1. บันทึกการสัมภาษณ์กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธสำหรับผู้ที่มาเข้าอบรมค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีพุทธ 5-7 วัน
ณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายแพทย์วิถีพุทธทั่วโลก
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 7 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ ผ่านสื่อออนไลน์ – ยูทูบประเภทข้อมูลที่ 9 แบบบันทึกสัมภาษณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ และ ประเภทข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 1.3 |
ชื่อ | รักบุญ อโศกตระกูล |
เพศ | หญิง |
อายุ | 63 ปี |
จังหวัด | กาฬสินธุ์ |
โรค | โรคผิวหนัง – หนังแข็ง สเคลอโรเดอร์ (Scleroderma) |
อาการ | หนังแข็งเกิดจากมีพังผืดใต้ผิวหนังเยอะ ที่มือ ข้อมือ ลำคอ หัวใจ ทุกอณูทุกเซลล์ของผิวหนัง และเป็นโรคอีก 15 โรค |
การดูแล | ทานอาหารมังสวิรัติ (ไม่มีเนื้อสัตว์) เป็นหลัก และปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรม เทคนิค 9 ข้อ เชื่อในวิบากกรรม |
วันสัมภาษณ์ | 15 กันยายน 2555 |
ขอกราบนมัสการนักบวชทุกฐานะ กราบคารวะท่านอาจารย์หมอเขียว เจริญธรรมสำนึกดีค่ะเพื่อนร่วมโลกที่รักทุกท่านค่ะ
คิดว่าหลาย ๆ คนคงจะเป็นเหมือนดิฉันนะคะ เดี๋ยวจะบอกว่ามีโรคอะไรบ้าง โปรดติดตามว่ารักษาอย่างไร และเป็นอะไรกันมากมายถึงขนาดนั้น แล้วทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้ จะบอกตามลำดับ โรคที่เป็นพระเอกที่เป็นหนัก ๆ ก็คือโรคหนังแข็ง อันนี้รู้สึกว่าเขาจะเป็นหัวหน้าคณะแล้วเขาก็จะพาลูกน้องเข้ามาอีกตั้ง 15 โรคมันจะเป็นผลพลอยได้พ่วงมาค่ะ
เคยเป็นอาจารย์ เป็นครูสอนโรงเรียนมัธยมมา 28 ปีค่ะ แล้วก็หลังจากนั้นก็ศึกษาธรรมะมาอยู่ในช่วงรู้จักธรรมะของชาวอโศกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 แล้วก็พอปี พ.ศ. 2540 ก็ลาออก ลาออกแล้วก็ไปปฏิบัติธรรมจนปัจจุบันนี้ค่ะ การรับราชการเป็นครูก็จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่มันก็มีส่วนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ พวกนี้ค่ะ จะเริ่มที่ตรงนี้เลยนะคะว่าโรคหนังแข็งมันเป็นยังไง แล้วที่มาที่ไปมันจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วมันมีอะไรที่ตามมาอีก ก็คือเป็นโรคภูมิแพ้ แพ้ตัวเอง เหมือนกับที่พุ่มพวงเป็น แต่มันคนละอาการ ของพุ่มพวงเขาจะเป็น SLE แต่อันนี้เขา มันเป็นภูมิแพ้ เป็นพันธุกรรมค่ะ มาจาก ไปตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลมงกุฎที่กรุงเทพ เขากรีดหนังไปพิสูจน์ผิวหนัง เขาจะกรีดเอาตรงนี้ (พูดพร้อมเอามือจับต้นคอด้านหลัง) มีดคม ๆ ค่ะ กรีด ๆ แล้วก็ดึงออกมา พอเข้าไปดูกล้อง คุณหมอก็บอก อ๋อ โรคสเคลอแน่นอน สเคลอภาษาเต็ม ๆ ของหมอคือ สเคลอโรเดอร์มา (Scleroderma) แปลว่า ผิวหนังแข็ง มันเป็นยังไงมันถึงแข็ง มันเกิดจากสาเหตุที่ว่า เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรมถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ค่ะ หมอเขาก็ถามว่า พ่อแม่เป็นไหม แม่หน้าตาเป็นยังไง เป็นอย่างนี้หรือเปล่า ก็ไม่มีนะ พ่อก็ไม่เป็น ตายายเป็นไหม ไม่เป็นปู่ย่าเป็นไหม ญาติพี่น้องหลายตระกูลไม่มีใครเคยเป็นแบบนี้ ก็แล้วทำไมถึงเป็นล่ะค่ะ หมอเขาก็ถามว่าในที่เรามองเห็นรุ่นนี้อาจจะไม่มี แต่ว่ามันอาจจะข้ามรุ่นมาหลายคน ว่าหนึ่งในล้านถึงจะมีสักคนหนึ่ง อันนี้ก็เหมือนกัน
หมอเขาก็เคยบอกนะว่า เอ๊ะไม่เคยเจอนะโรคแบบนี้ พ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่เป็น แต่ว่า โอ้โห หนึ่งในล้าน บังเอิญเราเป็นคนโชคดีคนนั้น (หัวเราะ) โชคดีนะคะที่เป็นโรคนี้ หนึ่งในล้านก็คือเรากลายเป็นโรคหนังแข็ง อาการมันเป็นอย่างไร คือ มันจะเกิดจากพังผืดใต้ผิวหนังเยอะ ไม่ได้เป็นแค่มือ ไม่ได้เป็นแค่ข้อมือ ไม่ได้เป็นแค่ลำคอ หัวใจหรือว่าเป็นที่อื่น เป็นหมดทั้งตัวไปทุกอณูทุกเซลล์ของผิวหนังในตัวเรา เพราะมันเกิดมาจากเลือดจากยีนตั้งแต่แรกเกิดมาเลย และมันจะเจริญเติบโตเต็มที่ตอนอายุ 35 ปี มันจะส่ออาการคือ ผิวหนังมันจะแข็งเพราะว่าพังผืดมันจะสานไปรัดหลอดเลือด เลือดไปเลี้ยงปลายนิ้วก็ไม่ได้ แล้วหนังมันก็จะแข็งเข้ามันจะเป็นสีดำ ดำเหมือนปีกแมลงภู่เลยแหละ ดำมันเลย หยิบก็ไม่ติดไม่ขึ้นเลย แข็งมาก แล้วหน้าตาก็จะตอบผอมเข้า ริมฝีปากก็เหลือนิดนึง มันหด แล้วตาก็จะลึกโบ๋เหมือนผีปอบเลยค่ะ เด็ก ๆ ผ่านไปเด็กบอก อ๊าย ผีปอบ ตัวเองก็กลัวตัวเองเหมือนกันค่ะ เป็นขนาดนั้นเลยนะ
ไม่อยากจะส่องกระจกเลยค่ะ ตอนนั้นยังทำงานอยู่ด้วย ยังทำงานอยู่ด้วยเลย เด็ก ๆ บางทีเขาก็พูด แซวอยู่ แต่ว่าก็ยอมรับนะค่ะว่าเป็นยังไง ก็เป็นจุดอ่อนเป็นปมด้อยตัวเองเหมือนกัน อาการที่ตามมาก็คือ เป็นเมื่อมันสานไปรัด หมอเขาบอกว่ามันไปรัดที่หลอดอาหาร มันไปอยู่ในเนื้อเยื่อกระเพาะ ทำให้กระเพาะย่อยอาหารไม่ได้ดี จะเกิดกรดคั่งค้างเพราะว่ามันระบายไม่ได้ มันจะยืดหดไม่ได้เต็มที่ มันย่อยก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้ ดูดซึมไปเลี้ยงร่างกายก็ไม่ได้ มันจะเกิดอาหารตกค้าง มันจะมีพิษตกค้างทั้งตัว มันก็เลยกลายเป็นกรดไหลย้อนขึ้นมา แสบ เป็นลมร้อนคอขึ้นมาเลยค่ะ บางทีก็กินข้าวไป หลังกินข้าว 3 ชั่วโมง มันจะมีอาการอ๊อกขึ้นมา จะเป็นรสเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ เผ็ด ๆ หวาน ๆ โอ๊ย อะไรก็ไม่รู้กินเข้าไปแล้วมันก็จะออกมาแถวนี้ นั่นคืออาการกรดไหลย้อนที่เป็นต่อจากโรคหนังแข็งค่ะ บางทีกลืนข้าวไม่ลง มันจะติดอยู่ตรงนี้ (เอามือจับที่คอหอย) จะอ้วกก็ไม่อ้วก จะลงก็ไม่ลง โอ้โห ทรมานมากเลย
เวลาไปหาหมอเขาก็รักษาตามอาการ ถ้าอาหารไม่ย่อย เขาก็ให้ยาพวกอะลัม มิลล์พวกที่เป็นแบบเหมือนยาธาตุน้ำขาวค่ะ อย่างนั้นค่ะ เขาเอามาให้ช่วยย่อย กินมากไปมันก็เลี่ยน เบื่อจังเลยกินยาพวกนี้ แล้วทีนี้ อาการที่เส้นเลือดตีบที่มันไปรัด เขาก็ให้ยาขยายหลอดเลือด ให้ยามาตั้งเกือบสิบชนิด เราก็กินยาอยู่ประมาณ 7 ปี 7 ปีนี่กินทุกวัน วันละเกือบสิบเม็ด ทีนี้อาการที่ตามมา ตาก็จะบอด ตาพร่ามัว ประสาทก็จะเริ่มเสื่อม เพราะว่าเขาบอกว่ามันจะเกิดจากอะลัมมิลล์นี่ มันจะมีตัวหนึ่งที่ไปทำลายสมองนะ คนที่กินยาธาตุน้ำขาวยาธาตุน้ำแดงนี่มันจะมีส่วนเลยนะคะ มันจะทำลายสมอง ยาแอสไพรินขยายหลอดเลือดมันจะไปกัดกระเพาะ แสบ ตื่นเช้ามาก็แสบท้อง นี่คืออาการที่ตามมาจากการกินยาของหมอ
ก็มีอยู่วันหนึ่ง ก็เอ๊ะเราจะกินยาไปถึงไหนนี่ก็เลยถามอาจารย์หมอ เขาเป็นคนตรวจเป็นเจ้าของไข้เอง อาจารย์มะลิตัวเล็ก ๆ ถามเขาว่า อาจารย์จะให้ป้ากินยาไปถึงไหน ต้องกินตลอดชีวิตอ้าวแล้วมันจะตายไหมเนี่ย ตายก่อนไหมเนี่ย ตลอดชีวิตได้ยังไง แล้วทีนี้มือเราก็มันปลายนิ้วนี่มัน เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ มันก็จะมีอาการหด อาการหดแล้วเล็บก็จะกุด แล้วดูเหมือนคนเป็นโรคเรื้อน เหมือนคนเป็นโรคอะไรที่สังคมรังเกียจ แต่ที่จริงก็ไม่ใช่ค่ะถามหมอแล้วหมอบอกว่า ไม่ได้เป็นหรอก มันเป็นอาการของโรคหนังแข็งนี่แหละ ใครเขาจะรังเกียจก็ไม่เป็นไรหรอก ทน ๆ เอาหน่อย มันไม่เป็นอันตรายหรอก เขาก็รักษาตามอาการ ทีนี้ก็รักษามาตั้ง 7 ปี มันก็ไม่หาย ก็เลยถามหมอว่า อาจารย์ อาจารย์รักษาคนไข้แบบนี้มากี่คนแล้ว โอ๊ย นับไม่ได้ เป็นพันเป็นหมื่นแล้วล่ะ ไปสัมมนาเมืองนอกทุกปี ไปสัมมนาเรื่องโรคหนังแข็งนี่ ไปแล้วก็ไม่ได้คำตอบ ก็รักษาไปอย่างนี้ คุณกลืนข้าวไม่ลงก็หาวิธีการให้ระบายคลายให้ แก้ลดกรดลดอะไรไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครหายเลยเหรอหมอ หมอตอบว่าหาย แต่หายไปจากโลกนี้ อ้าว อย่างนี้แล้วจะกินไปทำไมละนี่ ไม่เอาดีกว่า อย่างนั้นแสดงว่าตายใช่ไหมนี่ถ้าไม่กิน มันต้องกินนะป้า กินไปตลอดเลยนะ ก็เลย เออ ๆ อำเขาอยู่เอาไว้ในใจว่า เออฉันไม่กินแล้วล่ะ
ตัดสินตั้งแต่วันนั้น ตัดสินใจแล้วไม่กินแน่ ๆ กลับมาบ้านพอรู้มันไม่หายก็ทิ้งยาไปหมดเลย ที่จริงตอนนั้นก็กินมังสวิรัติแล้วนะ ปฏิบัติธรรมแล้ว หลายคนก็วิเคราะห์ว่าเห็นไหมล่ะอาจารย์กินเจเดี๋ยวก็ตายหรอก เห็นไหมก็เป็นโรคอย่างนั้นอย่างนี้ เดี๋ยวก็กลายเป็นผีไปจริง ๆ หรอก ตอนนี้ยังกับผีเดินได้ ต่อไปจะกลายเป็นผีจริง ๆ นะ คอยดู ไอ้เราก็มั่นใจว่า เออ กินมังสวิรัตินี่แหละ แต่ก่อนที่จะเลิกจริง ๆ ก็บอกหมออีกคนหนึ่งนะ วันหลังมา คราวต่อไปก็มีหมอใหม่ ๆ ค่ะ มาก็เลยถามว่า คุณหมอคะ กินมังสวิรัติไปเรื่อย ๆ นี่มันจะเป็นยังไงไหม โอ๊ย มันก็ดีล่ะสิคุณป้า ฉันก็กิน หมอเองก็กินอยู่นะ กินไปเลย มันจะช่วยโรคนี้ได้เยอะ คนที่กินเนื้ออยู่นี่มันจะเป็นอาหารของพังผืด คนที่กินเนื้ออยู่นี่มันจะทำให้พังผืดขยายพรึบพรับพรึบพรับเร็วขึ้น เมื่อมีอาการเป็นหนังแข็ง หน้าผอม ตัวตอบไปหมดแล้วนี่ประมาณ 4 เดือน มันก็จะตายเลย ตายจากอะไร ตายจากที่พังผืดไปรัดมดลูก รัดหลอดอาหาร รัดหัวใจ รัดตับ รัดปอด รัดไป รัดไป หายใจไม่ออกนั่นก็คือตาย ที่ดิฉันไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ตายไวเหมือนพวกนั้นก็เพราะทานอาหารมังสวิรัติ แล้วก็ปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง ก็จิตใจก็ผ่อนคลาย มันไม่ยึด เส้นมันก็เลยไม่ยึดมาก อันนี้ก็มีส่วนนะคะ แล้วทีนี้ก็เลยมั่นใจว่า เออ ไม่ต้องกินยาหมอล่ะ กลับมากินมังสวิรัติคือไม่กินเนื้อสัตว์ค่ะ
หมายถึงว่ากินอันนี้มาเรื่อย ๆ จนมาหลายปี ก็กลับไปตรวจใหม่ หมอนัด ปีหนึ่งเขาจะนัดทีหนึ่ง เขาก็ว่า โอ้ ดีจังเลย ดีขึ้น ยังกินยาอยู่ใช่ไหมนี่ อุ๊ย เป็นคนไข้ที่ดีจังเลยค่ะ ค่ะ ก็กลายเป็นพูดปดไปค่ะ โกหกหมอ ที่แท้ ไม่ได้หายเพราะยาหมอหรอก ไม่ได้ดีขึ้นเพราะยาหมอแผนปัจจุบัน ที่แท้ก็ทิ้งยาไปตั้งนานแล้ว หมอก็เรียกนักศึกษามาดูค่ะ นักศึกษาฝรั่งตั้ง 4-5 คน เขาสนใจนะโรคนี้ เป็นโรคที่ดังมากเลย เขาจะให้นิสิตที่เป็นฝรั่งนักศึกษาฝรั่งมาเรียน แล้วดิฉันก็พอพูดฝรั่งได้บ้าง ก็อธิบายไห้เขาฟังว่าเป็นอย่างนี้ ๆ เขาก็สนใจมากเลย แต่พอไปตอนหลังปีต่อมา ก็เลยอดไม่ได้ก็เลยบอกเขาว่า ยาเลิกกินไปนานแล้ว ที่หายเพราะทานมังสวิรัติเขาก็เลยสนใจเขาก็บอกว่า เออ วันหลังจะให้มาเป็นวิทยากรบ้าง มาบอกพวกที่นั่งอยู่แถวนี้หน่อยสิ เวลาคนไปหมอนัดนี่นะ นั่งเป็นแถว 20-30 คน จะหน้าเหมือนกันเลย หน้าเหมือนกันเหมือนพี่เหมือนน้องเลย หน้าจะอ้วนมาจากไหนก็ตาม ถ้าเป็นโรคนี้มันจะผอม ริมฝีปากจะเหลือนิดหนึ่ง ผิวจะดำระดับเดียวกันเลยค่ะ สแตนดาร์ดเลย โรคแบบนี้มันเหมือนกับ เคยเห็นไหมเด็กเป็นโรคเอ๋อ เด็กบ้านนอกก็ตาม จะมากลายเป็นแบบตาตีบ ๆ ตาแบบอืม ปากบาน ๆ เป็นอย่างนั้น โรคเอ๋อ โรคดาวน์ซินโดรม จะเป็นเหมือนกันหมดเลย โรคนี้ก็เหมือนกัน ไปนั่งเรียงกัน รอหมอ 20-30 คน หน้าตาเหมือนกัน น่าสงสารมากเลยนะคะมีตอนหลัง ๆ มามีดิฉันสวยที่สุดในบรรดานั้น (หัวเราะ) หมอก็เลยบอก โอ้นี่เป็นตัวอย่างเลยนะ หมอก็เอาเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ห้องคลินิก ก็เลยเล่าให้พวกพี่น้องทั้งหลายฟัง ก็มีประโยชน์นะคะ อันนี้คือรักษาแบบนั้น
จะบอกว่ามันเป็นโรคอะไรตามมาอีก ที่บอกว่ามันหลายโรค ดิฉันมีต่อไปนี้ เป็นภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ฝีหนอง พุพอง เวียนหัวหน้ามืด ความดันต่ำขึ้น ๆ ลง ๆ จะประมาณ 45 กับ 40 ต่ำมากเลยนะคะ แต่ปัจจุบันนี้ 110 กับ 90 แล้วค่ะ มดลูกหย่อน เป็นขี้กลากขี้เกลื้อน ติดเชื้อง่ายไปเหยียบที่เฉอะแฉะนี่ไม่ถึง 2-3 ชั่วโมง จะเปื่อยเป็นน้ำกัดเท้า เป็นแผลแดง ๆ ลึกลงไปเลยค่ะทุกง่ามนิ้ว เป็นง่ายมากเลย สายตายาว สายตาทั้งสั้นทั้งยาว หูตึง ฟันผุ โลหิตจาง มันก็เป็นไปเรื่อย เพราะไปหาหมอ เงินหมดไปไม่รู้กี่แสน แล้วก็โรคซึมเศร้า โรคเครียด สุดท้าย โรคหัวใจ หมอตรวจพบว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นแผลเป็น หัวใจเต้นไม่ค่อยปกติเลยค่ะ จนถึงปัจจุบันนี้ แต่ก็ดีขึ้นเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว
เห็นไหมคะมันลากเอาญาติมันมาเยอะแยะมากมายเลยจากโรคหนังแข็ง ทำแสบมากเลยค่ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยค่ะ อยากจะตั้งชื่อคณะเหมือนคณะวงดนตรีว่าคณะแสบทรวง มันแสบจริง ๆ เลยนะ แสบตั้งแต่หัวเลยนะ เจ็บเวียนหัว มันจะหน้ามืดแล้วก็มันจะแสบจี๊ด ๆ ไปที่หัว แสบหูแสบตา แสบปาก ปากพอง ร้อนใน แสบคอ เห็นไหม มันจะไล่มาเรื่อย ๆ เลย แสบหน้าอก จุก แน่น กลืนข้าวไม่ลง แสบท้อง แสบเป็นเริมเป็นโรคงูสวัดใต้สะดือ ใต้ลงไปจากตรงนั้นก็เป็นค่ะ เป็นคันจนไม่กล้าจะเกาเลยค่ะ มันน่าอายมากเลย คันแถวช่องคลอดแถวตรงนั้นค่ะ มันจะคันมากเลยมันแพ้อะไรก็ไม่รู้ มันแพ้มาก ๆ เลย คันแล้วก็เจ็บไปตามน่อง เจ็บตามหัวเข่า เห็นไหมมันไล่มาหมดเลย แสบมากเลย ไปจนถึงปลายนิ้ว เหมือนกับมีเข็มแทง จี๊ด ๆ
แล้วก็มีอยู่ปีหนึ่งที่มันเป็นฝีที่นิ้วมือ เป็นฝีมันจะปวด ปวดมากเลย นอนร้องไห้เลยนะ คนแก่อายุ 40-50 ปี มาร้องไห้เพราะปวดนี่ มัน ไม่ค่อยมีนะ แต่มันปวดมาก มันก็จะอย่างนั้นค่ะ มันต้องร้อง ต้องโอดโอย ว่าโอ๊ยโอย แล้วมันก็ค่อยบรรเทาหน่อย แต่มันก็ไม่หายหรอก ขอให้ได้ร้องร้องให้คนข้าง ๆ เห็นใจค่ะ แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะว่ามันกรรมของเราเอง มันจะเป็นฝี ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าฝีร้อยหัว อีสานเขาเรียกว่าเป็นผ่ำค่ะเป็นผ่ำนี่ปวดมากกว่าฝีธรรมดา มันจะปวดที่ปลายนิ้วและมันจะเป็นหนอง เป็นหนองออกมา มันก็แบบ คนแก่เขาบอกให้รักษาแบบโบราณ เขาจะเอาต้นกวาวเครือหรืออะไรนี่แหละมาตำพอก บางทีก็ใช้ใบมะลิ ดอกมะลิกับข้าวสาร มาตำแล้วก็มาพอก แล้วก็หาอะไรมาพัน ๆ เข้า มันก็ช่วยได้บ้างแต่มันก็คงจะวิบากเรามันหนักหนาค่ะ มันก็แค่นี้ มันก็คงไม่ระคายเคือง เพราะว่าเขาเป็นตัวแสบมาก เขาก็เลยร่ายบทต่อไป เป็นต่อไปอีก นิ้วสองสามนิ้วที่เห็นกุด ๆ อยู่ตรงนี้มันคือเกิดจากฝีพุพอง ข้างในมันร้อนมากนิ้วเท้าก็เหมือนกันค่ะ เป็นอยู่แต่ว่าไม่มากเท่านิ้วมือ นิ้วมือนี่มันจะเป็นจนเล็บหลุด เล็บหลุดเกิดจากฝี เป็นหนองแล้วก็มันจะหลุดไปอันนี้ เหตุการณ์ทั้งหลายทั้งหมดนี้มันจะเป็นอยู่เกือบ 25 ปี แล้วเริ่มรักษาอย่างไรนะคะ มาดูประเด็นต่อไป
เรารักษามาเรื่อย ๆ ตามวิธีการของหมอแผนปัจุบัน อันนั้นก็ตัดรอบไปว่าเลิกแล้ว 7 ปีก็เลิกรักษาตามวิธีการของหมอแผนปัจุบัน ก็มาทานมังสวิรัติ เลิกเนื้อสัตว์ทุกประเภท เราจะกินเจกินมังสวิรัติมาประมาณ 28 ปีแล้วค่ะ หลังจากได้พบอาจารย์หมอเขียวนะคะ ตอนหลัง ๆ มาก็ไปรู้จักท่าน ก็ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่ท่านแนะนำค่ะ ทำมา 5 ปี ก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ค่ะ ก็อยู่วัด ก็ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ ก็ทานอาหารตามลำดับแบบที่อาจารย์หมอบอก คือ จะเริ่มที่ผลไม้ ผัก กินอาหารจืด ๆ อะไรพวกนี้ ทำมา 5 ปีแล้วค่ะ อาการต่าง ๆ จาก 15 โรคก็ค่อย ๆ ดีขึ้น ดีขึ้นจริง ๆ เลยนะ จากสายตาที่มันไม่ค่อยปกติ มันก็อ่านหนังสือได้ กลางคืนตัวเล็ก ๆ ก็อ่านได้หมดเลย อายุขนาดนี้แล้ว อ่านหนังสือไม่ต้องใส่แว่นแล้วค่ะ มันกลับได้อย่างดีเลยนะ สายตากลับไปเลย น่าอัศจรรย์มากเลย ภูมิแพ้ที่มันเป็นน้ำกัดเท้าก็ไม่ค่อยเป็นแล้วค่ะ ตอนนี้ที่ลุกขึ้นแล้วเวียนหัว หน้ามืด แสบตามหัวตามอะไรนี่ไม่มี ตื่นขึ้นก็สดชื่น เดิน ทำอะไรก็ได้เลย ฝีหนองพุพอง 2 เดือนสุดท้ายนี่ มันทำท่าจะเป็น ก็เลยเอายาเขียวเหยาะ ๆ แล้ว โรคเขาก็กลัว เขาก็หลบไปแล้ว ไม่มีแล้วค่ะ โรคความดันต่ำ ปรากฏว่าปีที่แล้วตรวจล่าสุดที่ โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ก็เป็น 90 กับ 85 ประมาณนี้ค่ะมันจะดีขึ้นอย่างมากเลย จาก 45 กับ 40 ต่ำ ๆ ขึ้น ๆ สูง ๆ ลงต่ำ ๆ มันก็ดีขึ้นแล้วตอนนี้ เป็นปกติทุกอย่าง มดลูกก็กระชับขึ้น มันจะไม่หย่อน คืออาการพวกนี้มันจะเกิดจากสรีระเราผิดปกติ เราอายุมากแล้ว เราคลอดลูกตั้ง 4 คน มันก็เบ่งคลอดลูกนะ กล้ามเนื้อมันก็หย่อนยาน ทราบไหมคะว่าตอนนี้มันกระชับขึ้นแล้ว มดลูกมันจะไม่โผล่ออกมาเลย เพราะว่าทำท่าผีเสื้อขยับปีก ทำเถอะค่ะ ทำทุกวัน ผู้หญิงนี่มันจะช่วยได้เยอะมาก มดลูกท่านจะดี แล้วก็มันจะแข็งแรงมันจะกระชับขึ้นมาก โรคขี้กลากขี้เกลื้อนนี่มันหายไปตั้งนานหลายสิบปีแล้วค่ะ แล้วก็สายตาก็ดีขึ้น หูก็ดีขึ้นไม่ตึงคือได้ยินชัดขึ้นจากการหยอดหูด้วยยาน้ำสกัดย่านาง ฟันผุก็ใช้ยาสีฟันผงถ่านกับดินสอพอง ที่เราทำนี้ เดี๋ยวนี้ฟันดีขึ้นแล้วค่ะ เคี้ยวอาหารได้สบาย ๆ
ถ้าใครที่ยังมีฟันเต็มปากอยู่ก็โปรดรักษาไว้เท่าชีวิตเลยนะคะ พยายามอย่าถอน ไปหาหมอนี่หมอเขาจะมักง่ายค่ะ เขาไม่ค่อยรักษาหรอก ปวดฟันเหรอ มา ถอนหมดปากก็ได้ไม่มีปัญหา ท่านอยากเป็นคนอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่ดีนะคะ ให้พยายามรักษา เพราะฉะนั้นทำยาสีฟันอันนี้ไปใช้ได้เลย (ส่วนผสมคือ ดินสอพอง ผงถ่านและเกลือ) แล้วฟันท่านจะอยู่ยงคงกระพันจนวันตายค่ะ ตายถึงไหนก็ถึงนั้นล่ะค่ะ ฟันท่านจะไม่ร่วงมันจะยืดอายุไปได้ถึงวันตาย ฟันก็ดีขึ้น จากการตรวจเลือดก็โลหิตจางก็กลับขึ้นมาเป็นสภาพปกติ ค่าของเลือดก็ดีขึ้นแล้ว เกล็ดเลือดก็สูงขึ้น แล้วก็แถมอีกนิดหนึ่ง ที่บอกเป็นเรื่องทรัพย์จาง (หัวเราะ) ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินทองหรอกคะ ไปอยู่ที่ไหนก็ทำงานศูนย์บาท อยู่ในวัดก็ไม่มีเงินเดือน ลาออกก็ไม่เอาบำเหน็จบำนาญเลย คือปกติเขาจะมีบำนาญอยู่ประมาณเดือนละสองสามหมื่น ดิฉันก็ตัดสินใจว่าไม่รับ ไม่อยากได้ คือไม่ทำงานแล้ว ก็ไปเอาของเขาทำไม ก็ออกมาโดยไม่มีอะไรเลยสักบาทเดียว เดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินอะไรมาก ก็เก็บผักเก็บอะไรกิน ปลูกกันกินแถวนี้ค่ะ อยู่วัดก็กินกับส่วนกลางแล้วปฏิบัติธรรม ก็ไม่ต้องใช้เงิน ภูมิใจมากกับความจนที่เงินเดือนศูนย์บาท จากเงินเดือนครั้งสุดท้ายสองหมื่นแปดพันกว่าบาท ไม่ได้เสียดายเลย ไม่เสียใจเลยที่ลาออก เพราะว่าข้างนอกนั้นเป็นชีวิตที่มันศูนย์เปล่า เสียเวลา หลงทางเสียเวลา หลงติดยาเสียอนาคตอันนั้นคือลอกแบบมาจากข้างนอกเขานะคะ
แต่อันนี้เรามาถูกทางแล้วคิดว่าอันนี้คือแค่ประเด็นแรกคือปัญหาเรื่องพันธุกรรมแต่ที่เป็นหลาย ๆ โรคนี้ มันมีสาเหตุมากกว่านั้นอีกค่ะ ขอเล่าต่ออีกนิดหนึ่งนะคะ สาเหตุจริง ๆ มันจะมีอยู่ 3 อย่าง คือหนึ่งพันธุกรรม เราก็ยอมรับล่ะว่าพ่อแม่เราพาเป็นอย่างนั้น แล้วเราก็เป็นคนโชคดีของหนึ่งล้านนั้น ก็รับมา เราไม่ถือว่าโชคร้าย เราไม่น้อยใจเลย ทีนี้สาเหตุอันที่สองเกิดจาก พฤติกรรม นิสัยอันเลว ๆ ของเรา ดูนะคะว่าจะมีอะไรบ้าง ที่นิสัยที่ไม่ค่อยดีของเรา หนึ่งชอบอั้นอุจจาระอั้นปัสสาวะ ไม่หรอกนะ เวลาเดินทางนี่ ทั้งวันทั้งคืนไม่เข้าห้องน้ำหรอก ไม่ปวดไม่อะไร เขาจอดให้ก็ไม่เข้า รังเกียจ ไม่อยากจะไปใช้อะไรกับหลาย ๆ คน อั้น อดทนเอา มันก็มีส่วนทำให้เราเป็นออกมาอย่างนี้ค่ะ
ก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ว่ามันเป็นนิสัยเสีย ตอนเป็นเด็กก็ชอบเล่น เล่นกีฬาเล่นทั้งวันทั้งคืน ชอบเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เล่นมากแล้วน้ำท่าก็ไม่ค่อยจะดื่ม ดื่มน้ำน้อย ท้องผูกถ่ายไม่ค่อยออก บางทีอาทิตย์หนึ่งถึงจะถ่ายครั้งหนึ่ง ต้องใช้ไม้ต้องใช้อะไรจิ้มออกเอา เอามือกดออกก็โอ๊ยทรมานมาก แต่ก็ไม่เข็ดนะ ไม่มีใครบอกไม่มีใครสอน เอาแต่เล่นเอาแต่เที่ยว ไม่ค่อยดื่มน้ำ ไม่ค่อยจะเข้าห้องน้ำห้องท่าเป็นปกติ เพราะฉะนั้นก็เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ หมอปัจจุบันนี้เขาจะเน้นเลยอันดับแรกต้องเข้าห้องน้ำให้ได้ก่อน ไปถ่ายออกก่อน ไปถ่ายแล้วก็ดีท็อกซ์ด้วยนะคะ อันนี้ก็อย่าลืม ถ้าถ่ายแล้วมันจะโล่งสมองก็จะโปร่ง โรคอื่น ๆ ก็จะไม่ตามมาอันนี้ขอฝากนะคะพฤติกรรมอีกอันหนึ่งคือนอนดึก นอนดึกนี่เป็นปัญหามาก ๆ เลย แต่ว่ามันก็จำเป็นค่ะคือเป็นนิสัยที่แบบว่าชอบทำงาน อะไรไม่เสร็จไม่ยอม แก้ปัญหาไม่ได้ก็ไม่นอน เป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เป็นคนจริงจัง เป็นคน Strict ต้องดี ต้องเก่ง ทำการบ้านไม่เสร็จจนตีหนึ่ง แก้สมการออก โอ้ ดีใจมากเลย แล้วก็นอนหลับ แล้วตื่นเช้าก็ไปส่งครู ก็ได้หน้าได้ตาเป็นคนรักหน้า รักดี นี่ล่ะโรคหนึ่งของคน มันจะตายเอารักหน้ารักดีจนกระทั่งมาเป็นครู เวลา ผอ. หรือว่าใครสั่งงานนี่ก็ต้องรีบส่ง แผนการสอนต้องส่ง
ทุกอย่างต้องเรียบร้อยสอนหนังสือแปดห้อง สอนเด็กสอนภาษาอังกฤษแปดห้อง มันต้องรีบตรวจการบ้าน ตรวจเสร็จวันหนึ่งได้แค่สี่ห้อง อีกสี่ห้องเอาไปตั้งที่บ้าน หอบใส่เป้ใส่กระเป๋า หน้ารถมอเตอร์ไซค์หลังรถมอเตอร์ไซค์รัดไปอย่างดี หอบอีรุงตุงนังกลับไปต้องตรวจการบ้านเด็กให้เสร็จ มันมีความสุขนะ มันเพลินนะเพลินมากเลยนะ ตรวจการบ้านเด็กให้เสร็จ เป็นตั้ง ๆ ตอนเช้าก็หอบไปส่งเขาเออ ชอบใจเด็กก็ชอบเราก็ชอบชื่นใจที่งานสำเร็จดีใจนะคะ แต่ว่าผลข้างในก็คือเราก็โทรมเหมือนกัน แต่ว่าก็มีความสุขคือแบบเอาหน้าไว้ก่อนเป็นคนดี เป็นครูดีเด่นประมาณนี้นี่แหละคือโลกธรรมอันหนึ่งที่ดิฉันอยากจะบอกพวกเราไม่นึกถึงตัวเองเลย แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นคนที่ทำอะไรก็ต้องดีแบบนี้มันก็เลย ยึดดี ยึดมากเลย มันต้องดีต้องเด่นต้องให้เรียบร้อยทุกอย่างค่ะ แม้กระทั่งงานในบ้าน ไม่ค่อยให้ลูกเต้าทำหรอก ไม่ถูกใจทำกับข้าวก็เหมือนกันอะไรก็เหมือนกันต้องทำเองหมดเป็นคนนิสัยเสีย เป็นคนชอบรับใช้
จนสามีบอกว่า โอ้ นิสัยขี้ข้าคนเนาะ เป็นคนที่ชอบรับใช้คน แล้วก็ทำงานในบ้านต้องดี ต้องอะไรอย่างนี้เป็นนิสัยที่ไม่ดี นอนดึกแล้วก็เป็นคนรักหน้ารักตาจริงจัง ต้องทำอะไรต้องไม่เสร็จไม่เลิก อีกอย่างหนึ่งคือชอบอ่านหนังสืออ่านนิยายตั้งแต่สองทุ่มจนตีสามก็เคยมี แอบไปหลบอยู่มุมมืด ๆ กลัวคนจะเห็นผลก็คือสายตาเสีย แล้วต่อมาก็มาทำอย่างนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ นั่นคือการแก้ปัญหาของเราพฤติกรรมที่สามที่ทำให้เป็นโรคอย่างนี้ ทำให้เล็บกุดมือด้วนอย่างนี้เพราะว่า เหตุการณ์ก็คือเป็นวิบากกรรม พูดในเชิงธรรมะนะคะ อันนี้คือสาเหตุที่เป็นโรคทั้งหลายทั้งสิบห้าโรคนี่เพราะวิบากกรรม
ดิฉันจำได้พอเล็บมันจะกุดอย่างนี้ ก็เลยนึกถึงทันทีเลย แป๊บออกมาเลยว่าเป็นคนที่ทำบาปขึ้นเหมือนอาจารย์หมอค่ะ เป็นเด็ก ๆ นี่ขยัน เป็นคนที่อยู่ในบ้านแล้ว ชอบทำมาหากินเวลาว่างก็ไปขุดหอย ไปช้อนกุ้ง ไปช้อนตั๊กแตน เวลาหน้าแล้งต้นกล้ามัน แล้วก็มีตั๊กแตนมากินอย่างนี้ ก็ไปเอาสวิงไปช้อน ดึ๊ด ๆ วิ่งไปแล้วก็ วุ้บ คว่ำไป ก็โอ๊ ตั๊กแตนก็จุ๊บจั๊บ ๆ ดีใจเต็มสวิง แล้วก็เอากลับไปบ้าน ไปหาเขียดหากบก็เก่งหากินหมาน บ้านเราเรียกว่าอย่างนั้น เก่งนะ ชื่นชม พ่อแม่ก็ดีใจว่าลูกหาเลี้ยง ไปขุดหอยกลับมาก็วิ่งเข้าป่าไปเอาผักติ้วมาซุปใส่หอยอะไรอย่างนี้ ไปช้อนกุ้งก็ได้เยอะ ไปอะไร ก็โอ๊ย หากินเก่ง แล้วเป็นคนรับใช้ประจำบ้านตอนเด็ก ๆ ก็ไปนากับพ่อกับแม่ แม่เป็นชาวนาแต่คุณพ่อเป็นครู พ่อก็ตอนเช้าเขาก็ไปไถนาแล้วพ่อก็เก็บปูเก็บเขียดใส่กระเป๋ากลับมาบ้านมาเลี้ยงลูกก็เลยได้นิสัยว่า เออ เราจะต้องทำมาหากินช่วยพ่อช่วยแม่เป็นคนที่ขยัน เป็นคนชอบรับใช้ เป็นคนที่ว่าง่ายว่านอนสอนง่ายค่ะ เวลาแม่ไปนาบางทีเขาก็ลืมกระติบข้าว ไม่เอาข้าวไปเลย ถึงเวลาจะกินก็ อ้าว ลืมกระติบข้าว ไปกลับไปเอาให้หน่อยบ้านก็ไกลกับนานะ เราก็ต้องวิ่งเข้าบ้าน ใช้ทุกวันเลย
ตอนแรกก็ไม่บ่นหรอก มันไป ๆ มา ๆ ก็พอไปพอมาอยู่ แม่ก็ลืมทุกวันไม่รู้เป็นอะไรก็ไม่รู้นะ บางวันก็ลืมพริกบางวันก็ลืมเกลือ บางวันก็ลืมครกลืมสาก มีแต่สากไม่มีอะไรตำ ก็ อ้าว วิ่งกลับมาบ้านอะไรก็ไม่รู้ มันเป็นบาป อ๊ะ แต่ว่ามันเป็นบุญเนาะ เป็นบุญถือว่าเป็นบุญก็แล้วกัน บางทีมันก็บ่นหมือนกันนะ เอ๊ะ พวกบ้านนี้ มันไม่มีเราแล้วมันจะได้กินข้าวไหมเนี่ย โมโหอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็แว๊บเดียว ปกติจะเป็นคนใจดี ชอบรับใช้เป็นครูก็ใจดีกับเด็ก ๆ ค่ะ แล้วตรงนี้มันก็ซ้อนเหมือนกัน เพราะว่ามันมี เขาเรียกว่าเป็นโลกธรรมค่ะ ติดลาภยศสรรเสริญ ไม่ชอบให้ใครมาตำหนิ ใครที่ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จะไม่รับ รับไม่ได้ฉันต้องดี ฉันต้องสวย แต่ก่อนนี้ตอนเป็นสาวเป็นนักเรียนก็ไม่ได้มือแบบนี้นะคะ เป็นนักเรียนก็เป็นนักร้อง เป็นสาวสวยเสียงดีนะคะ ไม่ใช่ธรรมดานะเนี่ย แต่เดี๋ยวนี้มันหมดสภาพไปแล้ว เพราะว่าโรคอันนี้มันรุมล้อม มันมาพร้อมคณะนี่ล่ะค่ะ มันก็มาทำร้ายเรา แต่ตอนนี้พวกหางเครื่องทั้งหลายมันก็ถอยไปหมดแล้ว อาการล่าสุดนี้ก็คือก็ยังมีอาการร้อนเย็นพันกันอยู่ เหลืออันนี้เท่านั้น อันอื่นอาการทั้งหมดที่พูดมานี่ มันไม่มีแล้วค่ะ แล้วก็ถามว่ารักษาอย่างไรอืม หลังจากที่มาอยู่กับรู้จักกับอาจารย์หมอเขียวก็รักษาโดยวิธีตามนี้ล่ะค่ะคือ
ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด แต่ว่าจากที่ตัวเองเป็นโรคร้อนเกิน แล้วหมอว่ามันร้อนเย็นพันกัน มันตีกลับเป็นเย็น ตอนแรกก็งง ๆ พูดอะไรก็ไม่รู้หมอนี่ มันตีกลับได้ยังไง มันตีลังกาเหรอหรือมันเป็นยังไงร้อนตีกลับเป็นเย็น เย็นตีกลับเป็นร้อน ทำไมมันต้องตีกลับด้วยล่ะ ร้อนก็ว่าร้อนไปสิ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ไม่เข้าใจ วนอยู่ตั้ง 4-5 ปี แล้วก็เมื่อวานนี้ก็ยังเป็นเลย น้องจิ๊บยังได้ช่วยอยู่เลยตื่นเช้าขึ้นมาอากาศเย็นแล้วมือมันจะเขียว เพราะว่าหลอดเลือดมันจะตีบมันจะไปรัด พังผืดมันก็ยังมีอยู่นะ พูดไปแล้วมันทรงตัวอยู่ได้เพราะว่าเรากินอาหารแบบนี้ จริง ๆ แล้วนี่มันจะยืดหยุ่นมากขึ้นเลย มันก็ไม่แข็งแล้ว ตรงนี้มันจะหยิบขึ้นแล้ว (เอามือขวาหยิบเนื้อที่แขนซ้าย) มันนิ่มแล้วค่ะ มันจะเหมือนคนปกติ ท่านสังเกตเถอะ ถ้ามีใครเป็นแบบนี้อยู่ที่บ้าน บอกเขาเลยว่าให้ทำแบบนี้ มีตัวอย่างแล้ว โรคหนังแข็งจะมีไม่เท่าไรหรอกค่ะ มีไม่เยอะเท่าไร ถ้ามีใครเป็นแบบนี้ก็แนะนำอย่างนี้ได้เลย เพราะว่าบอกเขาเลยว่าให้ทานแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องทานเนื้อสัตว์ ถ้าทานเนื้อสัตว์นี่ไม่ถึง 5-6 เดือน เคยมีหลักฐานยืนยันเพราะว่าหลายคนมาทักคนปฏิบัติธรรมด้วยกันอยู่กลุ่มเดียวกันนี่เขาบอกว่า โอ๊ย อาจารย์ อยู่บ้านฉันเป็น 4 เดือน เขาตายไปหมดแล้วเด้อ ผู้นั่นก็ตาย ผู้นี่ก็ตาย ผู้นี่ก็ตายเอ้าอาจารย์สิบ่ตายฮึ อ้าว อยากให้ฉันตายหรือไง ทำไมต้องถามอย่างนี้บ่แม่นทำไมถึงอยู่ได้ ทำไมถึงไม่ตาย
ก็เล่าให้เขาฟังว่าเพราะว่าฉันไม่กินเนื้อสัตว์ ฉันถือศีล ฉันปฏิบัติธรรมที่สำคัญคือ ข้อหนึ่ง จำไว้นะคะ ข้อหนึ่งนี่คือเราจะต้องไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่เบียดเบียนแม้กระทั่งคนข้างเคียง เป็นแม่บ้านก็อย่าเบียดเบียนน้ำใจสามีเขาออกไปนอกบ้านก็อย่าไป ฮึ่ม ไปหาคนนั้นล่ะมั้งนี่ มันต้องนัดกันแน่ ๆ เลยแน่ ๆ เลย ต้องตามไปดูซะแล้ว คิดไปคิดมาพลังบาปพลังที่เราคิดกับเขาไม่ดีนั่น มันจะผลักให้เขาเป็นจริง ๆ นะ อย่าไปคิดไม่ดีกับเขาอย่างนั้น เขาไปหาเงิน คิดอย่างนี้ เขาไปทำมาหากิน เขาไปช่วยหาเงินมาให้เรา ต้องคิดในแง่ที่ดีกลับมาก็ไม่ต้องไปทะเลาะเบาะแว้ง ยิ้มรับไปเลย อย่างนี้แล้วครอบครัวก็จะเป็นสุข นี่คือการปฏิบัติธรรมมีส่วนช่วยในการรักษาโรคได้อย่างดี จากคำพูดที่อาจารย์หมอบอกว่า ปฏิบัติธรรมถือศีล ศีลก็จะนำสุขมาให้ เพราะฉะนั้นมาในนี้แล้วก็ได้ทั้งอาหารกายอาหารใจ กลับไปขอให้ท่านรีบทำ ไปแล้วก็ให้นำประสบการณ์ที่ได้มานี่กลับไปทำ ทอ ทอ ทอ คือทำทันที อย่าเพิ่งให้ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อย ส้มตำ ตำซั่ว ก้อยเนื้อ ลาบวัว วิ่งเข้ามาหา
ถ้ามันลอยเข้ามาก็เตะมันกระเด็นออกไปเลย รีบเอามะละกอมาสับ ๆ ๆ หาเก็บอ่อมแซ่บมาอยากจะให้มันอร่อยรึ มีวิธีการเยอะแยะไปท่านพลิกแพลงเป็นอยู่แล้ว ยอดมะยม แล้วก็อะไรบ้างที่เป็นอาหารฤทธิ์เย็นผักฤทธิ์เย็น เก็บมาเลยเป็นกระจาดเลยมันกินยากนะนี่ จะเคี้ยวยังไงไหว ตั้งถาดนึง ไม่เป็นไรหั่นฝอย ๆ หั่นยิบ ๆ เอาน้ำจิ้มมาราดประมาณสัก 30% ตามที่อาจารย์สอนนะคะ ไม่ต้องเยอะ วุ้นเส้นสักหน่อย เอาไว้หน่อยให้มันกินง่าย ๆ หน่อย ให้มันเป็นยำค่ะยำผัก ผักทุกอย่างเอามาหมด สิบอย่างก็เอามา ว่านกาบหอย ฮว่านง็อกก็เอามา ยอดมะยมก็เอามา ทุกอย่างที่ท่านหาได้ในรอบบ้าน เอามาแล้วก็หั่นมายำ เอาใบเมี่ยงมาห่อปรุงให้แซ่บแซ่บตามประสา ไม่ใช่แซ่บแบบ 100% ให้พอดีกินได้แล้ว เอาใบเมี่ยงขาว ๆ ใบแป้งค่ะ เอามาห่อเท่ ๆ หน่อย ให้มันอยากกินหน่อย ถ้าจะให้กินเป็นยอดเป็นใบนี่ จ้างก็กินไม่ได้ กินไม่ลงแน่นอน เพราะฉะนั้นปรับปรุงดัดแปลงเลยค่ะ อยากกินแกงรึ ก็ทำเป็นแกงส้ม ทำท่าให้มันเหมือนแบบต้มยำ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดเอามาให้ครบเลย แต่มะขามเปียกก็ไม่ต้องใส่เป็นกำนะคะ ใส่สักประมาณนิดนึงพอให้ออกรสเปรี้ยว อย่าให้เกินจากสูตรตรงนี้ พยายามเอาอันนี้เป็นมาตรฐาน ไปถึงก็พยายามต่อให้มันติด อย่าเพิ่งให้อะไรต่าง ๆ ลอยหน้าลอยตาเข้ามา เดี๋ยววงดนตรีคณะแสบทรวงสาขาสองจะมาเยี่ยมท่าน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งให้มันเข้ามาในชีวิต รีบทำช่วงชิงไว้เลย ความชั่วจะเข้ามาก่อนรีบทำดีให้ต่อเนื่อง แล้วความสุขนั้นจะพาให้ท่านหายโรค ความสุขจากการได้กินอาหารแบบนี้ สุขทั้งกายทั้งใจ ศีลนั่นแหละจะคุ้มครองท่าน ศีลก็คือตั้งข้อห้ามสำหรับตัวเองก็ทำตามให้ได้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นอยากจะขอฝากสุดท้ายว่า การพึ่งตนค่ะ เป็นคำตอบเป็นอะไรก็ตาม ไม่ต้องหาหมอหรอก หมอไม่สำคัญสำหรับฉันเสียแล้ว เพราะฉันเป็นหมอให้ตัวเองหมอที่เก่งที่สุดอยู่นี่ ฉันนี่ตบอกเลยนี่หมอ ไม่ต้องไปหาหมอที่ไหนเลย แก้ปัญหาเอง ถ้ายังไม่ปวดเยี่ยวก็ไม่ต้องกินมันล่ะเยี่ยวนี่ หายใจเอา หายใจเอาก็ได้ ยกเว้นบางกรณี เพียงแค่บาง อย่างบางครั้งบางคนที่จะต้องอาศัยคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือหยูกยา ถ้าสถานการณ์เหมาะควรที่ต้องใช้ต้องอาศัย