2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.18 |
ชื่อ | นายมงคลวัฒน์ รัตนชล |
เพศ | ชาย |
อายุ | 51 ปี |
จังหวัด | สงขลา |
โรค | โรคนอนกรน โรคความดันโลหิตสูง โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม |
วันสัมภาษณ์ | พฤศจิกายน 2557 |
นอนกรน ความดันโลหิตสูง หมอนรองกระดูกเสื่อมเริ่มตั้งแต่ปี 2549 หมอแนะนำให้ปรับเปลี่ยนอาหารลดเค็ม หวาน มันจัด ออกกำลังกาย และกินยาควบคุมความดัน ซึ่งสามารถควบคุมความดันได้แต่ต้องกินยาลดความดัน ถ้าหยุดกิน ความดันจะสูงประมาณ 170/110 มม.ปรอทต้องทำโยคะเพื่อลดอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
ต้นเหตุเกิดจากภาวะเครียดต้องกังวลกับงานที่ต้องรับผิดชอบเป็นอันดับแรก เพราะอาหารการกินยังมีการกินอาหารที่เป็นโทษ เช่น กาแฟ อาหารปรุงรสมากรวมถึงเนื้อสัตว์ อาหารโต๊ะจีน อาหารฝรั่ง งานที่ทำ ทำให้การพักผ่อนไม่เป็นเวลาบางครั้งพักผ่อนน้อย
ความดันโลหิตสูง ควบคุมโดยการออกกำลังกาย (เล่นเทนนิส) โยคะ วิ่ง ควบคุมอาหารลดหวาน มัน เค็ม เนื้อสัตว์ งดแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา ทานยาบางครั้ง กินยาลดความดันบางครั้ง ทำอยู่ 3 ปี ควบคุมความดันได้ระดับ 140/90 แต่ถ้าหยุดยาเกิน 3วัน จะขึ้น 170/110 ปวดหมอนรองกระดูก ปวดเอว ดูแลรักษาโดยการทำโยคะ 3 ปี ผลคือ ไม่ปวด แต่ห้ามยกของหนัก ถ้ายกจะปวดอีก พิษของสารเคมีที่ติดมากับอาหาร ถอนพิษร้อนโดยการใช้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นเช็ด และขับพิษจากบริเวณหลังข้อพับแขน คอ หัว ทุก 1-2 ชั่วโมง ใช้เวลาดูแล ตั้งแต่ 23:00-03:00 น อาการไข้ลดลงสู่สภาวะปกติ จากอาการหนักมาก
ความดันโลหิตสูงหลังจากปฏิบัติยา 9 เม็ด โดยการดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น (กินยาล้างพิษ) ดีท็อกซ์ (เช้า-เย็น) กดจุด โยคะ กัวซาหน้า หัว คอ ความดันปรับลดลงสู่ภาวะปกติภายใน 1-3 วันและเมื่อทำต่อเนื่องจะรักษาสภาวะความดันเป็นปกติได้ไม่ต้องกินยาความดันโลหิตสูง ซึ่งปฏิบัติต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน อาการความดันโลหิตสูงจะหายไป และทดลองพักผ่อนน้อย กินอาหารรสจัด ของมีพิษเช่น กาแฟ อาการความดันโลหิตสูงจะกลับมาอีก (วัดได้บางครั้ง 160/100) แต่เมื่อปฏิบัติยา 9 เม็ด อาการจะหายไปภายใน 1-3 วัน เร็วขึ้น
การแช่สมุนไพร ได้ทำมา 2-3 ครั้ง ในช่วง 2 ปีแรกที่ทำการปรับสมดุลล้างพิษให้กับร่างกาย จะดันพิษร้อนออกมาทำให้ผิวหนัง เกิดผื่นคันมาก จึงได้ใช้วิธีถอนพิษโดยการแช่สมุนไพร ซึ่งหลังจากทำ จะทำให้อาการคันหายไปได้มากถึง 60-70%
ปัจจุบันจะทำโยคะทุกวัน โดยเฉพาะกดจุดลมปราณจะทำเช้า-เย็น เพราะสะดวกไม่ต้องอาศัยพื้นที่ ซึ่งทำให้ร่างกายสบายขึ้น ความปวดเมื่อยลดลง จะกินอาหารมังสวิรัต ผักพื้นบ้าน กินอาหารตามลำดับ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด กินโปรตีนจากถั่วฤทธิ์เย็น รู้เพียรรู้พักให้พอดี เพราะยังมีกิเลส จึงทำให้พักได้น้อย คือ ไม่สามารถนอน 22:00-04:00 น. มักนอนดึกกว่านั้น และตื่นสาย จากการตรวจเช็คแล้ว ข้อนี้ยังเป็นข้อที่สอบตกอยู่ ปฏิบัติได้ไม่ถึง 50% มักจะนอนดึกตอนเที่ยงคืน
จากการปฏิบัติยา 9 เม็ดต่อเนื่องมา 5 ปี (ตั้งแต่ปี 52) ร่างกายมีปฏิกิริยาในการต่อต้านพิษและมีปฏิกิริยาต่อสารพิษเร็วมาก คือจะบอกได้ว่า ต้องการหรือไม่ต้องการ อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงเลยจะมีพลังสูงสุด การปรุงที่ดีที่สุดคือแค่ทำให้สุกโดยการ ลวก หรือต้มเท่านั้น เกลือเป็นเครื่องปรุงชนิดเดียวที่ใช้เพื่อให้เค็ม เป็นการเติมพลังชีวิตให้กับร่างกาย หลังจากทำได้แล้ว ก็อนุโลมกับเพื่อน ๆ ได้ ถ้าต้องกินอาหารที่ปรุงรสบ้าง แต่ถ้าเลือกได้จะไม่ปรุงรส
ผลตรวจเลือดหลังปฏิบัตยา 9 เม็ด เดิมซึ่งทุกตัวจะอยู่ในระดับสูงสุด แต่หลังปฏิบัติ ผลตรวจจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ HDL จะสูงกว่าปกติเล็กน้อย ไม่เคยเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย ถ้าเป็นหวัดน้ำมูกไหลไม่เกิน 3 วันก็หาย ความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ อาการหมอนรองกระดูกปวดน้อยลง ปวดเอวน้อยลง สบายขึ้นไม่ปวดร้าวขาขวา บางครั้งก็หายไป ถ้ายกของหนักก็จะเป็นอีก ต้องแก้โดยการทำโยคะ ต่อมน้ำลายและต่อมที่คอซึ่งเป็นก้อนเล็กลง บางก้อนก็หายไปเลย และมีแนวโน้มว่าจะหายไปทั้งหมด น้ำหนักตัวลดลงจาก 78 กิโลกรัม เป็น 75 กิโลกรัม ปัจจุบัน 70-71 กิโลกรัม สบายเบากาย มีกำลังมากขึ้น หน้าตาสดใสไม่หมองคล้ำ นอนกรนน้อยลง
ไม่กล้าทำบาป เบียดเบียนผู้อื่น เลิกกินเนื้อสัตว์แบบไม่ต้องข่มใจไม่ให้อยากกิน แต่ไม่ได้เลิกกินเพราะเกรงกลัวบาปที่ต้องกินเนื้อของสัตว์ ศีล 5 ละเอียดขึ้น มั่นคง หันมาบำเพ็ญช่วยเหลือผู้ป่วย ที่ต้องใช้แพทย์วิถีธรรม เพื่อเป็นหมอรักษาตัวเอง เริ่มจากคนที่สนิทรู้จักช่วยผสานจัดค่ายสุขภาพแพทย์วิถีธรรม ให้กับผู้สนใจแล้วผู้ป่วย ผสานงานจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธภาคใต้ ให้ร่วมกันจัดตั้งจิตอาสาภาคใต้มากขึ้น โดยเริ่มต้นจากรวมตัวกับจิตอาสาท่านอื่น ๆ จัดค่ายสุขภาพให้คนในจังหวัดสงขลาครั้งแรกเดือนมกราคม 2553 โดยเชิญอาจารย์หมอเขียวมาบรรยาย หลังจากนั้นก็รวมตัวกับจิตอาสาท่านอื่น ๆ ก่อตั้งเป็นเครือข่ายจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ (หมอเขียว) มีความสุขเบิกบาน ที่ช่วยเผยแพร่ศาสตร์แพทย์วิถีธรรมแก่มวลชน อาจารย์หมอเขียวพาปฏิบัติธรรมไปสู่โลกุตรธรรม โดยผ่านการเป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค้นหามาตลอดชีวิต ได้ทั้งบุญ (ลดกิเลสตนเอง) กุศล (ช่วยเหลือตนเองหายโรคภัย) และช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์พึ่งตนได้ ชัดในเรื่องของกรรมและวิบากกรรม กังวลและทุกข์ใจน้อยลง เป็นที่ปรึกษาเรื่องสุขภาพ ให้กับคนป่วยและคนใกล้ชิด
ไม่เคยเจ็บป่วยเลย ไม่เคยไปหาหมออีกเลย มีความสุขมากขึ้น มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้มีโอกาสช่วยงานแพทย์วิถีธรรมมากขึ้น แต่รายได้ก็พอเพียงเลี้ยงครอบครัวได้ ครอบครัวมีความสุข มีความรักใคร่สามัคคีกันมากขึ้น ใส่ใจมากขึ้น ลูก ๆ สัมมาและประหยัดมากขึ้น ไม่ดื้อน่ารักทุกคน
ศาสตร์การแพทย์วิถีธรรม จะปฏิบัติได้ยากถ้าไม่ปฏิบัติธรรมลดกิเลสไปพร้อม ๆ กัน การปฏิบัติยา 9 เม็ด จะได้ผลน้อย ผู้ที่จะใช้ศาสตร์แพทย์วิถีธรรมได้จริง ๆ ต้องมีความศรัทธาเชื่อมั่นในยา 9 เม็ดของหมอเขียว และทุ่มโถมทำจริง ๆ ที่สำคัญคือ ต้องไม่กลัวตาย ไม่กลัวโรค ไม่เร่งผล
ไม่กังวล แพทย์วิถีธรรมเป็นศาสตร์ใหม่ที่มีข้อให้เราพิสูจน์เป็นระยะ ๆ อยู่เสมอ ต้องมีสติในการพิจารณาในรายละเอียด สาเหตุ ของการเจ็บป่วยอยู่เสมอ สาเหตุใหญ่อีกตัวคือวิบากกรรม ต้องไม่ลืม ซึ่งวิธีแก้ คือละชั่ว ทำดีให้มาก ๆ ยิ่งลดกิเลสได้มากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการรักษา จะเพิ่มพูนได้มากเท่านั้น ถ้ายังไม่ศึกษาให้ครบ 3 คอร์ส คือคอร์สสุขภาพ 5-7 วัน คอร์สพระไตรปิฎก 7-10 วัน คอร์สแฟนพันธ์แท้ 7-10 วัน ท่านอย่าเพิ่งคิดว่าท่านเข้าใจในศาสตร์แพทย์วิถีธรรมแล้ว โปรดเข้าให้ครบ 3 ค่ายก่อน
ผมจึงเข้าค่ายมามากกว่า 24 ครั้งในรอบ 5 ปี เพราะทุกครั้งที่ได้ฟังจะได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมที่จะลดทุกข์ได้จริง ๆ ผมขอท้าทายให้ท่านพิสูจน์ดู