2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.16 |
ชื่อ | นางสาวฟ้าปลื้ม ศรีจันทร์ |
เพศ | หญิง |
อายุ | 46 ปี |
จังหวัด | นครราชสีมา |
โรค | โรคปวดหัวจากอุบัติเหตุ โรคช็อกโกแลตซีสต์ |
อาการ | ปวดหัว เป็นประจำ |
วันสัมภาษณ์ | 30 พฤศจิกายน 2557 |
โรคประจำตัว คือ มีอาการปวดหัว เป็นประจำ จากอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้นจนสลบ เมื่อปี 2548 เมื่อ 9 ปีที่แล้วหาหมอแผนปัจจุบัน เย็บแผลหัวแตก กินยาแก้ปวด แก้อักเสบตามหมอจัดให้ ดูแลรักษาอยู่ 3 ปี ดีขึ้น แต่อาการปวดศีรษะ เวียนหัว บ้านหมุน ก็ยังมีมารบกวนเป็นระยะ ๆ
เข้ารับการผังเข็มตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า ปวดแขนจากการล้มกระดูกต้นแขนร้าว 3 ปี หาหมอเอ็กซเรย์ (กระดูกหัวไหล่ร้าว) กระดูกไม่เข้ารูป และหาหมอจัดกระดูก ค่อย ๆ ดีขึ้นแต่แขนยังยกขึ้นไม่แนบหูหาหมอนวดฝังเข็ม
มีช็อคโกแลตซีสในช่องคลอด 6 ปี ไม่ได้รักษาแผนปัจจุบัน กินว่านชักมดลูก กินน้ำหมักพลูคาว กินสมุนไพรที่รักษามดลูก ไม่มีผลที่ทำให้เดือดร้อน แต่มักปวดท้องประจำเดือนมาก ร้อนบริเวณท้องน้อยใกล้มดลูก เมื่อนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ (นาน 1 ปี) ทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำปัสสาวะ และน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด เช็ด และพอกเอาไว้ ลดความทรมานลงได้ ปวดท้องประจำเดือนลดลง อาการร้อนท้องน้อยลดลง
อาการโรคและอาการทั้งหลายนั้น มีต้นเหตุมา คือ ได้รับอุบัติเหตุ เพราะพิษร้อนในร่างกายที่มากเกินไป จนทำให้เกิดอาการวูบและล้มหัวฟาดจนสลบ ล้มแขนร้าวนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อขาข้างซ้ายอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักตัวขณะก้าวลงจากห้องน้ำได้ ทำให้กระดูกหัวไหล่กระแทกผนังห้องน้ำอย่างแรง
ดิฉันสังเกตได้ว่าจะมีอาการแย่ลงเมื่อเครียด พักผ่อนน้อยใช้ชีวิตที่บีบคั้น รีบเร่ง อยากได้ดีเกินฐานะความเป็นจริงของตัวเอง ไม่ออกกำลังกาย รับประทานอาหารฤทธิ์ร้อนมากเป็นปกติ เพราะไม่มีความรู้เรื่องร้อนเย็น
กระทบพืชสมุนไพรฤทธิ์เย็น แล้วจะมีอาการดีขึ้น ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ โพกศีรษะพันคอการรับประทานอาหารตามลำดับ ไม่ทานแป้งเยอะ ไม่ทานหวานเยอะ ไม่ทานของทอดเยอะ นั่งแช่ก้นในกะละมังเพื่อระบายความร้อนออกจากบริเวณท้องและก้น
อาการปวดหัว ปวดตา ร้าวถึงต้นคอ บ่า ไหล่ จากการทำงานที่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน ดูแลตนเองให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุลด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรมได้ดังนี้
1. หยอดตา หูจมูก ด้วยน้ำสกัดย่านางแถมด้วยน้ำปัสสาวะ พร้อมทั้งล้างจมูกด้วยน้ำปัสสาวะ โดยวิธีการสูดทีละข้าง (ทำให้จมูกโล่งหายใจสะดวกขึ้นจากที่จมูกซ้ายมักตีบหายใจได้ไม่เต็มที่ และยังทำให้มูกเมือกในโพรงจมูกไหลออกตามมากับก้อนขี้มูกแข็ง ๆ ด้วย)
2. ฉีดพ่นใบหน้า ศีรษะ ต้นคอ ด้วยน้ำสกัดย่านาง แล้วกัวซา ด้วยหวีแปรงแข็ง ๆ กัวซาต้นคอ บ่า ไหล่ หลัง เอว ก้นกบ ท้องน้อย ขาท่อนบนให้ตัวเองด้วยไม้กัวซา ประยุกต์จากไม้ดันรองเท้าที่ซื้อจากการขายสินค้าโอท็อปซึ่งด้ามยาว ทำให้ลงน้ำหนักการกัวซาได้พอดี ที่ร่างกายต้องการ ปกติข้าพเจ้าไม่สามารถกัวซาให้กับตัวเองได้เกิดความท้อใจมานานจนวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2557) จึงได้ทดลองกัวซาให้ตัวเองทำให้อาการปวดหัวปวดเบ้าตา ร้าวถึงคอ บ่าไหล่ หายเป็นปกติในเวลาไม่ถึง 30 นาที นับเป็นความประทับใจที่สุดที่สามารถพึ่งตนด้านกัวซาได้โดยไม่ต้องไปรบกวนใครให้ทำให้ ได้ทดลองกัวซาให้ตัวเอง
3. ทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น 1-3 ขวด
4. กดจุดลมปราณ โยคะ
5. กินน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น และกินอาหารปรับสมดุล ลดปริมาณข้าวลง หรือไม่กินข้าว แต่กินน้ำปั่นผักผลไม้แทน
6. นั่งสมาธิ
ปวดฟันร่วมกับปวดหัว ใช้เทคนิคหยอดหู หยอดตา หยอดจมูก กัวซา หัว ใบหน้าและนั่งสมาธิเกือบตลอดคืน พอตื่นเช้าก็หายเกือบปกติ เสริมด้วย การดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น กินอาหารปรับสมดุล ดื่มน้ำปัสสาวะ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ร่วมด้วยจึงหายเป็นปกติ
อาการร้อนใต้ท้องน้อย บริเวณมดลูกมากดุจดังนำโซ่ที่เผาไฟร้อน ๆ มาพาดบริเวณท้องน้อย จากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน (ข้าพเจ้ามีปัญหาที่มดลูก ปวดประจำเดือนเป็นปกติมีช็อคโกแลตซีสในมดลูก ซึ่งตรวจพบเมื่อ 6 ปี) ที่ผ่านมาดูแลตนเองด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรมได้ลองปฏิบัติ และมีอาการดีขึ้น และข้าพเจ้าเป็นที่พึ่งของคนไม่สบายที่ไม่ต้องการไปหาหมอ (ก็ทราบกันโดยปริยายว่าพบทางตันแล้ว) เพราะว่าเกิดอาการไม่สบายเราก็สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง กล้าทดลองด้วยตัวเองเพราะมันประหยัดเรียบง่าย ราคาถูกเป็นขวัญใจคนยากไปแล้วสังคมมักจะยินดีมาปรึกษากับเราให้ความไว้วางใจกับเรา และนำไปทดลองปฏิบัติแล้วเห็นผลจึงเกิดความมั่นใจในการที่จะหันมาพึ่งตนข้าพเจ้า ไม่ต้องไปหาหมออีกเลย
ข้าพเจ้าไม่ปล่อยให้ร่างกายเป็นมากหรือมีอาการมากจนเกินเยียวยา เพราะจะรีบแก้ไขเสียตั้งแต่เริ่มมีอาการจะตั้งรับได้ทัน รีบปรับร่างกายให้เข้าสู่สภาวะสมดุลก่อนที่จะแก้ยาก ประหยัดเงินได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะไม่ต้องเสียเงินเลย พึ่งตนได้ทุกอย่าง ทำงานได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปหาวิธีรักษาอื่น ๆ ที่ไกล ที่แพงแถมต้องไปหาบ่อย ๆ อีก