คุณทิวากร ชุมจืด มาจากจังหวัดตรังเป็น จิตอาสาแพทย์วิถีธรรม สังกัดสวนป่านาบุญ2 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้เริ่มรู้จักแพทย์วิถีธรรมตั้งแต่ปี 2556 ในเรื่องน้ำปัสสาวะนั้นเคยได้ยินมาก่อนจากการบวชเรียนว่าน้ำปัสสาวะเป็นยา เชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ มูตร คูต เน่า น้ำปัสสาวะเป็นยารักษาโรค แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไร เลยยังไม่ได้ทดลองใช้
ต่อมาหลังจากในค่ายสุขภาพฯ ได้พบอาจารย์ หมอเขียว (ดร.ใจเพชร กล้าจน) และทีมงานจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม ได้พูดถึงประโยชน์ของน้ำปัสสาวะ และได้มีการแชร์ประสบการณ์การใช้น้ำปัสสาวะในวงเสวนา ทำให้รู้ว่า เมื่อมีคนพาทำและใช้ได้ผลดี ซึ่งอะไรที่ดีและมีแนวโน้มว่าดีมากกว่าเสีย ได้ประโยชน์ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ จึงตัดสินใจทดสอบใช้ในการดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยมีอาการเจ็บป่วย แต่โดยส่วนตัวใช้น้ำปัสสาวะร่วมกับการใช้ศาสตร์แพทย์วิถีธรรมคือการปรับสมดุลร่างกายด้วยเทคนิค 9 ข้อ
อีกประสบการณ์การใช้น้ำปัสสาวะกับแผลสด น้ำปัสสาวะจะช่วยทำให้แผลปิดเร็ว หายเร็ว ส่วนแผลผื่นคัน ส่วนตัวเคยเป็นแผลผื่นคันที่คอ ซึ่งเกิดจากสภาวะร้อนเกิน มีบวมและคันบริเวณนั้น ก็ได้ทดลองใช้น้ำมันเขียว ก็ดีขึ้น แต่ยังไม่หายสนิท เลยทดลองใช้ปัสสาวะ ผลปรากฏว่า แผลไม่คัน ยุบลงและดีขึ้น
ปัจจุบัน ใช้น้ำปัสสาวะ ในการอาบ ทา เช็ด ถู หยอดหู หยอดตาและกิน เป็นประจำ เนื่องจากดูกิจวัตรของอาจารย์หมอ (ดร.ใจเพชร กล้าจน) ถ้ามีคำถามก็จะถามท่าน ครั้งหนึ่งที่บ้านราช (บวรสถานราชธานีอโศก จังหวัดอุบลราชธานี) ช่วงมีงานประจำปี น้ำขาดแคลน อาจารย์หมอก็ใช้น้ำปัสสาวะร่วมกับผงถ่านในการแปรงฟัน ส่วนการหยอดหู หยอดตา ก็เห็นอาจารย์ใช้ ก็ได้ทดลองใช้ก็รู้ว่ามันดีขึ้น จริง มันช่วยปรับสมดุลจากอาการร้อนเกินของเราได้จริง
เคยไปค่ายสุขภาพฯที่ จังหวัดอุดรธานี มีการเสวนาเรื่องน้ำปัสสาวะ ข้อมูลที่ได้นั้นเยอะมาก มีผู้ที่ทดลองใช้แล้วผลชัดเจน มีข้อมูลแลกเปลี่ยนเยอะ ตัวอย่าง มีผู้มาแชร์ประสบการณ์ว่าลูกสาวเป็นมะเร็งและตนเองได้แอบใส่น้ำปัสสาวะให้ลูกสาวทาน หลังจากไปตรวจพบว่าค่ามะเร็งลดลง, บางคนนำน้ำปัสสาวะไปใส่ผม ปรากฏผมดีขึ้น จึงคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ โดยส่วนตัวก็ได้ศึกษาด้วยว่าในน้ำปัสสาวะมีสารอะไรบ้าง ต้องการรู้ให้จริงว่ามันมีประโยชน์และโทษอย่างไร แล้วจึงทดสอบด้วยตัวเอง ปรากฏพบว่าน้ำปัสสาวะเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย จากตัวเราและมันเหมาะกับตัวเราและช่วยแก้อาการและรักษาอาการต่างๆ โดยส่วนตัวไม่มีโรคประจำตัว มีแต่อาการปวดเมื่อยต่างๆ
เริ่มใช้จริงๆตั้งแต่ปลายปี2556 นับตั้งแต่ฟังอาจารย์หมอพูดถึงประโยชน์ “น้ำปัสสาวะเป็นยา หาได้ง่าย และไม่มีโทษ” ก็ตัดสินใจใช้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเริ่มต้นการใช้ในช่วงเช้า ล้างหน้า ล้างตา เช็ดหน้า เช็ดตัว หยอดหู หยอดตาตั้งแต่เช้ามาใช้ทุกวัน ใช้สระผมเป็นหลัก เพราะไม่ใช้สบู่ ยาสีฟันก็ใช้ผงถ่าน ยิ่งใช้ก็เห็นประโยชน์จริงๆ รวมทั้งเห็นประโยชน์ใช้เชิงเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถช่วยลดรายจ่ายภายในบ้านได้