2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.7 |
ชื่อ | นางสาวจาริณี กวีวิวิธชัย |
เพศ | หญิง |
อายุ | 56 ปี |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
โรค | โรคภูมิแพ้ฝุ่น |
วันสัมภาษณ์ | 15 พฤศจิกายน 2557 |
คันนัยตามากทั้ง 2 ข้าง คันเกือบตลอดเวลา ใช้การรักษาแผนปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 1 ปี 3 เดือน (มิถุนายน 2554–กันยายน 2555) ต้นเหตุความเจ็บป่วยไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากการได้รับฝุ่น (อาการคันตาเกิดหลังจากการปรับปรุงบ้าน ในช่วงนั้นดูแลงานปรับปรุงบ้านนานประมาณ 5 เดือน มีฝุ่นมาก) มีอาการคันตาเป็นเวลาประมาณ 1 ปีเศษ แพทย์ระบุว่าเป็นภูมิแพ้ โดยมีอาการตั้งแต่คันตา ตั้งแต่คันน้อยจนถึงคันมากที่สุด ในช่วงแรกประมาณ 1 ปี ไปพบแพทย์แผนปัจจุบันอย่างต่อเนื่องแต่อาการไม่ดีขึ้นเลยจึงไปพบแพทย์แผนไทย รักษากับแผนไทยประมาณ 3 เดือน อาการดีขึ้นตามลำดับแผนไทยระบุว่าเป็นริดสีดวงตา รักษาโดยใช้ก้านสำลีชุบยาไทยเช็ด เม็ดเล็ก ๆ ที่เปลือกตาด้านในออกและกินยาหม้อ จึงหายจากอาการคันตา
ช่วงที่เพิ่งหายจากอาการคันตา เป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งก็ยังไม่มั่นใจ 100 % ว่าอาการคันตาจะหายจริงแน่นอนจากแพทย์แผนไทยหรือไม่ ในระหว่างนั้นก็มาพบแพทย์วิถีธรรม เข้าค่ายครั้งแรกที่โรงเรียนผู้นำ จ. กาญจนบุรี จึงดูแลตัวเองตามแนวทางแพทย์วิถีธรรม โดยการล้างตาและลืมตาในน้ำปัสสาวะอย่างต่อเนื่องจึงสรุปไม่ได้อย่างชัดเจนว่าอาการคันตาที่หายเป็นปกตินั้น สืบเนื่องมาจากแผนไทยหรือแพทย์วิถีธรรม
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่มีอาการคันตา จะลืมตา ล้างตาในน้ำปัสสาวะทันที ถ้าคันไม่มากอาจทำเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าคันมาก จะทำติดต่อกันสัก 2-3 ครั้ง อาการจะค่อยทุเลาลง จนหายคัน
มีพอกหัว (พอกผม) ใช้ผงถ่าน+ ดินสอพอง+ สมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือปัสสาวะ ขยี้หรือหมักผมทิ้งไว้สักประมาณ 30-40 นาที สามารถดึงความร้อนจากภายในศีรษะได้อย่างดีมาก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง
เดิมเป็นริดสีดวงทวาร หลังจากทำดีท็อกซ์ไปสักระยะหนึ่ง (จำระยะเวลาไม่ได้ชัดเจน) พบว่าริดสีดวงทวารหายไป โดยไม่รู้ตัวว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไร (ใช้น้ำปัสสาวะ+น้ำธรรมดา)
ได้เข้ามาเรียนรู้และฝึกปฎิบัติการเป็นจิตอาสา เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย ประกอบกับความรู้นี้ทำให้สามารถช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัว
หลังจากการเข้าค่ายครั้งแรก ได้ทดลองใช้ยา 9 เม็ด (ไม่ครบทุกเม็ด) และจากนั้นอีกประมาณ 3 เดือนเมื่อรู้ข่าวว่าคลองสามกำลังเริ่มก่อตั้ง ก็ได้เข้ามาเรียนรู้และฝึกปฎิบัติการเป็นจิตอาสา เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย ประกอบกับความรู้นี้ทำให้สามารถช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวได้ด้วย พร้อมทั้งได้นำพาสมาชิกในครอบครัวดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด ทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่ กัวซา ลดการกินเนื้อสัตว์ ทุกคนในครอบครัวรู้สึกประหลาดใจที่เรามีพลังในการกัวซาและกดจุดลมปราณ สามารถช่วยเหลือคนในบ้านให้หายจากการเจ็บป่วย
เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดเมื่อยแข็งตึงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทุเลา เบาบางลง โดยการทำกัวซา
หลังจากปฏิบัติแนวทางนี้ค่าใช้จ่าย (ค่าแต่งตัว+ค่าอาหาร) ลดลงประมาณ 20 % ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนค่ายานั้น ไม่มีเพราะปกติจะไม่มีปัญหาสุขภาพ