1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.53 |
ชื่อ | กระท้อน (นามสมมติ) |
เพศ | หญิง |
อายุ | 55 |
โรค | โรคมะเร็ง |
ปัจจุบันเป็นแม่บ้านดูแลหลานพักอยู่กับสามี และบุตรสาวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ปัจจุบันมีอาการปวดกระดูกขา เท้าชาพบแพทย์ประจำอยู่เสมอ ในครอบครัวเคยมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้อยู่แต่เป็นระยะต้น ๆ ผู้ให้ข้อมูลได้ผ่าตัดมาได้ครบ 3 ปีแล้ว
ข้อมูลการเจ็บป่วยการรักษาและการดูแลสุขภาพตนเองหลังการผ่าตัด
ครั้งแรกได้มาทำการตรวจที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อาการเริ่มจากความผิดปกติคือท้องผูกจริง ๆ แล้วตนเองเป็นคนท้องผูกมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนมาโตเป็นสาวอายุ 20 กว่าก็ยังท้องผูกอยู่ก็ไม่คิดว่าผิดปกติใด ๆ นั่งทำงาน 4-5 วันก็จะถ่ายอุจจาระซักทีหนึ่งพออายุ 40 ปี เริ่มผิดปกติไปอบรมเริ่มปวดกระดูกและหลังถ่ายก็ไม่ออกเริ่มมาใช้ยาสวน เพื่อจะได้ขับถ่ายออกไปบ้างหลายวันเข้าเริ่มเจ็บกระดูกมากขึ้น ไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์เขาตรวจเช็คและบอกว่าเป็นมะเร็ง บอกแพทย์ว่าขอไม่ผ่าตัด แต่ได้เดินทางไปที่จุฬา ตรวจก็ไม่เจอเวลาผ่านไปในปี พ.ศ.2554 หมอทำการตรวจว่าเป็นมะเร็งแน่ต้องทำการผ่าตัด เพราะมีติ่งเนื้อและมีเลือดออกมาก จึงตัดสินใจทำประวัติขอย้ายไปที่โรงพยาบาลรามา ทางโรงพยาบาลนัดผ่าตัดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 หมอบอกว่าเป็นระยะที่ 3 ได้มีการฉีดคีโมและฉายแสงจนครบหมด พอต้นปี 2557 มาตรวจเลือด ซึ่งปกติจะตรวจทุกเดือน
แต่ต่อมา 3 เดือนครั้งได้ตรวจพบว่าค่าเลือดขึ้นสูง อยู่ที่ 5 และทำการตรวจด้วยเครื่องมือทุกวิธีทางก็ไม่เจอ จากนั้นหมอนัดมาตรวจเลือดอีก ตอนนี้ค่าเลือดสูงขึ้นไป เป็น 25.8 และต่อมาได้ตรวจพบจุดเล็ก ๆ ที่ตับและปอด หมอปอดมาตรวจก็ว่าไม่มีอะไรแต่หมอได้นัดมาสแกนเมื่อปลายเดือนกันยายน ปี 2557 ซึ่งเริ่มมีอาการชาที่ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้าง หมอกระดูกให้ยามากินพอบรรเทาแต่ไม่หายและยังคงชามาจนถึงทุกวันนี้ มีอาการเหมือนเหนื่อย มีอาการชาทั้งกลางวันและกลางคืนแต่ดูแลตัวเองได้ เดินนั่งได้ดูแลกิจวัตรประจำวัน ทำความสะอาดถุงรองรับอุจจาระประจำถุง จะเปลี่ยนทุกสัปดาห์จะใช้แบบแปะติดที่ท้องได้เลยไม่มีแป้นรองรับมันง่าย และสะดวกช่วงผ่าตัดใหม่ ๆ ไม่ชินกับถุง ไม่ถนัดจะตะแคง ก็ไม่ได้บังเอิญที่ที่บ้านมีคนเคยเป็นอยู่ ผ่าตัดมาก่อนเรา เป็นน้อยกว่า และเป็นระยะต้น ๆ
ซึ่งหลัง 4-5 เดือนไปแล้วค่อยเริ่มดีขึ้นเราทำใจได้ เพราะได้ปฏิบัติธรรมไปด้วยช่วงแรกจะอยู่บ้านแม่ เวลาไปวัดก็จะไปกับเขาแต่ช่วงหลัง มีอาการชาที่เท้าก็จะไปน้อยลงซึ่งตนเองทำใจได้ยอมรับความจริงจะเป็นอะไรก็เป็น จะอยู่อย่างเรียบง่ายการกินอาหารถ้าไม่ทานของสแลงที่จะทำให้ท้องเสีย หรือของหมักดองจะไม่มีปัญหาเลยการขับถ่ายจะเป็นเวลา ตื่นมาถ่ายเช้าทีหนึ่ง ช่วงกลางวันก็อีกทีหนึ่ง การรับประทานอาหารจะเน้นผักผลไม้ ผักจะเป็นผักบ้านเราเราปลูกเอง แต่ช่วงหลังต้องลี้ยงหลานไม่ค่อยได้ปลูกเพิ่ม แต่ยังเน้นผักผลไม้อยู่เมื่อสมัยก่อนชอบทานฝรั่งมาก เวลาอุจจาระออกมา เหนียวมาก ต้องเอาไม้ช่วยเขี่ยออกฝรั่งกินมากท้องผูก และตอนนั้นตัวเองมีพยาธิด้วยรังเกียจพยาธิเลยไม่ค่อยอยากถ่าย อายคนเรื่องพยาธิ ส่วนผลไม้อื่น ๆ ไม่ค่อยได้ทานสมัยก่อนผลไม้สุกที่ย่อยง่ายไม่ค่อยทาน และน้ำก็ไม่ค่อยดื่มจะดื่มน้ำตอนกินข้าวเท่านั้น แต่ตอนนี้ดื่มน้ำสมุนไพรเป็นประจำ เช่น ใบย่านาง ใบเตย ถ้าไม่ทำเองก็ไปซื้อแต่ไม่ให้ใส่น้ำตาลไม่ชอบดื่มน้ำอัดลมชา กาแฟจะไม่กินอาหารรสจัดเนื้อสัตว์ก็ไม่ค่อยได้รับประทานแต่จะคงมีปลากุ้ง บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ และเป็นคนรับประทานอาหารเร็ว เคี้ยวข้าวไม่ละเอียด จะรีบกลืนอาหาร ซึ่งพยายามจะเคี้ยวให้ช้าลง
ชีวิตประจำวันต้องดูแลหลาน แต่มีเวลาได้มาเดินออกกำลังกายรอบ ๆ บ้านเดินแกว่งแขน หรือ ขี่จักรยานไปตลาดบางทีก็ไปอบตัวที่วัดโยธาประสิทธ์ เพราะสมัยก่อนเคยอบเองเวลาไม่สบายก็จะใส่ขมิ้น ไพล ใบมะขามใบมะยม หัวหอม เท่าที่มีช่วงที่ไม่สบายเป็นโรคเกิดวิกฤติ ลูกสาวท้อง ได้ 5 เดือนไม่รู้จักว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหมือนโดนหลอก โดนยาลูกไม่กล้าบอกแม่ เพราะเห็นแม่ไม่สบายได้ถามลูกว่าเอาสามีไหม ถ้าไม่เราจะเลี้ยงหลานเองตอนนี้หลานอายุ 2 ขวบแล้ว ในตอนนั้นทั้งลูกและสามีเสียใจร้องไห้ เราเห็นคนอื่นเซ แล้วเราจะเซอีกคนก็จบกันจะปล่อยเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ปัญหาเกิดมาแล้วก็ให้ผ่านไป เชื่อว่าเป็นกรรมที่มาทดสอบจิตใจ คิดดูคนจากสระบุรีเดินทางมาถึงที่นี้ มาทำลายดีจะได้หมดทุกข์ไปพร้อม ๆ กันรับกรรมไปแล้วและก็อโหสิกรรมให้ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร ทำใจให้เป็นสุขได้ ปกติชอบสวดมนต์ประจำ และตนเองเป็นคนเปิดเผย มีปัญหาส่วนตัวก็จะเล่าอย่างเรื่องลูกสาวจะบอกความจริงตอนนี้ลูกสาวเรียนจบเพื่อนก็ให้กำลังใจ ลูกเราเป็นคนคิดดีไม่เคยคิดเอาลูกออก เราเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นอะไรที่เกิดขึ้นต้องยอมรับ จะปฏิเสธไม่จริงไม่ได้ จะไม่อาย จะมีเพื่อนส่งยาดี ๆ มาให้ หรือโทรถามอาการอยู่ประจำตอนไปปฏิบัติธรรม บางคนไม่รู้เลยว่าเราป่วยแต่ถ้ารู้ว่าป่วยก็จะช่วยเหลืออย่างดีจึงไม่คิดว่าเป็นปมด้อยแต่อย่างใด พอใจในสิ่งที่ตนมี ยอมรับความจริงตัวเองปฏิบัติธรรมทำให้สบายใจเป็นสุขเชื่อพระพุทธเจ้าทำดี จะทำให้ทุกข์ลดน้อยลง