ดาวน์โหลดเอกสารใบสมัคพรรคสัมมาธิปไตย กดที่นี่  ดูขั้นตอนการสมัคร กดที่นี่ 

ดาวน์โหลดเอกสารลงชื่อคัดค้านกาสิโนถูกกฎหมาย และไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กดที่นี่  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ที่นี่

จักกวัตติสูตร เมื่ออกุศลแพร่หลาย

จากรายการธรรมะพาพ้นทุกข์ วันที่ 7 ตุลาคม 2565 

ใน จักกวัตติสูตร เอาตั้งแต่พระไตรปิฎกเล่มที่ 11 ข้อที่ 42  เมื่อปาณาติบาต ความสุขในการเข่นฆ่ากัน เข่นฆ่าเบียดเบียนทำร้ายถึงความแพร่หลาย มุสาวาทก็ได้ถึงความแพร่หลาย วาจาโกหกวาจาส่งเสริมกิเลส ก็ถึงความแพร่หลาย มุสาวาทเป็นความแพร่หลาย ปิสุณาวาจา วาจาส่อเสียด ยุคนทะเลาะกันก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อปิสุณาวาจาถึงความแพร่หลายกาเมสุมิจฉาจารก็ถึงความแพร่หลาย การยินดีในการผิดผัวเขาเมียใครลูกใคร หมกมุ่นเรื่องเพศมากเกินไป เสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่เป็นภัย โอ้โหก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อ กาเมสุมิจฉาจาร

ถึงความแพร่หลาย ธรรม  2 ประการ คือ ผรุสวาจา คำหยาบคำส่งเสริม และสัมผัปปลาปะ คำเพ้อเจ้อไร้สาระ ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม 2 ประการถึงความแพร่หลาย  อภิชฌา ความโลภ ความสุขที่ได้สมใจและพยาบาทความทุกข์ที่ไม่ได้สมใจทุกข์ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ที่ไม่ได้สมใจ ก็ถึงความแพร่หลาย เมื่ออภิชฌาและพยาบาทถึงความแพร่หลายมิจฉาทิฏฐิ ความเข้าใจผิด ความรู้ความเห็นความเข้าใจที่ผิด ที่ไม่ดีไม่งาม ก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อมิจฉาทิฏฐิถึงความแพร่หลาย ธรรม 3 ประการคือ อธรรมราคะ นี่แหละสุขสมใจ อธรรมที่ได้สุขสมใจ  วิสมโลภ  ได้โลภสมใจ มิจฉาธรรม ไม่รู้จักกันดีคำชั่วการไม่รู้จักสัมมาทิฏฐิ ไม่รู้จักสัมมาทิฏฐิ 10 เป็นมิจฉาทิฏฐิ 10 ก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม 3 ประการถึงความแพร่หลาย ธรรมเหล่านี้คือความไม่ปฏิบัติชอบในมารดา ไม่ปฏิบัติชอบในบิดาไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ ไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ก็ได้ถึงความแพร่หลาย มีความหมายของมารดาบิดา ของมารดาบิดาแท้ๆกับบิดามารดาทางธรรมสมณะหรือพราหมณ์หรือผู้ใหญ่ทั้งทางโลกและทางธรรมสมณะพราหมณ์ผู้ใหญ่ในทางธรรมก็คือผู้ที่ มีศีลมีธรรม เขาก็ไม่ปฏิบัติดีต่อผู้มีศีลมีธรรม แล้ว ก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรมเหล่านี้ถึงความแพร่หลาย อายุของสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อสัตว์เหล่านั้นเสื่อมถอยจากอายุบ้าง เสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง 

บุตรของมนุษย์ที่มีอายุ 250 ปีก็มีอายุถอยลงเหลือ 100 ปีฯ นี่ยุคนี้อายุประมาณน้อยกว่า 100 ปีอีก มันจะธรรมะที่ว่าอธรรม ที่ว่ามานี้มันจะแย่ลงไปอีก เดี๋ยวนี้คนก็ไม่ค่อยจะถึง 100 ปีกันแล้ว ตอนนี้ก็ต่ำกว่า 100 ปี ไปอีกแปลว่า อธรรมเหล่านี้ก็จะแรง ขึ้นไปอีก 

เล่มที่ 11 ข้อที่ 46

ดูกรภิกษุทั้งหลาย จะมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้มีบุตรอายุ 10 ปี มีลูกอายุแค่ 10 ปีเท่านั้น คนก็จะอายุสั้นลงๆ นั่นเอง ยุคนี้ก็นี่ไงเด็ก ๆ ไม่กี่ปีเท่าไหร่ก็เสียชีวิตกันแล้ว เสียชีวิตเองก็มี เป็นโรคเป็นภัย มีเหตุปัจจัยต่าง ๆ หรือถูกเข่นฆ่าทำร้าย หรือเสียชีวิตด้วยเหตุต่าง ๆ จะมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้มีบุตรอายุ 10 ปี มันก็เริ่มแล้วนี่ แหม..เด็กอนุบาลก็ถูกทำร้ายแล้วนี่.. ก็มีอายุกันเท่านี้  ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปีเด็กหญิงมีอายุ 5 ปี จะสมควรมีสามีได้ 5 ปีก็รู้จักแต่งงานกันแล้ว ไปยุ่งเรื่องเพศเรื่องอะไรหรือแม้แต่ ถูกข่มขืนถูกทำร้ายกัน เยอะแยะ เด็กก็ถูกยุให้แต่งสวย ๆ แต่งอย่างโน้นอย่างนี้กัน สารพัดเรื่อง ดูกรภิกษุทั้งหลายในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี รสเหล่านี้คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้งน้ำอ้อยหรือเกลือจากอันตรธานไปสิ้น สิ่งที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิต แง่เชิงต่าง ๆ นี้ เกลือ นี่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเหมือนกันก็ค่อย ๆ สลายไป คนก็จะไม่รู้จักกินไม่รู้จักใช้ 

ดูกรภิกษุทั้งหลายเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปีหญ้ากับแก้จะเป็นอาหารอย่างดี  พืชที่มันเกิดได้ เป็นพืชพื้นบ้าน ณ เวลานั้น ๆ ดูกรภิกษุทั้งหลายในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี กุศลธรรมบท 10 จัก อันตรธานไปหมดสิ้น อกุศลธรรมบท 10 จักเจริญรุ่งเรืองเหลือเกิน คือการผิดศีล 5 ในระดับอกุศลธรรมบถ 10 ก็คือการผิดศีล 5 ในระดับที่ชำระกิเลสได้ ส่วนกุศลธรรมบท 10 คือการปฏิบัติศีล 5 จนถึงขั้นชำระกิเลสได้ การปฏิบัติศีล 5 จนชำระกิเลสได้นี่ สลายไปเลย อกุศลธรรมบท 10 จะรุ่งเรืองเหลือเกิน ก็พากันผิดศีลชำระกิเลสกันไม่ได้ อันนี้ก็ชำระกิเลสกันไม่ได้ 

ไปดูกุศลธรรมมาบท 10 เป็นยังไง  

ตอนนี้สภาพกุศลมันเสื่อมไป มันเสื่อมไปเลยเนี่ย กุศลธรรมมาบท อ้าวมาดู… กุศลธรรมบท 10 นะ

พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 จุนทสูตร ข้อที่ 165 กุศลธรรมบท 10 คือหนทางแห่งการกระทำดี 10 อย่าง เป็นกุศลระดับโลกุตระเลยนะ ทั้งโลกียะทั้งโลกุตระเลย 

1. ปาณาติปาตา เวรมณี คือว่า ละเว้น (เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ การเบียดเบียนสัตว์) สัตว์ไม่มีทั้งตัวเราคนอื่นสัตว์อื่น ไม่ฆ่าคน ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ฆ่าตนเอง ไม่ฆ่าคนอื่น ไม่ฆ่าสัตว์อื่น รวมทั้งไม่เบียดเบียนให้เดือดร้อน 

2. อทินนาทานา เวรมณี(เว้นขาดจากการลักทรัพย์)ลักขโมย ฉ้อโกงนี้ต้องเว้นขาด 

3. กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี (เว้นขาดการประพฤติผิดในกาม)การผิดผัวเขาเมียใครลูกใคร หมกมุ่นเรื่องเพศมากเกินไปเสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่เป็นภัย ต้องเว้นขาด ไปเป็นลำดับ

4. มุสาวาทา เวรมณี (เว้นขาดคำพูดเท็จ )

5. ปิสุณาย วาจาย เวรมณี (เว้นขาดการพูดส่อเสียดยุคนทะเลาะกัน)

6. ผรุสาย เวรมณี (เว้นขาดคำหยาบคำที่ส่งเสริมกิเลส)

7. สัมผัปปลาปา เวรมณี (เว้นขาดคำเพ้อเจ้อ )ไร้สาระ คำที่ไม่มีประโยชน์  ไม่พาพ้นทุกข์  ไม่พาได้รับประโยชน์แท้ต่อชีวิต

8. อนภิชฌา(ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น)อันนี้ไม่โลภ ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น หรืออยากได้เกินความจำเป็น ต่อชีวิต 

9. อพยาบาท (ไม่มีจิตคิดร้ายผู้อื่น)ไปจนถึงจิตเลยนะเนี่ย กุศลธรรมบทนั้นไปจนถึงจิตที่ละกิเลส อภิชฌา นี่ โลภ พยาบาท นี่ โกรธ อะ แปลว่า ไม่ ก็ไม่โลกไม่โกรธ 

10. สัมมาทิฏฐิ (มีความเห็นที่ถูกตรง)มีความรู้ความเห็นที่ถูกต้องถูกตรงสู่ความพ้นทุกข์ สู่ความดีงามที่แท้จริง ก็ตรงข้ามกับมิจฉาทิฏฐิคือความหลง คือไม่โลภไม่โกรธไม่หลง คือ ลดความหลงได้ กุศลธรรมบท๑๐ คือการปฏิบัติศีล๕ ถึงขั้นลดโลภโกรธหลงได้ ถึงขั้นลดกิเลสได้ อันนี้คือกุศลธรรมบท๑๐ 

ส่วนอกุศลและธรรมบท 10 ก็นี่แหละหายไปหมดเลยกุศลธรรมบท 10  อกุศลธรรมบท 10 ก็เกิดขึ้นแทน นั่นแหละนะกุศลแล้วธรรมบท 10 ข้อทั้งหมดนี่แหละ หายไปหมด ก็เป็นเรื่องของการเบียดเบียนสัตว์ ลักขโมยฉ้อโกง คือไม่เว้นขาดแหละ สิ่งเหล่านี้ไม่มีเว้นแหละ  ทำอย่างเดียวเลยทำผิดศีลทั้งหมด ทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ ทั้งกาย ทั้งวาจาไปจนถึงใจเลย ใจที่มันโลภใจที่มันโกรธ ใจที่มันหลง นี่แหละธรรมะมันเริ่มหายไปจากชีวิต พอธรรมะนี้หายไปจากชีวิตนี้แล้ว พระพุทธเจ้าจึงใช้ชื่อว่า อกุศลกรรมบถ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี กุศลธรรมบท 10 จักอันตรธานไปหมดสิ้น อกุศลธรรมบท 10 จะรุ่งเรืองเหลือเกิน เห็นไหม อกุศลรุ่งเรืองเหลือเกิน การผิดศีล 5 เบียดเบียนทำร้าย กัน ทำให้ดีต่อกัน เพราะรถกิเลสไม่ได้ เพราะกิเลสมันโตขึ้น ๆ

ยุคนี้ก็กำลังเข้าสู่ลักษณะนี้ กำลังเข้าสู่ลักษณะนี้มากขึ้น ๆ มันหยั่งเข้าไปเรื่อย ๆ นะ ใครไม่ปฏิบัติถูกตรง ก็จะจมอยู่ในนั้น จะต้องเดือดร้อนเพราะสิ่งนั้น 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี แล้วคนทำกุศลจักมีแต่ไหน คนนี้แทบจะไม่พูดเรื่องการทำบุญทำกุศลเรื่องทำดีกันเลยนะ เอาแต่เห็นแก่ตัว เอาแต่ผิดศีล เอาแต่เสพตามที่ตัวเองต้องการ เสพสุขสมใจทุกข์ที่ไม่ได้สมใจอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีกุศลแทบที่จะไม่พูดไม่จากันเลยยังดีนะที่มีเหลือเชื่ออยู่ตอนนี้ยังพอมี แต่คนกลุ่มหนึ่งก็จะไม่เอาแล้ว ชุดใหญ่ด้วย เริ่มที่จะไม่เอาแล้ว แต่จะมีชุดหนึ่งที่เขายังเอาอยู่ตอนนี้ ตอนนี้มันยังมีกุศลอยู่บ้าง ยังมีเชื้อของกุศลธรรมบท 10 อยู่บ้าง แต่คนที่ไม่เอามีเยอะเลย ไม่เอาเยอะ ปัญหามันก็ยิ่งเยอะ นี่ก็บอก แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี แล้วคนทำกุศลจักมีแต่ไหน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี เขาจะไม่มีจิตคิดยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า นี่ภรรยาของอาจารย์  หรือว่านี่ภรรยาของท่านที่เคารพทั้งหลาย สัตว์โลกจักถึงความสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือนแพะ ไก่ สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น เนี่ย ท่านว่าเรื่องเพศมันจะมั่วกันไปหมดเลยเยอะ ในทุกวันนี้ โอ้..มั่วกันเละเทะ เยอะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เลย 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี สัตว์เหล่านั้นต่างจักเกิดความอาฆาต ความพยาบาทความคิดร้าย ความคิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน เนี่ยมันจะเกิดอันนี้ขึ้น ท่านบอกอย่างนั้น คนมันจะคิดร้ายมันจะฆ่ากันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี บิดากับบุตรก็ดี เห็นไหมนี่พ่อฆ่าลูกใช่ไหมเนี่ย คนนี้ฆ่าลูกตัวเอง ไปฆ่าคนอื่นแล้วกลับมาฆ่าลูกตัวเอง ฆ่าภรรยาตัวเอง เนี่ย.. พ่อนี่ฆ่าลูกตนเอง ฆ่าภรรยาตัวเองเลยนี่ตอนนี้ ฆ่าคนอื่นแล้วมาฆ่าคนในครอบครัวของตัวเอง  มันเริ่มเกิดขึ้นแล้ว มันจะเกิดมากกับคนเริ่มอายุ 10 ปี แต่ตอนนี้คนก็จะเริ่มที่จะอายุน้อยลง ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วนะ มันเริ่มเข้าเค้า ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แล้ว มันไม่ถึงกับอันนี้เต็มร้อยแต่มันเริ่ม มีเค้าสะสมสภาพนี้ไปเรื่อย ๆ 

คนไม่ปฏิบัติศีลธรรม ไม่ปฏิบัติกุศลที่ถูกตรงนี่ มันจะแย่ไปเรื่อย ๆ สัตว์เหล่านั้นก็คือคนนั่นแหละ   ทั้งคนทั้งสัตว์นะ  สัตว์เหล่านั้นต่างจักเกิดความอาฆาต ความพยาบาทความคิดร้าย ความคิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี บิดากับบุตรก็ดี บุตรกับบิดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี น้องหญิงกับพี่ชายก็ดี จักเกิดความอาฆาต ความพยาบาทความคิดร้าย ความคิดจะฆ่ากันอย่างแรงกล้า นายพรานเนื้อเห็นเนื้อ เนื้อนี่คือเก้งกวาง นายพรานเนื้อเก้งกวางนั่นแหละ เห็นสัตว์เห็นเนื้อเก้งกวางเข้า เห็นสัตว์เข้าเกิดความอาฆาต ความพยาบาทความคิดร้าย ความคิดจะฆ่าอย่างแรงกล้า ฉันใดฉันนั้นเหมือนกัน มันจะเป็นอย่างนี้ 

เล่มที่ 11 ข้อที่ 47 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 10 ปี จักมีสัตถันตรกัปสิ้น 7 วัน

คือฆ่ากัน 7 วัน 7 คืน เลือดนองท้องช้างเลยอันนี้โอ๊ย..อำมหิตโหดร้ายฆ่ากัน 7 วัน 7 คืน เลือดนองท้องช้างเลย  มนุษย์เหล่านั้นจักกลับได้ความสำคัญกันเองว่าเป็นเนื้อ เหมือนสัตว์เลยฆ่ากันแบบไม่ได้ปราณีปราศรัยเลย ศัสตราทั้งหลายอันคมจากปรากฏมีในมือของพวกเขา ทั้งมีดทั้งปืนทั้งอะไรก็แล้วแต่อาวุธทุกอย่าง พวกเขาจักฆ่ากันเองด้วยศัสตราอันคมนั้นด้วยความสำคัญว่า นี่เนื้อ นี่แหละเหมือนกับฆ่าสัตว์เลย ใจมันจะอำมหิตโหดร้ายกันอย่างนั้นเลย มุ่งจะฆ่ากันเลย เหมือนที่บอกฉันไม่ได้แกก็ไม่ได้ ๆ ความรู้สึกเป็นอย่างนั้นแล้วก็  โอ้โห..เห็นต่างคนต่างฆ่ากันแล้วก็เจอใครเป็นฆ่าๆ ก็หวาดเสียวกลัวคนอื่นจะฆ่า ตัวเองก็ฆ่าก่อนเลย อย่างนี้เป็นต้น 

คนเรามันจะมีจิตอย่างนั้นแหละ อาฆาตพยาบาทมันจะไม่ได้ดั่งใจหลายเรื่อง คนเรา จิตนี่มันจะไม่ได้ดั่งใจหลายเรื่อง มันอยากได้ดั่งใจมันไม่ได้ดั่งใจหลายเรื่อง ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ๆ ด้วยกัน ก็ใส่กันเละเลยทีนี้  เละเลย อยากได้จากคนนู้นคนนี้มาก ๆ โอ้โห..ฆ่ากันเลย อยากได้มาก ๆ ก็ฆ่ากันเลย อย่างนี้เป็นต้น กลัวเขาจะฆ่าตนเองก็ฆ่าเขาก่อนเลย มันจะมีสารพัดลีลาที่จะฆ่าคน หรือตัวเองไม่ได้ดั่งใจหมายในแง่นั้นเชิงนี้ ฉันไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ เอาอย่างนั้นแหละกับคนที่ไม่ลดกิเลส มันจะโหดอย่างนั้นมันจะเป็นอย่างนั้นเลย คนไม่ลดกิเลสน่ากลัวนะ พระพุทธเจ้าได้บอก อย่าไปคบคนไม่ลดกิเลส 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้น บางพวกมีความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราอย่าฆ่าใคร ๆ และใคร ๆ ก็อย่าฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ พวกเขาพากันไปตามป่าหญ้า สุุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา เหมือนเราเลยนะ โอ้..ตอนนี้เราอยู่ในซอกเขาเลยตอนนี้ พวกเราก็มาอยู่กันแบบนี้เลยนะ มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ ตลอด 7 วัน เมื่อล่วง 7 วันไป เขาพากันออกจากป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้  ระหว่างเกาะซอกเขาแล้วต่างสวมกอดกันและกัน จักขับร้องดีใจอย่างเหลือเกินในที่ประชุม ว่า สัตว์ผู้เจริญ เราพบกันแล้วท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ ๆฯ  โห…ยังไม่ตายก็ดีใจ  ดูกรภิกษุทั้งหลายลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้น จักมีความคิดอย่างนี้ว่า เราถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้เหตุเพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล เห็นไหมสมาทานยึดปฏิบัติธรรม ที่เป็นอกุศล พอพากันทำอกุศลก็แย่เลย นี่แหละทำอกุศลธรรมบท 10 ทั้งฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ฆ่าตัวเอง คนอื่น สัตว์อื่น ฆ่าสัตว์ กินสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อย่างนี้เป็นต้นนะ และก็สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง คนอื่น สัตว์อื่น อันนี้แหละรวมทั้งผิดศีลก็อื่น ๆ ไปอีก ก็ปฏิบัติอย่างนี้แหละ มีความสุขกับการทำแบบนี้ มันก็เลยแย่ ทุกข์ที่ไม่ได้ทำ สุขที่ได้ทำ ทุกข์ที่ไม่ได้ทำ สุขที่ได้ทำ โอ้โห…พอใจสุขใจที่ได้ทำผิดศีล ก็เป็นอย่างนั้น ก็ทุกข์ใจไม่ชอบใจที่ไม่ได้ผิดศีล ก็แย่ อย่ากระนั้นเลย ที่นี้นะ เราอยากไปทำอย่างนั้นเลย อย่ากระนั้นเลย เราควรทำกุศล ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นปาณาติบาต ก็เริ่มต้นจากงดเว้นปาณาติบาต งดเว้นจากการเข่นฆ่าเบียดเบียน ทำร้ายกัน สร้างความเดือดร้อนทุกข์ทรมาน ให้แก่กันและกัน นี่แหละ งดเว้นการฆ่าสัตว์ งดเว้นการกินสัตว์ การฆ่าสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ก็ละเลิกการฆ่าสัตว์ ลดละเลิกการกินสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ไปเป็นลำดับ ลดละเลิก  พฤติกรรมที่มันสร้างความเดือดร้อน เลวร้ายให้กับตนเอง คนอื่น สัตว์อื่น ไปเป็นลำดับ ควรสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้วประพฤติเขาจักงดเว้นจากปาณาติบาต จักสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม เขาจักเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง อายุก็ยืนขึ้น วรรณะความแข็งแรงมีคุณค่าผาสุก เป็นวรรณะ ๙ เป็นความแข็งแรงมีคุณค่าและผาสุกก็จะเจริญขึ้น แล้วเขาก็จะเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง  บุตรของมนุษย์ทั้งหลายที่มีอายุ 10 ปีจักมีอายุเจริญขึ้นถึง 20 ปี เห็นไหม คนก็จะมีอายุเจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นสัตว์เหล่านั้น จักมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเจริญด้วยอายุบ้าง

เจริญด้วยวรรณะบ้าง รุ่งเรืองเหลือเกิน

เราเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง มีศีลมีธรรม  โอ้มันอายุยืนเนาะ  มันแข็งแรงมีคุณค่า มันผาสุกเนาะ ปฏิบัติศีลธรรมเนี่ยมันดี โอ้เป็นไง เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม เพราะเราปฏิบัติกุศลธรรมที่มันถูกต้องนี่เอง อย่ากระนั้นเลยเราทำกุศลยิ่งๆ ขึ้นไป ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นจากอทินนาทาน ควรงดเว้นจากอทินนาทาน การลักขโมย ฉ้อโกง ไม่ฆ่าสัตว์ ลดละเลิกการกินสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ลดละเลิกการสร้างความเดือดร้อน เลวร้ายให้กับตัวเอง คนอื่น สัตว์อื่น แล้วมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่กันและกันแล้ว ก็งดเว้นจากอทินนาทาน การลักขโมยฉ้อโกง ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร การผิดผัวเขาเมียใคร ลูกใคร การหมกมุ่นเรื่องเพศมากเกินไป การเสพรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่เป็นภัย ก็งดเว้นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มาเสพที่เป็นประโยชน์แทน ควรงดเว้นจากปิสุณาวาจา การส่อเสียด ก็ต้องงดเว้นวาจาที่ส่อเสียดยุคนทะเลาะกัน ควรงดเว้นจากผรุสวาจา วาจาหยาบ ส่งเสริมกิเลส ควรงดเว้นจากสัมผัปปปลาปะ คำเพ้อเจ้อไร้สาระ ควรละอภิชฌา ความโลภ ควรละพยาบาท ความโกรธ ควรละมิจฉาทิฐิ เข้าไปสู่สัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิความหลงผิด 10 ข้อ ไปสู่สัมมาทิฏฐิอีก 10 ข้อ ควรละธรรม 3 ประการคือ อธรรมราคะ การเสพสุขสมใจในรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส วิสมโลภ ความโลภ มิจฉาธรรม ความหลง ความหลง 10 ประการ อย่ากระนั้นเลยเราควรปฏิบัติชอบในมารดา ควรปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติให้ถูกต้องถูกตรง เพื่อที่จะให้เกิดความพ้นทุกข์ขึ้น ในพ่อแม่แท้ ๆ เท่าที่ทำได้ไปจนถึงพ่อแม่ทางธรรม ก็ปฏิบัติให้ถูกตรง ในพ่อแม่ทางธรรมด้วย ควรปฏิบัติชอบในสมณะ ควรปฏิบัติชอบในพราหมณ์ คือนักบวชหรือฆราวาสที่รู้ทางพ้นทุกข์ ควรประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ก็ทั้งผู้ใหญ่ในตระกูลโลกียะ ทั้งตระกูลโลกุตระ ตระกูลพุทธะก็คือผู้ที่ท่านบำเพ็ญคุณงามความดี บำเพ็ญพึ่งตนและช่วยคนให้พ้นทุกข์มามาก ควรสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ จริง ๆ ก็อ่อนน้อมต่อท่านก็คือเชื่อฟังคำสอนของท่านนั่นเอง เรียนรู้และก็เชื่อฟังคำสอนของท่าน ควรสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เขาเหล่านั้นจักประพฤติชอบในมารดา ประพฤติชอบในบิดา ประพฤติชอบในสมณะ ประพฤติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล จักสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุสมาทานกุศลธรรมเหล่านั้น เขาเหล่านั้นจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อเขาเหล่านั้นเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง คืออายุยืนขึ้น ความแข็งแรง มีคุณค่า และผาสุกก็มากขึ้นแข็งแรงขึ้น ร่างกายก็แข็งแรง มีคุณค่าก็เป็นประโยชน์ต่อตนเองต่อผู้อื่นแล้ว ความผาสุกของตัวเองก็พ้นทุกข์   ได้สุขแม้จะได้สมใจหรือไม่ได้สนใจตัวเองก็เป็นสุขได้อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นคุณสมบัติในวรรณะ 9 เจริญด้วยวรรณะบ้าง ความแข็งแรงมีคุณค่าผาสุก บุตรของคนผู้มีอายุ 20 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง 40 ปี จาก 40 ปีก็เป็น 80 ปี 80 ปีเป็น 160 ปี 160 ปีเป็น 320 ปี 320 ปีเป็น 640 ปี 640 ปีก็ขึ้นเป็น 2,000 ปี 2,000 ก็เป็น 4,000 4,000 ก็เป็น 8,000 บาท 8,000 ก็เป็น 20,000 20,000 ก็เป็น 40,000 40,000 ก็เป็น 80,000 โห 80,000 ปีเลย อย่างนี้เป็นต้น คนก็อายุยืนขึ้นมา 

เล่มที่ 11 ข้อที่ 48

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี เด็กหญิงมีอายุ 500 ปี จึงจักสมควรมีสามีได้ เนี่ยก็ไปแต่งงานกันตอนอายุ 500 ปีโน่น ไม่ใช่ทุกวันนี้ไม่กี่ปีก็แต่งงานแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี จักเกิดมีอาพาธ 3 อย่าง 80,000 ปีก็จะป่วยอยู่แค่ 3 อย่างคือความอยากกิน 1 ความไม่อยากกิน 1 ความแก่ 1 แก่ก็แก่ช้านะไม่ใช่แก่เร็ว แก่ช้า 80,000 ปีกว่าจะแก่ เหลือแต่ความอยากกินไม่อยากกินเท่านั้นน่ะ มันมีความอยากกินไม่อยากกินคือเหลือเศษกิเลสน้อยนึง บางอันชอบก็อยากกิน บางอันไม่ชอบก็ไม่อยากกิน มันมีกิเลสน้อย ๆ ไม่ใช่กิเลสแรง ๆด้วยนะ เป็นกิเลสน้อยๆ ความเจ็บป่วยก็มีแต่ความเจ็บป่วยใจเท่านั้นน่ะ ที่นี่น่ะอยากกินไม่อยากกิน แก่ก็แก่ช้าอีกต่างหาก ก็เหลืออยู่เท่านี้โรคต่าง ๆ หายหมดเลยอย่างนี้เป็นต้น ก็เป็นอยู่อย่างนี้ กี่ล้านปีก็ไม่รู้ หลายล้านปี ก็เป็นอย่างนั้น 

นี่แหละเขาพากันปฏิบัติกุศลธรรมก็จะเกิดทั้งแข็งแรงอายุยืน อยู่เย็นเป็นสุขกัน มีคุณค่าผาสุก กัน อย่างนี้เป็นต้นเป็นต้น ก็เหมือนกับเราตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่า ทางโลกเขาไปกันอย่างเดียวเลยเขามีแต่จะไปเสพสุขสมใจ ในการผิดศีลในแง่เชิงต่างๆ เราก็ไม่เอาด้วยแล้ว ไปผิดศีล อยากได้สุขสมใจทุกข์ที่ไม่ได้สนใจนี่แหละ ผิดศีล แต่เราก็ยังปฏิบัติถูกศีล กำจัดสุขสมใจ ทุกข์ที่ไม่ได้สมใจออกไป ไปสู่สุขที่ไม่ได้สมใจ เราก็ไปตรงนี้ของเรา ที่ไม่ได้สมใจแล้วก็ตัดพฤติกรรมชั่วเลวร้ายออกไปด้วยความสุขใจ ทำพฤติกรรมดี ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง คนอื่น สัตว์อื่นด้วยความสุขใจ ทำได้ก็สุขใจ ทำไม่ได้ก็สุขใจ ทำได้ก็สุขใจที่เป็นกุศลให้ได้อาศัย ทำไม่ได้ก็สุขใจเพราะเราไม่ได้ติดสุขสมใจ ทุกข์ที่ไม่ได้สมใจ 

เราไปเอาสุขที่ไม่ได้สมใจให้ได้ เพราะเรารู้สุขสมใจ ไม่เที่ยง ไม่มีจริง มันเป็นทุกข์ตลอดกาล เราก็ไม่เอา เราก็มีสุขที่ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ได้สมใจก็ได้ แล้วก็ถือว่าได้ชดใช้วิบากด้วย รับเท่าไหร่หมดเท่านั้น มีวิบากร้ายเข้ามา เลี่ยงไม่ออกมันต้องรับสภาพเลวร้าย ก็รู้ความจริงรับเท่าไหร่หมดเท่านั้นอย่างนี้เป็นต้น ดียิ่งออกฤทธิ์ได้มาก ให้ได้อาศัยก่อนที่ทุกอย่างจะดับไป แล้วก็ผ่องใสไร้กังวลอย่างนี้เป็นต้น นี่เราก็ปฏิบัติแบบนี้กันชีวิตเราก็มีความสุข แล้วก็นี่แหละเราก็มาอยู่ในสุมทุม ป่าไม้ ซอกเขา ตอนนี้ก็ตรงกับพระไตรปิฎกเลยนะเนี่ย เรามาอยู่ก่อนเลยนะเนี่ย มาอยู่ก่อนแล้วทำไมมาอยู่ก่อนละเนี่ย เหตุปัจจัย จัดเราให้มาอยู่เลยนะเนี่ย เขาพากันเข้าไปตามป่าหญ้าสมทุมป่าไม้ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ ตลอด 7 วัน ของเราหลายปีแล้ว 2 ปีกว่าๆ ตั้งแต่ญาติธรรมมาก็ 30 กว่าปีแล้ว เราก็มาสืบเนื่องกันไปอีกอย่างนี้เป็นต้น ก็อยู่ซ้อมไว้ไง จะพามาซ้อมไว้ จริง ๆ อย่างเราอยู่ภูผาฟ้าน้ำนี่ เข้ากับพระไตรปิฎกเป๊ะเลยตอนนี้นะ เข้ากันเป๊ะเลยนะ อยู่ตามซอกเขา แล้วก็มีความอุดมสมบูรณ์ เรามาจัดสรรให้ดีมีน้ำ มีอากาศดี มีน้ำดี มีอาหารดี มีดินดี มีองค์ประกอบดี ๆ ให้เราได้อาศัย มีความมั่นคงอยู่ในนี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งสุขที่ได้ดั่งใจ มาเอาสุขที่ไม่ได้ดั่งใจ

ทิ้งสุขที่ได้ดั่งใจ มาเอาสุขที่ไม่ได้ดั่งใจ

https://youtu.be/VEdGDffwsGI อาจารย์ประทับใจพระพุทธเจ้า ชอบใจมากเลยธรรมะของพระองค์ท่านเนี่ยนะ ท่านตรัสไว้ ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ ข้อที่...