1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.36 |
ชื่อ | วรัมพร เลิศวิมลชัยศิริ |
เพศ | หญิง |
จังหวัด | ระยอง |
อายุ | 17 |
โรค | โรคภูมิแพ้ |
วันสัมภาษณ์ | 1 พฤษภาคม 2557 |
น้องนุ่น: นี่ที่มาก็เพราะว่าตอนแรกพ่อมาก่อนค่ะ พ่อมาเข้าค่ายที่นี่เพราะพ่อเฉียดตาย 50/50 50 ตาย 50 อยู่อะไรอย่างนี้ใช่ไหมคะ พอเข้ามารักษาปุ๊บปั๊บ ๆ หาย แล้วก็ตรงกับข้อหนึ่งที่หมอเขียว
บอกถ้าใครไปถึงบ้านปุ๊บเอาเลย เอาเลย ๆ เอาเลย ๆ
จิตอาสา: ก็คือพรหม 3 หน้า เอาไปใช้กับเราค่ะ
น้องนุ่น: พ่อบอกหนูเลยว่าเอาเลย ๆ กินฉี่ ๆ ไอ้นี่ ๆ ดีหมดเลย หนูก็เลย เอ๊ย อะไรมาไม้ไหนนะทุกคนในบ้านก็จะแบบเหมือนกับเฮ้ย พ่อสุดโต่งแล้วก็บอกพ่อ เตือนแล้ว พ่อสุดโต่งไปนะ อย่างไรอย่างนี้แล้วทีนี้พ่อก็เลยใช้มุกเคล็ดลับ นุ่นอยากสวยป่ะเฮ้ย ป๊ามีทางเหรอเพราะอยากหายสิวมากเลย เพราะว่ารักษามาเป็นหมื่นแล้วก็ ไม่หายสักที พ่อเลยบอกว่าใช้ฉี่ไง ไม่เอา ไม่เอา ๆ ๆ ที่นี้ก็เลยแบบ แล้วพอเหมือนกับมีคนบอกว่าเหมือนทุเรียนอร่อยที่หมอบอกอร่อย ๆ พ่อบอกมันดี ๆ กรอกหูทุกวัน วันหนึ่งเรานั่งยองฉี่อยู่ เราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ ก็อยากรู้เหมือนกันฉี่มันเป็นยังไงแล้วก็เอานิ้วนี่แหละแตะลงไป พอฉี่ปุ๊บแตะเลยก็ป้ายปาก อื้อหืม เปรี้ยวจี๊ดเลยเพราะว่าเราชอบกินเปรี้ยวมากไง เราก็เลยบอกมันไม่ไหวแล้วทีนี้ก็วันที่สองลองอีกเอาอีก มันต้องได้น่า เพราะว่าเป็นคนที่ตั้งใจแล้วทำก็ต้องทำให้ได้ ก็แตะอีก พอกินอีก ขมเพราะวันนั้นก็ไปกินอาหารอะไรสักอย่างหนึ่งนี่ค่ะ เพราะว่าหนูก็เป็นคอเนื้อวัวเหมือนกัน
จิตอาสา: ค่ะ ก็เลยแบบ ลองเทส อันนั้นยังไม่เคยมาเข้าค่ายเลย
น้องนุ่น: ยังไม่เคยค่ะ
จิตอาสา: คุณพ่อพูดกรอกหูจนทำเองเลยเหรอคะ
น้องนุ่น: มันก็พ่อเขามีเหมือนกับ เราสื่อกันได้ค่ะ เราแบบพ่อพูดอะไรแล้วมันจะ วิ้ง ๆ เหมือนถูกสะกดจิต แล้วพอหลังจากนั้นแล้วก็พ่อก็เลยปรับอาหารให้ พอเราบอก เอ๊ย ป๊ามันเปรี้ยวไป มันไอ้นี่ไปมันไม่ไหว พ่อก็ทำอาหารให้เป็นพ่อครัวเองเลย ปกติไม่ทำอาหารนะให้แม่ทำ แล้วพอหลังจากนั้นก็ ฉี่มันอร่อยมันชิมแล้วดี สักพักขมิบไว้ขมิบไว้ หาอะไรมารอง เอามือมารอง ซด (ยกมือขึ้นป้ายหน้า) โอ้โห แบบเต็มที่มากเลย พอหลังจากนั้นพอรู้ตัวว่าจะฉี่ปุ๊บ เราต้องไปหยิบแก้วมาแล้วเราก็ แล้วเราก็รองเลยค่ะ หลังจากนั้นก็ซดไปสักครึ่งแก้วพอเหลืออีกนิดนึงเราก็เอามาทาหน้าทาตัว มันเป็นโลชั่นชั้นดีเลยนะคะ ปกติหนูจะเป็นกลากน้ำนม มันจะเป็นจุด ๆ ใช่ไหมคะเป็นด่าง ๆ บ้างพอมาใช้ทุกวัน ๆ ตบ ๆ ตบ มีวิธี (เอามือตบแปะ ๆ ที่แขนซ้าย ขวา) ตบค่ะ แล้วก็แบบยังงี้นวดหน้า (เอามือตบ ๆ นวด ๆ ที่หน้า) มันจะเหมือนดาโบ๊ะดาโบ๊ะที่หนูเคยบอกไว้นะคะมันก็จะนุ่มหน้ามากใช่ไหมคะ เพราะอะไรเพราะว่าฉี่เราอร่อยมากเลย เพราะอะไร เพราะอาหารเราอร่อย เพราะอาหารคืออะไร เพราะอาหารก็คือสูตรหมอเขียวนี่เองค่ะ หนูเป็นคนชอบกินจืดอยู่แล้ว แล้วพอพ่อทำให้ มันก็เลยเป็นอะไรที่แบบเพอร์เฟ็คมากเลย มันอร่อยมาก ๆ เลยค่ะ
จิตอาสา: แล้วยังไงถึงได้มาค่ายที่นี่คะ
น้องนุ่น: หลังจากนั้นเราก็เลยแบบ พ่อบอกอีกว่า เนี่ยน้ำหนักพ่อลดไปห้าโลแปดโล บ้าน่ะป๊า เราอยากลดน้ำหนักมานานแล้วไง แล้วทีนี้ก็เลย ก็หาวันเวลา มันไม่ตรงสักทีคงจะมีวิบากกรรมที่เราเคยกินอะไรไว้ก็เลยไม่ตรงสักที มีวันหนึ่งมันตรงมาก ๆ เลยค่ะ หนูก็เลยมาได้แต่ว่าตรงแค่สามวันเพราะว่าก็คือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หนูก็เลยมา
จิตอาสา: อันนี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่าคะที่มา
น้องนุ่น: นี่ไม่ใช่ค่ะ นี่ครั้งที่สามแล้ว แต่คือสองครั้งแรก มาสามวันสุดท้ายค่ะ
จิตอาสา: ค่ะ แล้วตอนที่มาครั้งแรกนี่ได้เรียนรู้แล้วได้กลับไปใช้เลยหรือเปล่าคะ
น้องนุ่น: ใช้เลยค่ะ ทันที
จิตอาสา: ทันทีเลยใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ แต่ว่าก็ยังมีเนื้อสัตว์บ้าง เพราะว่าเราก็ต้องปาร์ตี้กับเพื่อนใช่ไหมคะ แบบเด็กกรุงเทพเลิกเรียนเสร็จปุ๊บก็เซ็นทรัล เข้าเซ็นทรัลอะไรก็แบบ ร้านอาหารต้องหรูเท่านั้นมื้อหนึ่งนี่
ไม่ต่ำกว่าพันหนึ่ง แบบเดือนหนึ่งหนูใช้สองหมื่น พูดตรง ๆ เลย
จิตอาสา: แล้วตอนนี้ตั้งแต่มาหาสูตรหมอเขียวนี่ ตอนนี้เหลือเดือนละกี่บาทคะ
น้องนุ่น: (หัวเราะ) ของมันแพง อาหารสุขภาพนี่ก็แพงนะ ไอติมก็ถ้วยหนึ่งสองร้อยแล้ว หมื่นนึงแล้วกัน ก็เลยเหลือเดือนละหมื่นค่ะ
จิตอาสา: เหลือเดือนละหมื่นนะคะ อย่างนี้ต้องมาบ่อย ๆ อีกหน่อยจะเหลือศูนย์บาท ดีไหมเอ่ย
น้องนุ่น: คงเป็นไปไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ)
จิตอาสา: นี่ได้ข่าวว่างวดนี้เนี่ย คุณพ่อปล่อยให้บินเดี่ยวมาเองใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ค่ะบินเดี่ยว คือแบบว่าตอนแรกก็ต้องเกริ่นนำก่อน อันนี้มันฝังใจ หนูก็อยากไปอเมริกาใช่ไหม หนูก็ค่านิยมตะวันตกอยู่นะคะ ก็แบบเห็นครูฝรั่งที่โรงเรียนหล่อค่ะ แล้วก็เลยแบบฉันจะต้องหาทุนไปอเมริกาให้ได้ ก็เลยไปนั่งศึกษาอ่านแล้วติด พ่อ ติดแล้วนี่มันต้องใช้สองแสนสามแสนน่ะในการใช้เรียน พ่อบอกว่าคิดดูดี ๆ นะ เราก็จะส่งทางอีเมล์กัน โอ้โห แบบส่งไปน้ำตาไหลไป แบบพ่อไม่ให้ไป พ่อพูดธรรมะกระหน่ำเลย หนูก็เลยแบบทำใจ
จิตอาสา: จริงไหมคะ
น้องนุ่น: แล้วหลังจากนั้นหนูก็เลย พ่อก็เลยเหมือนกับว่าปล่อยลูกมากขึ้นให้ผจญเดี่ยว ผจญภัยเดี่ยวเลยบอกป๊าเดี๋ยวหนูจะไปนี่นะ จตุจักรคนเดียวนะ เดี๋ยวไปนู้นนะสักพักก็จะเริ่มไปไหนได้ไกลมากขึ้นค่ะ แล้วหลังจากนั้นพ่อเลย เอ้านี่มีค่าย 1-7 นะ มาไหม หนูก็บอกตอนแรกก็ยังลังเล ไม่มา มีเรียนพิเศษเป็นเดือนเลย แล้วสักพัก เอ เราอยากมาหมอเขียวมาก ใจมันอยากมา อีกใจก็อยากเข้ามหาวิทยาลัย แต่ทีนี้ก็เลยคิดว่าเราก็มานั่งพิจารณาทีละกรณีใช่ไหมคะ กรณีเรียนพิเศษนี่มันลงเรียนเมื่อไรก็ได้ใช่ไหม มีเงินก็ได้เรียนแล้วแต่ถ้าเกิดของหมอเขียวนี่สิ เราจะมีเวลาไหม เราจะมีโอกาสได้มาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจมาที่นี่ มาเอาธรรมะเพื่อไปนี่ด้วย
จิตอาสา: แสดงว่าจริง ๆ แล้วเนี่ยไม่ใช่คุณลูกฉลาดนะคะ ต้องบอกว่าคุณพ่อฉลาดนะคะ เขาเรียกว่าพาลูกมาละลายพฤติกรรมที่นี่นะคะ หากใครสนใจจะพาลูกมาละลายพฤติกรรมที่นี่ก็ยินดีนะคะ
น้องนุ่น: ต้องไปปรึกษาพ่อ พ่อกลยุทธการพูดดีมาก
จิตอาสา: ดีมากเลยใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ดีมากเลยค่ะ
จิตอาสา: แล้วอย่าง..(หัวเราะ)
น้องนุ่น: ยกตัวอย่างว่า สมมติพ่อนั่งทำงานอยู่ นุ่นไปหยิบกระดาษมาสิ ได้ ป๊าหาไม่เจอค่ะ ทำไมซื่อบื้ออย่างงี้ ข้อหาซื้อบื้อมันเป็นอะไรที่แบบ โอ้โฮ หนูต้องขึ้นไปห้องนอนแล้วไปนั่งร้องไห้ กรี๊ดคนเดียวค่ะ แล้วก็ไม่คุยอะไรกับพ่อเลย พ่อชอบพูดอะไรตรง ๆ แต่พอถามป๊ารู้ไหม ป๊าทำร้ายนุ่น เขาก็ตอนไหนเหรอ อะไรเหรอก็ที่ป๊าบอกซื่อบื้อ อ้าวป๊าพูดไปเหรอ ไม่มีสติเลยเพราะพ่อทำงานอยู่ไง ใช่ค่ะ
จิตอาสา: เห็นได้ข่าวปกติเดี๋ยวนี้เด็กสมัยนี้เขาต้องเล่นเฟสบุ๊ค แล้วน้องนุ่นนี่เล่นเฟสบุ๊คกับเขาไหมคะ
น้องนุ่น: ตอน ม.4-ม.5 พี่เขาสมัคร เราก็อยากมีบ้าง พี่บอกไม่ต้องเล่นหรอก แกเล่นไม่เป็นหรอก คอมใช้เป็นหรือเปล่าหัวโบราณน่ะหนู หนูก็ใช้คอมไม่ค่อยเก่งเท่าไรค่ะ แล้วทีนี้ก็เลยมานั่งศึกษา ก็เล่นก็เล่น แล้วก็ แต่ที่เล่นน่ะ ไม่ได้เล่นอะไรหรอก ก็คือจะหาพวกคำธรรมะว่าเหมือนกับหนูเป็นโรคเครียดชอบเครียดน่ะ
จิตอาสา: ชอบเครียดเหรอคะ
น้องนุ่น: ใช่ค่ะ สมมติว่าสมมติอาไม่ยิ้มให้หนูนี่หนูคิดแล้ว หนูทำอะไรให้อานะ หนูไปอะไรจะเก็บเล็กเก็บน้อยทุกอย่างเลย แต่พอมาฟังหมอก็แบบ คือเราไม่ต้องเอาแม้แต่คำขอบคุณหรือรอยยิ้ม ก็เลยแก้ได้ทันทีเลย
จิตอาสา: ได้ชัดเลยนะคะเนี่ย
น้องนุ่น: ใช่ เวลาหมอเขียวพูดอะไร ให้เอาชีวิตตัวเองน่ะที่เคยผ่านมา เอาใส่เข้าไปในที่หมอเขาสอน
จิตอาสา: ขอโทษนะคะ น้องนุ่นอายุเท่าไรคะ
น้องนุ่น: สิบเจ็ดอีกสองเดือนสิบแปดค่ะ
จิตอาสา: โอ้โห สิบเจ็ดนะคะ เท่ากับอายุลูกสาวเลยนะคะ โห มีไหมคะเด็กรุ่นใหม่คิดได้ขนาดนี้ค่ะ เห็นบอกว่าก่อนมานี่เมื่อก่อนน้องนุ่นนี่มีอาการที่ก่อนที่จะมารับประทานอาหารสูตรคุณหมอนี่ มีอาการปวดประจำเดือนใช่ไหม
น้องนุ่น: ใช่แล้ว
จิตอาสา: ไหนเล่าให้ฟังนิดนึง
น้องนุ่น: หนูก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรงแหละเนาะแต่คือตอนแรกเป็นภูมิแพ้ติดจากพ่อไง ภูมิแพ้เบา ๆ แบบตื่นขึ้นมาก็จะ จามฮ้าดชิ้ว อย่างงี้เลยค่ะ แล้วก็จะเป็นอะไรที่แบบ นิดนึง ๆ ก็จะฮัดชิ้วตลอดเลย พ่อก็จะบอกกินยา กินยา กินยา กินปุ๊บตาย กินปุ๊บตาย นอนตายอยู่ซมอยู่บนห้อง
จิตอาสา: คืออันนี้คือก่อนที่จะเจอคุณหมอใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ ก่อนที่จะเจอ และหลังจากนั้น และก็พอเริ่มมีประจำเดือน ตื่นเต้นนึกว่าช็อกโกแลตติด บ้าน่ะ มันเป็นสีน้ำตาลเราก็ไม่รู้ใช่ไหม ก็ อันนี้อะไรเหรอก็ยื่นให้เขาดู แม่บอกนี่แหละประจำเดือน เราก็เหรอครั้งแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรนะ หลังจากนั้นเลือดมันก็มาแปดวันเก้าวันเลยมาแบบก็หนักมาก แล้วพอผลัด ผลัดเดือนต่อไปใช่ไหมคะ หนูก็จะเป็นลมเวลามีประจำเดือนปุ๊บหนูก็จะเหงื่อตกแล้วก็แบบ คือเหมือนคนจะตายแล้วเหมือนคนเป็นโรคร้ายแรงมากเลย
จิตอาสา: เรียกว่ามีอาการหมดแรง
น้องนุ่น: หมดแรง เหงื่อตก ใช่
จิตอาสา: หมดแรง เหงื่อตกเหมือนกับมันบีบรัดไปหมดทั้งตัวใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: มันเหมือนกับว่า วิ้ง ๆ สติหลุดแล้วบอกแม่กำลังจะตายแล้วพี่ชายก็นั่งเล่นคอมตึก ๆ ตึก ๆ พี่มานี่หน่อย ไม่ ไม่สนใจหนูเลย
จิตอาสา: เป็นอย่างนั้นนานหรือยังคะ
น้องนุ่น: หนูเป็นทุกครั้ง ทุกครั้งที่เป็น ทุกครั้งที่เป็นประจำเดือน
จิตอาสา: แล้วหลังจากที่มาเจอคุณหมอเขียวล่ะคะ
น้องนุ่น: ก็พ่อเนี่ยแหละ ก็ยังไม่ได้เจอหรอก แต่ว่าพ่อเขาเอาอาหารไปปรับให้ อยู่ดี ๆ ก็พอหลังจากปรับใช่ไหมคะเดือนต่อมาก็ อ้าวนี่อ้าวเลือดมาแล้วเหรอคือไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าแบบมีประจำเดือนน่ะ มันเป็นอะไรที่แบบ การไม่เร่งผลนี่มันดีจริง ๆ เพราะว่าเหมือนกับเราไม่ได้ใส่ใจมันน่ะค่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นน่ะพอประจำเดือนมาปุ๊บก็ไม่รู้เรื่องเลย
จิตอาสา: แสดงว่าคุณพ่อหลอกให้รับประทานอาหารสูตรคุณหมอเขียว
น้องนุ่น: ไม่คือ..
จิตอาสา: ทานนานหรือเปล่า
น้องนุ่น: คือบ้านหนูเป็นคนที่กินจืดอยู่แล้ว แม่ก็คือเติมน้ำปลาสองเหยาะเวลาทำอะไรอย่างนี้ก็ใส่ซีอิ๊วซะมากกว่า แล้วพ่อเป็นคนกินจืดด้วยค่ะ เพราะพ่อเขาแบบรู้จักประยุกต์ไง เอาเผือกมาทำไอ้นั่นไอ้นี่มันกินแล้วก็แบบดีขึ้น
จิตอาสา: ก็คือว่าพอเรารับประทานอาหารสูตรนี้นี่ แล้วอยู่ ๆ อาการที่เราเคยปวด เหมือนกำลังจะตาย อยู่ ๆ มันก็หายไปโดยไม่รู้ตัวเอง ใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ ถูกต้องค่ะ แต่น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดก็กินทุกวันเลย
จิตอาสา: ก็คือรับประทานน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดเป็นประจำอยู่แล้วใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ แล้วที่หมอพูด กิจกรรมทุกอย่างมัน มันตรง มันตรงหมดเลยเหมือนกับโอ้ เหมือนเขารู้แล้วเขาจะเจาะใจเรายังไงไม่รู้ แต่คือมันก็เจาะทุกคนแหละนะ
จิตอาสา: หมายถึงว่าวันที่มาฟังคุณหมอแล้วเหมือนกับว่าคุณหมอพูดกับเราใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ เหมือนกับ รู้ได้ไงเนี่ย มันตรงหมดเลยค่ะ
จิตอาสา: แล้วเห็นบอกว่าก่อนหน้าจะมานี่สิวเยอะมากเลยใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: สิว (หัวเราะ)
จิตอาสา: สิวเยอะมาก เอ๊ะแล้วสิวมันหายไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่ หนูข้ามตอนนั้นไป ตอนไหนก็ไม่รู้นะ หนูเป็นคนพูดเร็ว ฟังหนูให้ทันแล้วกันพอเป็นสิวใช่ไหมคะ เราก็จะแบบว่าสิวเต็มหน้าเลย ตรงนี้ ตรงนี้ (เอามือจิ้มที่หน้า) อ๊ะ ๆ ขึ้นมาอาทิตย์ละครั้งอักเสบ อักเสบ พอแล้วพอ แล้วก็เอาหัวสิวออก ชนไอ้นี่ เลือดแตกอยู่คากระจกรถ ใช่ค่ะ บอกป๊าเนี่ยเป็นนี่พ่อก็เลยบอก ตอนแรกพ่อไม่ให้ไปเพราะพ่อบอกมันไร้สาระมาก แต่ว่าพ่อทำกระดาษแล้วมีลูกค้าเป็นเรื่องความสวยความงาม ลองไปดู หมดไปหมื่นเจ็ดก็ไม่เห็นจะหายเลย
จิตอาสา: หมายถึงว่าไปหาหมอแผนปัจจุบัน รักษาสิวตามที่วัยรุ่นเขาหากัน
น้องนุ่น: ใช่ เลเซอร์ยิง ใส่เจล โอยรำคาญทรมานจี๊ด ๆ แล้วพอมานี่ก็เลยใช้อย่างที่บอกค่ะ ปรับอาหารด้วย แล้วก็ใช้ฉี่เหมือนกับมันต้องควบคุมให้ได้นะ
จิตอาสา: ก็คือใช้เรื่องของการปรับอาหารนะคะ แล้วก็ใช้ฉี่
น้องนุ่น: ใช่ แต่หนูบอกตรง ๆ นะ หนูไม่ได้ใช้ฉี่ทุกวันนะมันเหมือนกับวันนึง ถ้าสมมติเราอยากกินต้มยำกุ้ง วันนี้เราอยาก กินฉี่ อะไรอย่างนี้ค่ะ มันไม่ต้องใช้ทุกวันก็ได้เพราะว่าเหมือนกับบางคนใจมันยังไม่ไปไง แบบมันจะส่งสัญญาณมาเองถ้าเราได้ลองชิมฉี่แล้วครั้งนึง มันจะมีสัญญาณตอบรับมาเรื่อย ๆ ว่าเฮ้ยเราต้องการฉี่นะแต่ถ้าเกิดบางวันเราไม่ต้องการ มันก็จะไม่ต้องการค่ะ
จิตอาสา: อ๋อก็คือหมายถึงว่าฟังสัญญาณจากร่างกายของเรา
น้องนุ่น: ใช่ แบบวันนี้ ทำไมมันรู้สึกเหมือนมันจะบอกเองมันมีเซ้นส์เอง มันต้องเอามือมารองค่ะไม่งั้นมันจะแบบ
จิตอาสา: เหมือนขาดอะไรไปหรือเปล่า ?
น้องนุ่น: ใช่ มันเหมือนกับถ้าวันนี้ไม่ได้กินฉี่มันจะรู้สึกอะไรยังงี้
จิตอาสา: แล้วตกลงว่าสิวมันหายไปตอนไหนคะเนี่ย
น้องนุ่น: มันหายไปเองอีกแล้วค่ะ
จิตอาสา: มันหายไปเองแบบไม่รู้ตัวใช่ไหม
น้องนุ่น: ใช่ เพียงแต่ว่าหนูควบคู่โดยการใช้ผงถ่านแล้วก็มันจะมีผงไพลอค่ะ คือใช้สูตรร้อนมาช่วยด้วยค่ะ ที่มีไพลขมิ้นให้หน้าเนียนน่ะค่ะ ตอนแรกก็เป็นสิวปุ๊บเป็นแผลเป็นอีกใช่ ตอนนี้ก็ยังมีเป็นบ้าง
จิตอาสา: ตอนนี้ดูแล้วร่องรอยมีไหมคะ เป็นสิว ไม่มีเลยนะ
น้องนุ่น: มีบ้างนิดหนึ่งค่ะ มันปะทุออกมาตรงนี้นะคะ มันพร้อมจะมี
จิตอาสา: อันนี้มามีความกังวลใหม่อีกบอกว่า ทำไมประจำเดือนที่เคยมามันยังไม่มา
น้องนุ่น: นั่นน่ะสิ หนูก็เลยงงแต่ว่าหนูตั้งจิตมาวันแรกแล้ว เพราะว่าหนูทุกรอบเลยไม่รู้เป็นไร คราวที่แล้วสองครั้งใช่ไหมคะมา เป็นประจำเดือน เวลาไปค่ายไหนต้องเป็นประจำเดือนตลอดเลย พอมานี่ปุ๊บตั้งจิตก่อนมาขอให้ประจำเดือนไม่มาเถ้อะ
จิตอาสา: มิน่า ตอนนี้พอขอให้ประจำเดือนไม่มา ประจำเดือนไม่มา กังวลอีก
น้องนุ่น: ใช่ ขอให้ไม่มาแต่หนูมหัศจรรย์อย่างนึง วันนั้นหนูไปวิ่งใช่ไหม หนูเดินเร็วค่ะ แล้วฝนมันจะมาตลอดเลยค่ะหนูก็ตั้งจิต ขอให้คุณงามความดีที่หนูทำนะอย่างเพิ่งมาเลยนะจ๊ะ ก็บอกฝนว่าอย่ามานะ พอวิ่งทุกครั้งก็อย่าเพิ่งมา บอกถ้าถึงสวนป่านาบุญเมื่อไร มาเลยตกเลยพอก้าวปุ๊บตกพรึ่บ ก็เลยบอกนี่มันฟลุคหรือเปล่า หรือว่ามันอะไรล่ะคือมันไม่ตกตอนที่หนูเดิน แต่พอลงพอข้ามปุ๊บตกเลย พอก้าวถึงที่นี่
จิตอาสา: จริง ๆ จะบอกว่าครอบครัวน้องนุ่นนี่เขาเป็นจิตอาสาของเรานะคะ แล้วก็มาค่ายแล้วมาบำเพ็ญ ต้องบอกว่าเป็นการบำเพ็ญที่ได้มาทั้งครอบครัว ค่ายที่แล้วพี่ชายมา พอค่ายนี้นี่คุณพ่อเลยส่งลูกสาวมาเองเลยนะ นั่งรถมาเองด้วย ถ้าปกติลูกเราอายุสิบเจ็ดอย่างนี้เราไม่กล้าปล่อยมานะ นี่เขาบอกแสดงว่าเขาค่อนข้างเชื่อในเรื่องของกรรมมากเลยนะคะ ปล่อยให้ลูกมาเองนี่
น้องนุ่น: ใช่ ก็คือพ่อนี่ก็อยู่ที่พ่อแม่ด้วยค่ะ ถ้าเกิดพ่อแม่มั่นใจลูกว่าไม่ไอ้นี่หรอก คือพ่อเคยบอก ป๊าถ้าเกิดหนูโดนข่มขืนทำไงดี ถ้าเกิดป๊าให้นุ่นนั่งกินข้าวอยู่แล้วโจรเข้าบ้านทำไงป๊าบอกว่า มามากินข้าวด้วยกันสิ ให้ชวนโจร โจรก็จะแบบเอ๊ะ ๆ (ทำหน้างง) อะไรแบบนี้ค่ะ
จิตอาสา: คิดในมุมบวกนะ
น้องนุ่น: ใช่คิดในมุมบวกนั่งกินข้าวอยู่ ประตูบ้านหนูก็เปิดไง ถ้าโจรมา หยุดนะ หนูก็บอกมากินข้าวด้วยกันไหมคะ เขาอาจจะแบบเปลี่ยนมุมมอง พ่อบอกว่าคนดีนะเหมือนกับมีพลังมันจะผลักคนร้ายชั่วร้ายออกไป
จิตอาสา: เชื่อในเรื่องของกรรมนะต้องบอก
น้องนุ่น: ใช่ หนูก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน
จิตอาสา: แล้วอย่างน้องนุ่นมาค่ายนี่ น้องนุ่นรู้สึกว่าน้องนุ่นได้มีความประทับใจอะไรในค่ายบ้าง
น้องนุ่น: เยอะมากเลยค่ะ หนูนึกก่อนนะ
จิตอาสา: ไหนลองยกตัวอย่างสักนิดนึง
น้องนุ่น: อ๋อ หนูจะเอาเรื่องนี้ไป เรื่องเพื่อนค่ะปกติหนูจะเป็นคนทุ่มเทเรื่องเพื่อนมาก มากเสียจนแบบเหมือนเราเป็นผัวเมียกันน่ะ แต่คือเพื่อนหนูคือผู้หญิงนะ คือผู้หญิงแบบนี้แหละ ผู้หญิงนะหนูไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ แล้วก็หนูก็จะแบบดูแลเขา จะตื่นหรือยังก็จะเอาข้าวไปให้เขา พอเขาฟ้าร้องฝนตกเขา (ทำท่าคุยโทรศัพท์) นุ่นอยู่เป็นเพื่อนหน่อย คุยเป็นเพื่อนหน่อย ออได้ ๆ เดี๋ยวคุย แล้วทีนี้วันหนึ่งเขาก็เหมือนกับว่า แต่หนูก็จะชอบทะเลาะกับเขา สมมติว่า นี่ ๆ สีส้ม แต่ว่าอาบอกสีส้มแต่หนูบอกมันสีแดง สีส้มสีแดง ทะเลาะกันแค่เนี้ย แล้วเขาทะเลาะกันเรื่อย ๆ ตอน ม.4 ม.5 ไม่เคยทะเลาะเลยแล้วพอหลังจากนั้นเพื่อนก็วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็วันนี้รักกันมากเลยนะ เมื่อวานวันจันทร์ใช่ไหมคะ แล้วก็ รักนะ รักนะ ส่งหัวใจให้ตลอดเลยแล้วพอวันอังคารเพื่อนไม่คุยกับหนูเลยสักคำนึงไม่ทักหนูเลย หนูก็เลยแบบ เอ๊ยเกิดอะไรขึ้นอะไรอย่างงี้ พอเข้าไปถามจะไปถามเขามันก็กระไรอยู่ เพราะตอนนั้นจิตเราก็ยังแบบมันไม่ได้ค่ะต้องชนะอะไรอย่างงี้ แล้วพอหลังจากนั้นก็ พอมาปรึกษากับพ่อกับแม่ก็บอก มีอะไรต้องคุยกัน ก็เข้าไปคุยกับเขา เขาก็บอกก็ไม่อยากทะเลาะกับแกแล้ว ห่างกันหน่อย อะไรงี้ โอ้โห พูดเหมือนแฟนเลยนะ แล้วหนูก็เลย เออ ๆ ก็ได้ ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยคุยกับเขาอีกเลย แล้วทีนี้ก็เลยจะปรับว่า หนูก็ไม่คุยกับเขาเลยนะเพราะหนูไม่อยากคุยกับเขาเพราะเขามาทำร้ายหนู แต่พอตอนนี้ไม่แล้ว ก็คือจะ
จิตอาสา: จะเปิดใจมากขึ้นใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่
จิตอาสา: ซึ่งจริง ๆ แล้วเนี่ย ถ้าเกิดเราได้เรียนรู้นะว่า ถ้ามาค่ายคุณหมอบ่อย ๆ นะ บอกคุณพ่อคุณแม่มาบ่อย ๆ เพราะว่าในเรื่องของความผูกพันนี่มันก็ทำให้เกิดทุกข์นั่นแหละใช่ไหมคะ
น้องนุ่น: ใช่
จิตอาสา: พอเราผูกพันกับใครมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายนะคะ มันก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์ ถ้าเกิดว่าในวันหนึ่งที่เขาไม่สนใจเรา
น้องนุ่น: ถูกต้อง
จิตอาสา: มันทำให้เราได้เรียนรู้ทุกข์นะคะ เห็นไหมคะ แสดงว่าเขาเป็นเด็กมีบุญนะเนี่ยเพราะว่าเขาสามารถที่จะเรียนรู้ทุกข์ได้ค่อนข้างเร็วมากนะคะ
น้องนุ่น: ก็คือตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง พูดอย่างงี้เลย ป๊านี่คืออะไรหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด ยกตัวอย่างมาเลยให้เราเข้าใจจริง ๆ ค่ะเข้าใจมาตั้งแต่ตัวอย่างแรกแล้วล่ะ คือพ่อเขาจะเป็นคนธรรมะเข้ามาตั้งแต่เด็กค่ะก็จะใส่ธรรมะเรา เราก็เลยจะปิ๊งได้ง่าย แล้วหมอเขียวเขาก็พูด ปิ๊งอีกค่ะ
จิตอาสา: แล้วเรามาฟังคุณหมอเขียวเนี่ย เรารู้สึกว่าปิ๊งประโยคเด็ดอะไรของคุณหมอเขียวบ้าง
น้องนุ่น: เรื่องนี้หนูซึ้งมากเลย หนูนั่งอยู่ แล้วร้องไห้เลย แต่แบบ หนูจะมากราบแต่หนูกราบไม่ทัน หนูเสียใจ เดี๋ยวค่อย
จิตอาสา: ออ.. เอ้า ไม่เป็นไร ๆ ไหนลองบอกความในใจสิว่าประโยคไหนที่ทำให้น้ำตาเราไหลคะ
น้องนุ่น: เป็นเรื่องนี้คะ สมมติว่าเราทำทุกข์มาครั้งหนึ่ง ทำข้อสอบผิดหนึ่งข้อใช่ไหมคะ หนูผิดข้อเดียวจะได้เต็ม หนูก็แบบเสียใจแล้วก็ไปนั่งร้องไห้ แก ทำไมเขาโง่อย่างนี้นะ เขาแค่ใส่เครื่องหมายผิด ฮื้อ ๆ แล้วเพื่อนทุกคนก็จะมาปลอบ แกไม่เป็นไร หนูไม่ค่อยเชื่อใคร โทรไปพูดกับพ่อ พ่อก็บอก นุ่นถ้าเราไปทับถมทุกข์อีก มันจะเป็นทุกข์นะ เราก็เหมือนกับมันยังไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ แต่พอหมอเขียวเขายกตัวอย่างแล้วแบบ ปุ๊บ ๆ สักพักก็น้ำตาไหล แล้วก็ฮึดไม่อยู่ แล้วฮึด ๆ ก็ออกเลย
จิตอาสา: ประโยคที่แทงใจใช่ไหมคะ คือว่าอย่างที่นุ่นบอกก็หมายความว่า เวลาเราทำอะไรผิดไปก็ตามนี่ เราก็คือหมั่นให้อภัยตัวเองนั่นแหละที่คุณหมอจะสอน อย่าทำทุกข์ทับถมตน การทำทุกข์ทับถมตนหมายถึงว่า เวลาเรารู้สึกว่าเราทำอะไรผิดโดยที่เราตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แล้วเราตีตัวเอง อย่างนั้นหรือเปล่าคะ ตีตัวเองว่าฉันไม่น่าเลย
น้องนุ่น: ใช่ ไม่น่าเลย
จิตอาสา: เหมือนกับว่ากินอาหารอร่อยแล้วฉันป่วย ฉันก็ไม่น่าเลย ใช่ไหม
น้องนุ่น: ใช่หนูเป็น
จิตอาสา: ซึ่งคุณหมอก็จะบอกว่าในเมื่อเราพลาดไปแล้ว ไอ้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเราก็แก้ไขไม่ได้ เพราะฉะนั้นการให้อภัยตัวเองนั่นแหละค่ะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถูกไหมคะ
น้องนุ่น: ที่ดีที่สุด ใช่
จิตอาสา: เรียกว่าเพชรอย่างหนึ่งนะ เรียกว่าธรรมะอย่างหนึ่ง เด็ดเลยที่น้องนุ่นได้ไปนะคะ ทีนี้ในฐานะของน้องนุ่นที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ เด็กอายุสิบเจ็ดที่มาค่ายนี้ งวดนี้จะบอกว่าเป็นเด็กมีบุญมากเลยนะคะ เพราะว่าเด็กรุ่นใหม่มากันเยอะเลย อยากจะให้ฝากถึงเพื่อน ๆ หรือว่าจะให้ชักชวนยังไงว่าค่ายนี้ดียังไง สมควรจะมาไหมยังไง ฟรีสไตล์เลยค่ะ
น้องนุ่น: เอาตั้งแต่รุ่นหนึ่งขวบจนถึงร้อยเลยแล้วกัน เอาให้ครบเลย หนูว่าหนูน่าจะพูดโอเคอยู่นะ หนูคิดว่านะ เม็ด 1 ถึงเม็ด 9 ใช่มั้ยคะ 1-9 ลองก็จะดีไหม จะเหมาะไหม จะเห็นไหม จะลองหรือไม่ลองก็ได้นะคะ 1-9 แต่หนูคิดว่าถ้าเป็นหนูเองนะ ส่วนตัวหนู หนูจะลองให้หมดเลยอยู่ค่ายค่ะ เพราะว่าอะไร เพราะถึงวันหนึ่ง เราไม่ได้อยู่ค่ายแล้วใช่ไหมคะ พอเวลาเราป่วย เราก็จะเหมือนกับ อันนี้เราเคยสัมผัสมาแล้วนะ แสดงว่าครั้งต่อไปถ้าเราป่วยขึ้นมาเราก็ต้องสัมผัสไอ้สิ่งนี้ได้สิ แต่ถ้าเกิดสมมติคุณรังเกียจฉี่ตอนนี้ใช่ไหมคะ อยู่ที่นี่แล้วแบบรังเกียจ ไม่เอา ไม่เอา พอถึงยามวิกฤติป่วย ไม่เอาฉี่มันใช้ไม่ได้ พอไปพึ่งพาราปุ๊บเป็นหนักเลย ถ้าเรามาทางนี้นะเพราะแม่หนูเคยเป็น มันแบบ พอคิดเหมือนไม่มั่นใจว่ามันจะใช้ได้จริงเหรอ พอไปพึ่งพารามันก็แบบหนักเข้าไปใหญ่เลย เพราะฉะนั้นก็เลยให้คิดว่า 1-9 ลองให้หมดเลยค่ะ แล้วก็ให้ลองหรือจะลองไหม ลองหรือไม่ลองก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าอยู่บ้านไม่เคยทำ
จิตอาสา: คนไหนที่ที่บ้านลูกสาวมีปัญหาหรือว่าลูกชายมีปัญหาอยากปรึกษานะคะ ปรึกษาน้องนุ่นได้นะคะ ดีไหม
น้องนุ่น: ได้ค่ะ คุยได้ (หัวเราะ)
จิตอาสา: ได้ใช่ไหมคะ แล้วอย่างนี้นี่คิดว่าในศาสตร์ของคุณหมอนี่ เราสามารถที่จะเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้แบบจริง ๆ เลยไหม มันเป็นส่วนหนึ่งของเราเลยไหม
น้องนุ่น: นี่หนูตั้งปณิธานแล้ว หนูจะเลิกเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตเลย เอ้อ
จิตอาสา: สาธุหน่อยค่า สาธุหน่อย ดูสิ เห็นไหมมาปุ๊บนี่ดีจริง ๆ ก่อนหน้านี้นี่รับประทานเนื้อสัตว์มาก่อนใช่ไหม
น้องนุ่น: ใช่ค่ะ หนูเลิกสัตว์ใหญ่หมดแล้ว แต่อาจมีกุ้งกับปลาบ้างเล็กน้อย ใช่แต่พอมาทางนี้แบบ ไม่อยากทำบาปแล้ว
จิตอาสา: อ๋อพอมาค่ายนี้ เป็นค่ายที่คุณพ่อถีบมานะคะ
น้องนุ่น: ใช่ (หัวเราะ)
จิตอาสา: พอถีบมาเสร็จปุ๊บได้เลิกเนื้อสัตว์เลยสาธุเลยนะคะนี่
น้องนุ่น: แต่คราวนี้หนูมาด้วยใจนะ
จิตอาสา: โอเคมาด้วยใจนะคะ
น้องนุ่น: ใช่ พ่อหนูไม่ได้ถีบ พ่อบอกจะมาหรือไม่มาก็ได้
จิตอาสา: เพราะคราวที่แล้วนี่สัมภาษณ์พี่ชายนะคะ เขาเพิ่งจะรู้ความลับว่าพี่ชายรักเขามาก ซึ้งเลยใช่ไหม
น้องนุ่น: ซึ้งค่ะ ซึ้งมาก ปกติอยู่ห้างใช่ไหมคะ จะต้องเดินห่างกันเมตรนึง เพราะพี่จะคิดว่าเป็นแฟนกัน แบบไม่ได้หรอก เดี๋ยวเฮียต้องมองสาว ๆ เดี๋ยวคนอื่นเห็นเฮียแบบมีแฟนแล้ว ไม่ได้ ไม่ได้ เฮียต้องออกห่าง แล้วเวลาซื้อของอะไรก็จะต่างคนต่างซื้อ แต่พอหลังจากหมอเขียว ก็เขากลับมาตีห้าใช่ไหมคะ เขากลับมาที่บ้านกรุงเทพ มาคราวก่อนเขาก็มาตีหนู เขาก็ เออนี่ เออเป็นไงบ้างถามหนู บอกเป็นไง บอกเดี๋ยวเฮียก็เลิกสุราเมรัยทุกอย่างแล้ว หนูแบบกรี๊ดแล้วกอดพี่ค่ะ แล้วพอหลังจากนั้นก็บอกไป เดี๋ยวไปซื้ออะไรด้วยกันนะ ไปเดินห้าง ก็พี่ก็โอ้โห ประชิดคู่เลยค่ะแบบปลื้มค่ะ ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยประชิดคู่หนูเลย แล้วก็เดินปุ๊บพอหนูซื้อของมา เดี๋ยวเฮียถือให้เฮียถือให้ บ้าน่ะพี่กล้าทำอย่างนี้ด้วยเหรอ พี่รักหนูมาก หนูรักพี่มากเหมือนกัน
จิตอาสา: นั่นแน่ เดี๋ยวต้องเอาเทปไปให้พี่ดูนะคะว่าหนูก็รักพี่เหมือนกันใช่ไหม
น้องนุ่น: ไม่เคยบอกรักเลย
จิตอาสา: นะคะ โอเค อันนี้ต้องบอกว่านี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งนะคะในหลาย ๆ ตัวอย่าง วันนี้ก็ขอบคุณน้องนุ่นมาก ที่อุตส่าห์มาให้ทั้งความรู้และสาระและก็ความสนุกสนานด้วยนะ เจริญธรรมค่ะ