แก่นหลักของการดูแลสุขภาพตามหลักการแพทย์วิถีธรรม คือ สานพลังกับหมู่มิตรดี ลดกิเลสและช่วยเหลือผู้อื่น
เทคนิค 9 ข้อ (ยา 9 เม็ด)
เม็ดที่ 8,9 (เม็ดเลิศ)
เม็ดที่ 7,6 (เม็ดหลัก)
เม็ดที่ 1-5 (เม็ดเสริม)
เม็ดเลิศ (แต่ละชีวิตควรพากเพียรทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นการดูแลสุขภาพด้านนามธรรมมีฤทธิ์เลิศยอดที่สุดกว่าทุกวิธีในโลก ซึ่งด้านนามธรรมของพุทธะนั้น มีฤทธิ์ประมาณ 70 % + เกิน 100 % ส่วนด้านรูปธรรมหรือด้านวัตถุ มีฤทธิ์ประมาณ 30 %)
เม็ดที่ 8 ใช้ธรรมะ ละบาป บำเพ็ญบุญกุศล ทำจิตใจให้ผ่องใส
คบมิตรดีสหายดีสร้างสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดี คือ สานพลังกับหมู่มิตรดี ลดกิเลส และช่วยเหลือผู้อื่น
เม็ดที่ 9 คือรู้เพียรรู้พักให้พอดี
เม็ดหลัก (แต่ละชีวิตควรทำเป็นหลัก ทำเป็นประจำ ให้สม่ำเสมอ จนเป็นปกติของชีวิต เพราะเป็นการดูแลสุขภาพที่มีฤทธิ์สูงที่สุดด้านรูปธรรมหรือด้านวัตถุ ซึ่งต้องทำเป็นหลักควบคู่กับด้านนามธรรม)
เม็ดที่ 7 การรับประทานอาหารปรับสมดุล ตามภาวะร้อนเย็นของร่างกาย
เม็ดที่ 6 การออกกำลังกาย กดจุดลมปราณ โยคะ กายบริหาร ที่ถูกต้อง
เม็ดเสริม (ใช้เสริมในการปรับสมดุลร้อนเย็น เมื่อเกิดโรคหรืออาการไม่สบาย โดยเลือกใช้เฉพาะวิธีที่ใช้แล้ว สบาย เบากาย มีกำลัง เป็นอยู่ผาสุก ต่อผู้นั้น ณ เวลานั้น ซึ่งก่อนหน้านี้อาจเคยใช้แล้วถูกกันหรือไม่ถูกกันก็ได้ แต่ ณ ปัจจุบันใช้แล้วถูกกัน โดยใช้ในปริมาณที่พอดีสบาย ไม่ใช้มากไปหรือน้อยไป ถ้าใช้วิธีการใดแล้ว รู้สึกเท่ากันกับไม่ใช้หรือแย่กว่าไม่ใช้ ควรหยุดใช้วิธีนั้น เพราะเป็นอาการแสดงที่บ่งบอกว่า วิธีนั้นไม่สมดุล ไม่ถูกกันกับผู้นั้น ณ เวลานั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาอาจเคยถูกกันหรือไม่ถูกกันก็ได้ แต่ ณ ปัจจุบันนั้น ไม่ถูกกัน ต้องพร้อมปรับพร้อมเปลี่ยนไปสู่สภาพที่รู้สึกสบาย )
เม็ดที่ 1 การรับประทานสมุนไพรปรับสมดุลร้อนเย็น
เม็ดที่ 2 การกัวซาหรือขูดซาหรือขูดพิษหรือขูดลม (การขูดระบายพิษทางผิวหนัง)
เม็ดที่ 3 การสวนล้างพิษออกจากลำไส้ใหญ่ด้วยสมุนไพรที่ถูกกัน (ดีท็อกซ์)
เม็ดที่ 4 การแช่มือแช่เท้าหรือส่วนที่ไม่สบายในน้ำสมุนไพร ตามภาวะร้อนเย็นของร่างกาย
เม็ดที่ 5 การพอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบ เช็ด ด้วยสมุนไพร ตามภาวะร้อนเย็นของร่างกาย
การปรับสมดุลร้อนเย็นตามหลักการแพทย์วิถีธรรมหรือการดูแลสุขภาพแผนใดๆ จะมีฤทธิ์มาก
ถ้าสานพลังกับหมู่มิตรดี ลดกิเลส (บุญ) ช่วยเหลือผู้อื่น (กุศล) ปรับอาหาร กายบริหารให้สมดุล
จะทำให้ยาเม็ดอื่น ๆ หรือวิธีการอื่นๆ ที่ใช้แล้วถูกกัน แม้ใช้เพียงนิดเดียวหรือวิธีเดียวหรือไม่กี่วิธี (ใช้น้อยวิธี) ก็มีฤทธิ์มากขึ้นและมีความยั่งยืน
แต่ถ้าไม่สานพลังกับหมู่มิตรดี ไม่ลดกิเลส ไม่ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ปรับอาหาร ไม่กายบริหารให้สมดุล
ไม่ว่าจะใช้ยาเม็ดไหน ๆ หรือวิธีการใดๆ แผนใดๆ จะไม่มีฤทธิ์คือไม่ได้ผล หรือมีฤทธิ์น้อย หรือได้ผลชั่วคราว จากนั้นก็จะได้ผลน้อยลง จะเสื่อมฤทธิ์ไปเรื่อย ๆ จนไม่ได้ผล หรือมีโรคหรืออาการแทรกซ้อนในที่สุด
วัตถุมีฤทธิ์แค่ 30%
ส่วนใจมีฤทธิ์ 70% + เกิน 100% (ยาเม็ดที่ 8-9)
ใจที่ไร้ทุกข์และดีงาม จึงเป็นสิ่งที่มีฤทธิ์มากที่สุดที่ทำให้หายหรือทุเลาจากโรค
ใจที่เป็นทุกข์ เป็นกิเลส ทำให้เสียพลังไป กลัว กังวล ระแวง หวั่นไหว
อยากให้หายตามที่อยาก กลัวจะไม่หายตามที่อยาก ทำให้ไม่หายโรค หรือโรคทุเลาได้น้อย
ทุกอย่างไม่เที่ยง ณ เวลานั้น
วิธีใดถูกกัน คือ ใช้แล้วสบาย ก็ควรใช้ในปริมาณที่สบาย ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ถ้าใช้วิธีใดแล้วไม่สบายก็ควรหยุด ควรพร้อมปรับเปลี่ยนหาวิธีที่สบาย (อุปปัฏฐากสูตร อนายุสสสูตร จูฬกัมมวิภังคสูตร กกจูปมสูตร อาพาธสูตร)
จะเป็นแผนแพทย์วิถีธรรมหรือแผนอื่นก็ได้ ถ้าถูกกัน คือใช้แล้วสบาย
คนลดกิเลส (เข้าถึงธรรม) จะทำให้วิธีการต่างๆที่ถูกกัน มีฤทธิ์มากขึ้น
คนไม่ลดกิเลส (ไม่ได้เข้าถึงธรรม) จะลดฤทธิ์ของวิธีต่างๆ และพลิกกลับเป็นโทษในที่สุด
ก็จะไม่ศรัทธา ถือสา เพ่งโทษ
อย่าไปเสียเวลากับคนที่ไม่ศรัทธา
เพราะคนไม่ศรัทธาจะหาเรื่องค้านแย้งได้ทุกเรื่อง
แพทย์วิถีธรรมจึง ไม่กดดัน ไม่บังคับ ไม่หว่านล้อม ไม่โน้มน้าว
แพทย์วิถีธรรม จะให้ปัญญาว่า
อะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ แล้วให้แต่ละชีวิตเลือกเอาตามวิจารณญาณของตน ให้เป็นไปตามธรรม คือ ศรัทธา ปัญญา และวิบากดีร้ายของแต่ละชีวิต
ตรงตามที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า
ธรรมทั้งหลายมีฉันทะเป็นมูล
เราเป็นเพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น ส่วนการเดินทางเป็นเรื่องของท่าน
ตรงตามที่ พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ กล่าวว่า
ดอกไม้จะบานก็ให้เขาบานของเขาเอง
ตรงตามที่ อาจารย์ ดร.ใจเพชร กล้าจน กล่าวว่า
ทำความผาสุกที่ตน ช่วยคนที่ศรัทธา
จึงจะถูกต้องตามธรรม
เอาตามความสมัครใจของแต่ละชีวิต เพราะ
1) แต่ละคนมีวิบากเข้าแทรกได้ตลอดเวลา ให้แต่ละคนตัดสินชีวิตของแต่ละชีวิต
อย่าไปแบกรับชีวิตคนอื่น หากเขาไม่ได้รับสิ่งที่หวังไว้ เขาจะโทษเราได้
2) คนไม่เต็มใจ ไม่ศรัทธา จะหาเรื่องแย้งได้ทุกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม เวลาวิบากเข้า แม้ลดกิเลส แม้ทำความดี จะใช้วิธีการใด ๆ ก็ไม่ดีขึ้นก็มี
จนกว่าวิบากชุดนั้นจะเบาบางลง
ต้องอดทน รอคอย ให้อภัย ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ
ตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
คนไข้มี 3 กลุ่ม
1) รักษาก็ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มมีเวรมีกรรมออกฤทธิ์แรงมาก
ไปหาหมอไหน รักษาหรือไม่รักษาแบบไหนก็ไม่หาย
จึงไม่มีการแพทย์แผนใดที่จะทำให้คนไข้หายหมดทุกคน
2) รักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มหมดเวรหมดกรรม
ไม่ว่าจะไม่ไปหาหมอไหน ไม่รักษาแบบไหน หรือไปเจอหมอไหน รักษาแบบไหน ก็หาย
เพราะหมดเวรหมดกรรม วิบากหมดแล้ว
3) รักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย
กลุ่มนี้ไปหาหมอหรือรักษาด้วยวิธีที่ถูกกันจึงหาย
ไม่ไปหาหมอหรือไม่รักษาด้วยวิธีที่ถูกกันก็ไม่หาย
(พระไตรปิฎก เล่ม 20 ข้อ 461)
การจัดอบรมค่ายสุขภาพตามหลักแพทย์วิถีธรรมและค่ายพระไตรปิฎกทั่วประเทศ
ของมูลนิธิแพทย์วิถีธรรม
ในวันแรก ๆ ให้เน้นไปที่ยาเม็ดที่ 8,9 เป็นเม็ดเลิศ
โดยใช้บททบทวนธรรมเพื่อสร้างจิตวิญญาณให้ผาสุกที่สุดในโลก
เพื่อให้ผู้เข้าค่ายได้รับยาเม็ดเลิศคือธรรมะ เป็นยาที่มีฤทธิ์เร็วและแรงที่สุดในการรักษาโรคทุกโรค
ให้ข้อมูลและพาปฏิบัติ ยาเม็ดที่ 7 (อาหาร) และ 6 (กายบริหาร) เป็นเม็ดหลัก
ส่วนเม็ดอื่น ๆ เป็นเม็ดเสริม ทยอยสอนไปเรื่อยๆในวันถัด ๆ ไป
อาจารย์หมอเขียว
ดร.ใจเพชร กล้าจน
14 ธันวาคม 2562
ณ ดอยรายปลายฟ้า เชียงราย