ง
การฝึกปฏิบัติมาเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ตอนที่ติ๊กกับน้องแหม่มมาเยี่ยมที่บ้าน และมีโอกาสได้ไปเรียนรู้ที่ค่าย บรรยากาศการเรียนรู้มันเพิ่มแรงจูงใจ และเป็นโอกาสที่ดีที่ว่างงาน มีเวลาได้ปฏิบัติ
สรุปการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
1. กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด (ทำเองใช้ย่านาง ใบเตย เบญจรงค์ และน้ำสกัดย่านางใบเตย-เบญจรงค์)
2. ดีท็อกซ์อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
3. เลือกกินอาหาร
• เลิกกินน้ำปลาแอลกอฮอล์ หมูลดน้ำตาลน้ำตาล เบเกอรี่ (ขนมกรุ๊บกรอบไม่กินอยู่แล้ว)
• ลดเนื้อสัตว์•กินผักผลไม้ฤทธิ์เย็นเป็นส่วนใหญ่แต่ก็กินผัก-ผลไม้ฤทธิ์ร้อนบ้าง
• กินน้ำเต้าหู้ต้มถั่วขาวถั่วลันเตาฯลฯ
• แต่ยังกินอาหารไม่มีประโยชน์อยู่บ้าง เช่น ขนมเค้ก ไก่ทอด ไก่ย่าง
4. กัวซา (เอง) ไม่ปวดเมื่อยก็ทำบ้างเอาพิษออก
5. โยคะ (เฉลี่ย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์)
กลางปี 2555 เริ่มต้น
• เริ่ม ดีท็อกซ์กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด กัวซา (ไม่สม่ำเสมอ)
• ดีท็อกซ์ใช้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดปั่นเองน้ำสกัดใบย่านาง
ต้นปี 2556 เริ่มเข้มงวด
• ดีท็อกซ์เฉลี่ย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ (ช่วงแรกเกือบทุกวันทำช่วงเช้า)
• น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดกินประจำห่างบ้างไม่ถึงอาทิตย์
• ปรับเรื่องอาหารและกินข้าวต้มถอนพิษบ่อย(บางเดือนกินเป็นอาทิตย์) เลือกผัก-ผลไม้ฤทธิ์เย็นเป็นหลักใน
• การทำอาหารเลิกกินน้ำปลา เลิกกินหมู ลดเนื้อสัตว์
• กัวซาเวลาเจ็บป่วยและเวลาที่ไม่ป่วย
• พอกหน้าถอนพิษ
• เวลากินอาหารที่มีพิษจะรู้สึกว่าร้อนร้อนขึ้นหน้าเลยพอกหน้าแล้วดีขึ้น
อาการเจ็บป่วยที่เปลี่ยนแปลงหลังปฏิบัติมา 1 ปีครึ่ง
ภูมิแพ้อากาศ
อาการแพ้อากาศ ลดลงมาก ไม่มีอาการหืดถึงขั้นเรียกร้องยาพ่นขยายหลอดลม อยู่ได้กับอากาศเย็น (ไม่ทรมาน) อาบน้ำเย็นตอนค่ำไม่มีอาการ เมื่อไม่จามไม่ไอก็ไม่มีอาการแน่นจมูก ยังคงมีอาการแพ้ (จามทันที) เมื่อเจอฝุ่นผง ฝุ่นจากผ้า (อย่างผ้าที่อยู่ในกระสอบแล้วเทออกมา) หรือกระดาษชื้น ๆ (อาจจะจามเพื่อสะบัดพิษออกมาหรือเปล่า)
ท้องผูก
• ไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน ส่วนใหญ่วันเว้นวันขับถ่ายตอนเช้า ไม่ต้องใช้ยาระบาย กลิ่น
ไม่เหม็นเหมือนเมื่อก่อน
• รู้สึกเบากายไม่เพลีย
ประจำเดือน
• มาสม่ำเสมอไม่ทิ้งช่วง 2-3 เดือนมารอบประมาณ 45 วัน
• มาเฉลี่ยครั้งละ 2-3 วันมามากในวันแรก(มากกว่าเมื่อก่อน)
• ปวดท้องในวันแรกที่มี (ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า)
ความดันโลหิตต่ำ
• ไม่ชัดเจนแต่อาการน้อยลงแต่ระวังตัวอยู่ คือ ไม่นอนดึก ไม่นอนน้อย เวลาลุกจะระวังไม่รีบ (เคยล้มมาแล้ว โคตรทรมานหัวมันชาดิ๊กเลย แต่ก็ยังกลัวอยู่)
ปวดหลัง ปวดไหล่ปวดหัว
• ไม่ค่อยเป็นก็กัวซาเลยและขจัดพฤติกรรมความเครียดก็เลยดีขึ้นมาก
สรุป
วันนี้อาการเจ็บป่วยดีขึ้น จาก 3 สิ่งหลัก ๆ นะ คือ สมุนไพรฤทธิ์เย็นสด ดีท็อกซ์ และอาหาร แต่ยังไม่ดีขึ้นทั้งหมดนะ เราว่าเรายังไม่เข้มงวดกับตัวเองดีพอ เรามั่นใจว่าถ้าเราเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ อาการแพ้อากาศน่าจะหายไปมากกว่านี้ หรือหายไปเลยนะ จากการสังเกตตัวเอง และก็การกินสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด มันทำให้เลือดเราดีขึ้นหรือเปล่า เรากำลังตั้งข้อสังเกตจากการมีประจำเดือนด้วย อยากรู้ค่อยถามอีกแล้วกันไม่สรุปแล้ว เรามีข้อสงสัยและสมมุติฐานเยอะไว้ทดลองปฏิบัติแล้วจะรายงานความคืบหน้านะ
แต่มีอย่างหนึ่งยังเลิกไม่ได้ คือ กาแฟเช้ากับบ่ายแต่ปริมาณและความเข้มข้นไม่เยอะ