2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.29 |
ชื่อ | นางประภาวัลย์ เล็กประสมวงค์ |
เพศ | หญิง |
อายุ | 55 ปี |
จังหวัด | ปทุมธานี |
โรค | โรคภูมิแพ้อากาศ |
วันสัมภาษณ์ | 2 มีนาคม 2558 |
เกิดวันที่ 17 พฤศจิกายน 2503 ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และมาอาศัยที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เดิมมีอาชีพอิสระ (ขายประกัน) ผู้จัดการฝ่ายขาย
เมื่อปี 2526 ได้ป่วยเป็นวัณโรคปอดทีบีที่ปอด สาเหตุมาจากการทำงานเป็นเสมียนที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์
อาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้รุม ๆ ตลอด ช่วงบ่าย ๆ ไอเป็นเลือดไอแห้ง ๆ เจ็บหน้าอก ไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก โดยได้ใช้วิธีฉีดยาเข้าที่สะโพกทุกวันเป็นเวลาหกเดือน ผลเชื้อที่ปอดหายไป อาการปกติ ปัจจุบันจึงมีอาการภูมิแพ้ อากาศเวลาอากาศเปลี่ยน ถ้าปรับไม่ทันจะมีไข้รุม ๆ อยู่บ่อย ๆ
ในปีพ.ศ. 2546 ได้ตรวจพบว่าเป็นความดันสูงเนื่องจากทานอาหารรสจัด เครียดกับการทำงาน พักผ่อนน้อยทำให้ความดันขึ้นถึง 180 หมอบอกว่าอันตรายมาก ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้เส้นเลือดสมองแตกได้ ผลอาจเป็นอัมพาตได้ จึงจัดยามาให้กิน แต่ไม่กิน ใช้วิธีดูแลเรื่องอาหาร หันมากินเจแต่ยังไม่เข้าใจมากพอ ตรวจพบว่าเป็นไขมันในเลือดสูง เพราะชอบกินของทอด สาหร่ายทอด ขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ประมาณ พ.ศ. 2546 พบก้อนเนื้อที่รังไข่ด้านขวาโต 5 เซนติเมตร ปล่อยทิ้งไว้ประมาณสองปี ตรวจโตขึ้น10 เซ็นติเมตร หมอนัดผ่ากรกฎาคม 2548 ก่อนผ่าตรวจพบรังไข่ด้านซ้ายมีก้อนเนื้อประมาณ 2 เซนติเมตร และพบตับขาวซีดมาก แนะนำให้ผ่าตัดรังไข่ทั้งสองข้างออก ส่วนตับซีดไม่ได้แนะนำอะไรและหมอแถมตัดไส้ติ่งออกให้อีกด้วย หมอจัดยาฮอร์โมนให้แต่ไม่กินเพราะกลัวมะเร็งเต้านมต่อมา หลังผ่าตัดรังไข่ประมาณ สี่เดือนมีอาการใจสั่นและวูบไปมารู้สึกตัวว่าสลบไปประมาณสี่โมงเย็นเริ่มอาการตั้งแต่เที่ยง
หลังรู้สึกตัวก็มีอาการมึนหัวมาตลอด ความจำเริ่มเสื่อม มีอาการเหนื่อยบ่อย ๆ การเต้นของหัวใจไม่ปกติ เวลาเหนื่อยหายใจไม่สะดวก จึงเริ่มหันมาดูแลด้านอาหามาเริ่มกินอาหารเจแบบไม่มีเนื้อสัตว์ รู้สึกว่าดีขึ้นมาเรื่อย ๆ จนลูกชายเกิดอุบัติเหตุต้องผ่าตัดสมอง จึงต้องพักงานขายประกันมาดูแลเป็นเวลาสองปี ร่างกายไม่ค่อยได้พักผ่อนทำให้มีสภาวะปวดแข็งตึงชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มีไข้ไอเจ็บคอกินยาหายสองสามวันเป็นอีก ดูอาการแล้วไม่ดีขึ้น ยาแค่กดประสาทเราเท่านั้น จึงหาวิธีที่จะไม่กินยา ได้เปิดเว็ปค้นหาแพทย์ทางเลือกขึ้นได้พบคำว่าหมอเขียว จึงได้โทรศัพท์สอบถามเพื่อขอเข้าเรียนรู้ ประมาณสิงหาคมที่มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นงานรวมพลคนรักสุขภาพครั้งที่ 1 เดือนต่อมาจึงสมัครเข้าค่ายสุขภาพที่สวนป่านาบุญดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ทางค่ายให้จิตอาสาดูแลโดยให้สมุนไพรที่ชื่อว่า สี่คูณร้อยมีผงถ่านน้ำสกัดย่านาง น้ำมันเขียวมรกตและยาพระพุทธเจ้าโ (ฉี่ใครก็ได้) ตอนเป็นไข้ คิดว่าถ้าไม่ดีขึ้นก็จะกลับบ้านตอนเช้า แต่พอเช้ารุ่งขึ้นอาการเราหายไปหมดเลย อาการปวดเมื่อยเนื้อตัวหายไป ไอเจ็บคอหาย มีอาการไอเล็กน้อยบ้างบางครั้ง ปวดแข็งตึงชาทั้งตัวหายไป ขาที่ตึงจนก้าวเดินไม่ออกหายไปน่าอัศจรรย์ใจมาก ๆ พอกลับไปบ้านจากที่ไม่เคยก้าวขึ้นบันได ก็สามารถขึ้นสะพานลอยได้โดยไม่ปวดเมื่อย ทำให้เราได้รู้ว่าการดูแลสุขภาพ แบบธรรมชาตินี้เป็นการรักษาที่ดีและวิเศษสุด ๆ
เดือนต่อมาจึงตัดสินใจมาเรียนรู้เพิ่มเติมในค่าย ได้มาใช้ชีวิตเรียบง่ายพึ่งตนเอง โดยใช้หลักแพทย์วิถีธรรม ยาเก้าเม็ดทุดเม็ด ดูแลต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 จนกระทั่งมาเข้าค่ายแฟนพันธุ์แท้ ค่ายพระไตรปิฏก ฝึกกินอาหารมื้อเดียว ปฏิบัติธรรมเดินจาริก 23 กิโลเมตรจากอุ่มเหม้าถึงพระธาตุพนม ต่อด้วยการบำเพ็ญธรรมที่ราชธานีอโศก ผลที่ได้รับเกินคาด น้ำหนักตัวเหลือ 84 กิโลกรัม (หลังคลอดลูกชายน้ำหนัก 96 กิโลกรัม ลดได้เต็มที่เหลือ 86 กิโลกรัม โดยใช้เวลายี่สิบปีแล้วก็ไม่ลงกว่านี้) แต่พอมาปฏิบัติตัวตามหลักแพทย์วิถีธรรมน้ำหนักตัวลดลง 24 กิโลกรัมภายในสามเดือน คือเดือนธันวาคมเดินจาริกไปบ้านราชฯ ต่อด้วยงานตลาดอาริยะ จนถึงเดือนมีนาคม 2556 รู้สึกดีมาก ๆ ตัวเบาสบายน้ำหนักลดเหลือ 60 กิโลกรัม ต่อมาปลายเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่มะม่วงกำลังดก กินมะม่วงสุกมากเกิน บวกกับสภาวะร้อนจากการเดินทางไกล ทำให้เกิดแผลพุพอง เอาฉี่แช่ก็แล้ว ผงฝาดพอกก็แล้ว พิษก็ยังออกมาอีกมากมายแผลพุพองเต็มขาทั้งสองข้าง เดินไม่ได้ต้องนั่งแล้วคลาน ทำงานไม่ได้เป็นเวลาสามเดือน ดื่มฉี่ตลอด ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นตลอด ทานอาหารปรับสมดุล ดีท็อกซ์วันละหลาย ๆ ครั้ง (3 ครั้งขึ้นไป) แผลเริ่มหายเร็วมากแต่พอเราเร่งผล คืออยากให้หายก็หาวิธีการใครแนะนำอะไรก็ทำยิ่งทำให้หายยากขึ้น จนเราเกิดความเบื่อ รำคาญ ปล่อยวาง หายก็ได้ไม่หายก็ได้ เบื่อที่จะดูแลแล้ว ปรากฎว่า ปากแผลที่เปิดมานานหลายเดือนเริ่มปิดสนิทแห้งและหายไปเองโดยที่เราไม่ได้ใส่ใจมากเหมือนเมื่อก่อน หลังจากปากแผลปิดสนิทดีแล้ว ก็ยังดูแลด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรมต่ออีกจนหายเป็นปกติ มาสังเกตดูว่าเนื้อเยื่อพังผืดที่ปิดตาดำด้านขวาได้หายไปจากการหยอดตาด้วยน้ำสกัด ซึ่งเมื่อก่อนพังผืดที่ปิดตาดำข้างขวานี้เป็นมานานหลายปีแล้ว เวลาโดนลมเข้าตาหรือแอร์ในรถ เวลาขับรถตาจะแดงเส้นเลือดจะแดง พอได้ใช้น้ำสกัดหยอดตาพังผืดหายไป หยอดหูการได้ยินของหูที่อื้อก็หายไปด้วยวิเศษมากเลยน้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น จากการดื่มน้ำย่านางสม่ำเสมอ ในย่านางมีแคลเซี่ยมสูงมาก ดูได้จากเล็บหัวแม่เท้าทั้งสองด้าน ซึ่งแต่ก่อนเล็บเป็นสีเขียวออกดำเป็นคลื่นแตกเป็นล่องฉีกออกจากหนัง และเล็บหัวแม่มือทั้งสองข้าง
ก็ออกดำและแตกเล็กน้อยจากสภาวะกระดูกพรุน โดยวัดจากเครื่องวัดมวลกระดูกปัจจุบันหายดีเป็นปกติดี เนื้อเล็บตื้นขึ้นเต็มสีเล็บออกเป็นชมพู
การดูแลด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรมของดิฉันจึงนับว่าเป็นผลดีอย่างมาก ที่ค้นพบโดยอาจารย์ใจเพชร กล้าจน ผู้ที่ทำความเพียรที่ตนและช่วยผองชนให้พ้นทุกข์ได้ ขออนุโมทนาสาธุกับท่านอาจารย์และทีมงานแพทย์วิถีธรรมทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
การปฎิบัติตัวด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรม ยา 9 เม็ด
1. ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นทุกวัน และเวลาท้องว่าง
2. กัวซาตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า ตามแต่โอกาสที่มี
3. สวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นและปัสสาวะทุกวันตามเวลาเหมาะสม
4. แช่มือแช่เท้าและส่วนที่ไม่สบาย ปวดหลังบ่อย ๆ (ขับรถนาน ๆ) แช่สะโพกดีมาก ๆ
5. พอกหน้าด้วยผงพอกผสมถ่านนำสมุนไพรเย็นผสมด้วยกากสมุนไพรเย็นตามบริเวณที่ไม่สบาย
6. โยคะ กดจุดลมปราณหลังตื่นนอนตอนเช้าและเข้านอน (ก่อนสามทุ่ม)
7. กินอาหารปรับสมดุลตามลำดับตามอาการร้อนเย็นหรือร้อนเย็นพันกัน คือน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด ผลไม้สด ผักสด และอาหารผ่านไฟ
8. ใช้ธรรมลดละกิเลส ผ่อนคลายเบาสบาย ไม่กังวล ไม่เร่งผล ไม่กลัวตาย ไม่กลัวโรค
9. เพียรให้หนักพักให้พอ พอดีกับร่างกาย อย่าหนักจนป่วยไม่เบาจนเกียจคร้าน