2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.12 |
ชื่อ | นางสาวหมายขวัญพุทธ สุขโสต |
เพศ | หญิง |
อายุ | 49 ปี |
จังหวัด | นนทบุรี |
โรค | โรคกระดูกพรุน โรคแพ้ฝุ่น |
อาการ | แสบตา |
วันสัมภาษณ์ | 20 พฤศจิกายน 2557 |
ลักษณะงานก่อนหน้ามาอยู่ทำงานที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาพฯ สวนป่านาบุญ เป็นมัคคุเทศก์พานักท่องเที่ยวชมสถานที่ เช่น วัด วัง และล่องเรือชมชีวิตความเป็นอยู่ของสองฝั่งคลอง ปัจจุบันเป็นจิตอาสาที่สวนป่านาบุญ 1 อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ลักษณะงานปัจจุบันที่ทำเป็นประจำคือ การเป็นผู้รับใช้อยู่ช่วยจิตอาสาที่ฐานปุ๋ยและขยะ และเป็นผู้รับใช้อยู่ฐานแช่มือแช่เท้า นอกจากนั้นสามารถทำการเกษตร การครัว ล้างภาชนะและการให้คำแนะนำในการเข้ารับการอบรมในค่ายตลอดจนการช่วยแนะนำความรู้เรื่องเทคนิคในการดูแลสุขภาพตนเองด้วยยา 9 เม็ด
ประวัติชีวิต
เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิดเกิดที่โรงพยาบาลราชวิถี มีพี่น้อง 5 คนเป็นคนที่ 3 มีฐานะปานกลาง คุณพ่อคุณแม่เป็นอาจารย์ใหญ่สอนอยู่โรงเรียนรัฐบาล ปัจจุบันคุณพ่อเสียแล้วคุณแม่อายุ 76 ปี ตนเองจบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะบริหารเอกการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ได้มาทำบริษัททัวร์ Domestic และ Tour In bound ประมาณ 20 ปีมีความสุขในการทำงานดีมากแตั้งใจว่าอาชีพนี้แหละใช่เลย เป็นไกด์ที่ไม่เคยเหลวไหล รักครอบครัว รักเพื่อน ไม่เที่ยวเตร่ เวลาเหลือเฟือ จึงไม่มีหนี้ไม่เคยมีบัตรเครดิต ชีวิตสุขสบายเคยจัดโปรแกรมนำเที่ยวเอง 3-4 ครั้ง พาไปไหว้พระ เที่ยวสถานที่แปลก ๆ และสวยงาม ทำทัวร์ขาดทุนสนุกดี ได้กำไรชีวิต แต่ตนเองรู้ได้ว่าไม่ใช้สิ่งที่คนคนหนึ่งจะทำได้แค่นี้ ทุกครั้งที่กราบพระจะตั้งจิตอธิษฐานให้ตนได้เป็นจิตอาสา ทำคุณเพื่อชาติบ้านเมือง และได้มีโอกาสเรียนพระไตรปิฏกด้วยเพราะสังคมปัจจุบันจะให้ข้อมูลที่อ้างพระพุทธเจ้าแบบขัดกับคำสอนของพระองค์อยู่เสมอ ซึ่งปกติตนเองมิได้ฝักใฝ่ในหลวงพ่อรูปใด จะนึกถึงแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวทุกครั้งที่มีปัญหาหรือหาทางออกไม่เจอ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2553 ได้มีโอกาสมาเข้าอบรมที่ค่ายคุณหมอที่โรงเรียนผู้นำของลุงจำลอง ด้วยการชักชวนของน้าสาวให้มาเป็นเพื่อนจึงได้ตัดสินใจมา รู้สึกแปลกใจและประทับใจในการสอนที่คุณหมอเอาเนื้อหาทางพระธรรมคำสอนมาเป็นตัวเดินเรื่องและเชื่อมโยงเข้าสู่การรักษาโรคที่พึ่งพาตนเองเป็นสำคัญ จึงนั่งฟังด้วยความตั้งใจ และจดจำ กลับมาทบทวนพยายามประพฤติปฏิบัติตามคำสอนทำให้หยุดเนื้อสัตว์ได้ แต่ยังกินไข่อยู่ ส่วนกาแฟลดไปได้เยอะมาก ด้านขนมหวานลดไปเยอะเช่นกัน อีกทั้งยังหันมารับประทานผักผลไม้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ประมาณ 1-2 เดือน ทำต่อไม่ได้ สังคมทางโลกแรงสู้ไม่ไหวผ่านเลยไป 1 ปี ในปี 2554 ตัดสินใจมาเข้าอบรมใหม่ ตั้งใจว่าจะทำงานครึ่งปี และจะมาช่วยเป็นจิตอาสาครึ่งปี เป็นการวางแผนชีวิตตั้งใจมาจริง ๆ แต่ช่วงเวลาที่เข้ามาเกิดวิกฤติอุทกภัยทางน้ำอย่างรุนแรง ทีมงานแพทย์อาสาวิถีธรรมเดินทางไปช่วยผู้ประสบภัยที่กรุงเทพฯ ทำอยู่ 2-3 เดือน ทำให้ต้องทำงานช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเป็นเวลายาวจึงตัดสินใจไปลาออกจากการเป็นมัคคุเทศก์ด้วยใจเป็นสุขและยินดีที่ได้มามีส่วนร่วมในการทำงานประจำที่สวนป่านาบุญจนถึงปัจจุบัน
ประวัติสุขภาพก่อนรู้จักแนวทางดูแลสุขภาพด้วยหลักการแพทย์วิถีธรรม
เป็นคนสุขภาพค่อนข้างดีไม่มีโรคอะไร มักเป็นหวัดมีน้ำมูกเมื่ออากาศเปลี่ยน ชอบกลั้นปัสสาวะ คิดฟุ้งซ่านเรื่องงาน มักแสบตาตอนที่เจอแสงแดดจัดลมแรง ๆ และฝุ่นมาก ๆ จะเคืองตาและกระดูกค่อนข้างบางเพราะเกิดอุบัติเหตุทางกระดูกทีไรกระดูกหักทุกที ส่วนใหญ่ที่เท้าและขาเคยหักติดต่อกัน 3 ปีซ้อน
การรู้จักการแพทย์วิถีธรรม น้าสาวชวนมาไม่เคยรู้จักมาก่อนเมื่อมาศึกษาแล้วทำให้ได้รับรู้สิ่งที่ไม่เคยเรียนที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องธรรมะ ทำให้เราเข้าใจชีวิตและโลกนี้มากยิ่งขึ้น อย่างคำสอนของอาจารย์หมอเขียวต่าง ๆ มากมายที่เข้าถึงจิตใจพาให้เกิดล้างทุกข์ออกจากจิตวิญญาณทำให้เรามีความโล่ง โปร่ง เบาสบายกายและใจมากยิ่งขึ้น เช่น ทำทุกอย่างด้วยใจยินดีเบิกบานเพื่อโลกและเราได้อาศัย ก่อนทุกอย่างจะดับไป”เป็นคำคมที่ประทับใจ เพราะสอนให้เรารู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่ของเราจะมาหวังยึดเป็นตัวเป็นตนยึดมั่นถือดีอยู่ทำไม แค่ยึดมาเพื่ออาศัยให้โลกได้เลี้ยงไว้ก็พอแล้ว และมีชีวิตที่เป็นสุขยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปล่อยวางก็เบาตัวมีแรงทำงานได้เต็มที่ งานเดินได้ด้วยพลังหมู่กลุ่มสังเคราะห์รวมกันให้ได้ประโยชน์สูงสุดเท่าที่เหตุปัจจัยจะเป็นไป จึงได้งานที่มีคุณค่าต่อส่วนรวมได้งานที่สร้างสรรค์ เมื่อทำดีไปเรื่อย ๆ ทำให้มีสุขภาพจิตดี เมื่อจิตดีส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง
มูลเหตุหรือแรงจูงใจที่มาเป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ก่อนหน้านี้ มีความใฝ่ฝันว่าอยากไปเรียนพระไตรปิฎกที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ แต่มาเจอคุณหมอเขียวก่อน เลยตามมาฟังมาเข้าค่ายพระไตรปิฎกและการได้มาเรียนกับคุณหมอ ก็ได้มาเรียนรู้การเป็นจิตอาสาด้วย จากความเชื่อมั่นและศรัทธาในองค์พระศาสดาและการได้ฟังคุณหมอสอนมั่นใจว่าทางนี้แหละทางเดี่ยวที่พาให้พ้นทุกข์ และอีกอย่างเมื่อได้ฟังเพลงแรงใจเพื่อมวลชนทำให้รู้ถึงคำว่าค่าของคน คนจะมีค่าได้ต้องล้างกิเลสตนเองให้เป็นเมื่อล้างได้จะมีแต่จิตวิญญาณที่เสียสละ พร้อมจะเป็นผู้ให้เสมอมันเป็นหน้าที่ของมนุษย์คนหนึ่งที่จะกตัญญูต่อแผ่นดินที่จะทำได้ในชีวิตหนึ่งค่ะและคิดว่าการฟังเพลงแพทย์วิถีธรรมทำให้มีความสุขและร่างกายแข็งแรง
การได้มาบำพ็ญบุญที่สวนป่านาบุญในฐานขยะเริ่มแรกรู้สึกรังเกียจขยะจากเศษอาหารที่บูด แต่พอมาได้รับความรู้ว่าสามารถนำขยะมาทำประโยชน์ได้มากมาย ได้สัมผัสขยะและได้ล้างภาชนะถุงและอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ เห็นคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดความเข้าใจและยินดีเต็มใจในการทำ ขณะเดียวกันได้พลังจากหมู่กลุ่มทำให้เกิดความสุขรู้สึกสดชื่น แข็งแรงมีความสุขมาก
การเผยแพร่ความรู้ช่วยเหลือผู้อื่น
การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมีมากมายแต่ที่จำได้บ้างเช่น
ท่านที่ 1 ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ได้เดินทางมาที่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มากันทั้งครอบครัวมาอยู่ด้วยเพื่อเรียนรู้การแพทย์วิถีธรรมมาปฏิบัติจริง โดยมีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมกันทางแพทย์วิถีธรรมได้ให้ปฏิบัติทุกอย่างตั้งแต่เปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นแบบพอเพียงเรียบง่าย ใช้สมุนไพรในท้องถิ่นทำการหุงต้มแบบถูกวิธีปรุงรสไม่จัด เลือกรับประทานพืชผักผลไม้ร้อนเย็นให้ถูกกับร่างกายทำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดดื่มเอง ใช้เทคนิคยา 9 เม็ดสลับไปมาตามความเหมาะสม รู้จักสวดมนต์เดินจงกรมทำสมาธิฟังธรรมสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับผู้อื่น จากตอนแรกผู้ป่วยมีร่างกายทรุดโทรม เบื่อหน่าย แววตา เศร้าซึม หม่นหมองไม่มีชีวิตชีวา แต่พอได้ปฏิบัติไปได้เกือบ 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้น และต่อมาได้ไปเข้าค่ายที่สวนป่านาบุญเพิ่มเติมอีกได้มาฟังหลักธรรมของพระพุทธเจ้า โดยคุณหมอใช้ภาษาที่เรียบง่ายเข้าใจได้ ทำให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจหลักการดูแลสุขภาพที่สำคัญนั้นมาจากใจ ทำให้อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นลำดับ
ท่านที่ 2 เป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีทวารเทียมหน้าท้อง ได้เข้าอบรมกับคุณหมอหลายครั้งแต่วิบากพาไปให้ต้องไปทำคีโม ซึ่งผู้ป่วยเจ็บปวดมากทรมานร่างกายและจิตใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นทุกข์จากการให้คีโม จึงตัดสินใจไปบอกเลิกในครั้งที่ 5 ว่าจะไม่ทำต่อเด็ดขาด และตัดสินใจมาปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำอย่างจริงจังตามหลักการแพทย์วิถีธรรม ทั้งเรื่องการรับประทานอาหารปรับสมดุลร้อนเย็นรู้จักออกกำลังกายการกำจัดความกังวลต่าง ๆ ด้วยหลักพรหมวิหาร 4 และอิทธิบาท 4 เพราะปกติผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีความกังวลในการขับถ่ายทางหน้าท้อง จะกลัวมีกลิ่นออกมาจะเปื้อนออกมาข้างนอก และจะหงุดหงิดง่ายเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มเข้าสู่วัยผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไปจะกลัวคนอื่นรำคาญในการมาดูแลตนจากการได้ไปพบผู้ป่วยเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2557 ค่า CEA ผลตรวจ 2.41 ซึ่งค่าปกติ 0.00-5.00 นั้นหมายความว่าร่างกายดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติว่าทางนี้แหละเป็นทางเดียวที่พาพ้นทุกข์
ท่านที่ 3 ผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ทำการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งที่ต้องตัดลำไส้ออกและขับถ่ายทางหน้าท้อง ผู้ป่วยได้ยืนยันกับแพทย์ที่ทำการผ่าตัดว่าไม่ขอทำคีโมจะขอดูแลรักษาตนเองเป็นผู้ป่วยที่เคยมาเข้าค่าย 2-3 ครั้งรู้หลักการปฏิบัติตนเพื่อสุขภาพตามหลักการแพทย์วิถีธรรมเป็นอย่างดีจากการได้พูดคุยจะเห็นว่าผู้ป่วยมีสุขภาพจิตดีมากดูแลรับผิดชอบตนเองทำได้เท่าที่มีกำลังผู้ป่วยมีภรรยาอยู่ดูแลใกล้ชิด ได้ปฏิบัติตามหลักการแพทย์วิถีธรรมเป็นประจำ เช่น รับประทานอาหารที่สมดุลร้อนเย็นและย่อยง่ายไม่รับประทานมากแต่อาจทานบ่อยเพราะมีผลต่อระบบย่อยดื่มน้ำสมุนไพรและผักผลไม้ปั่นอยู่เสมอ รู้จักออกกำลังกายเบา ๆ ไม่ให้ไปกระทบ กระเทือนกับกล้ามเนื้อหน้าท้อง จะชอบสวดมนต์นั่งสมาธิ และสนทนาธรรมกับภรรยาและคนรู้จักที่บ้านจะมีญาติมาสังสรรค์อยู่เสมอเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นมักจะเดินทางไปไหนด้วยการเดินและจะเปลี่ยนจากนั่งรถเก๋งมาเป็นนั่งรถบัส (ชอบนั่งรถฟรี) ไปต่างจังหวัดจะนั่งรถไฟฟรีเพื่อจะได้รู้จักคนในรถและได้พูดคุยได้เพื่อนมากมาย เป็นคนที่ยอมรับความจริงที่เกิดกับตน และพยายามปรับตนเองอยู่เสมอจริง ๆ แล้วผู้ป่วยเป็นคนมีฐานะ แต่กลับมาเลือกอยู่อย่างประหยัดเรียบง่ายสิ่งหนึ่งที่เห็นคือการแต่งกาย ผู้ป่วยหันมานุ่งโสร่งด้วยผ้าถูก ๆ ด้วยความเต็มใจ เพราะสะดวกในการขับถ่ายและการทำความสะอาดถุงรองรับอุจจาระ ผู้ป่วยทิ้งท้ายคำพูดไว้ว่า “ขับถ่ายทางหน้าท้องก็ดีนะเวลาปวดท้องฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องวิ่งหาห้องน้ำ”
ปัญหาอุปสรรคในการดูแลตนเองหรือพึ่งตนตามหลักแพทย์วิถีธรรม มีอะไรบ้าง มีแนวทางแก้ไขอย่างไร
บางครั้งผู้ป่วยไม่สามารถพึงตนเองได้เพราะเกินกำลังในการดูแลรักษาตน ต้องพึ่งหมอแพทย์ปัจจุบันได้ให้คำแนะนำว่าถ้าไม่สามารถจริง ๆ ก็ต้องทำแต่ก็ต้องวางใจเราจะทำการรักษาเท่าที่ไม่ก่อให้เกิดพิษภัยกับตนเอง แต่เมื่อมีโอกาสให้รีบกลับมาใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คุณค่ากับชีวิตอย่างเช่น ผู้ป่วยหลายท่านจำเป็นต้องผ่าตัดและครอบครัวก็ให้ความสำคัญกับการผ่าตัดในครั้งนี้มาก และการผ่าตัดบางครั้งก็จะเป็นทางเดียวในขณะนั้นที่ต้องรีบแก้ไขผู้ป่วยต้องวางใจและทำใจให้เป็นสุขทุกสถาณการณ์ เพราะจิตใจที่เข้มแข็งไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บป่วยย่อมทำให้ผู้ป่วยมีสภาพร่างกายที่ฟื้นได้อย่างรวดเร็วหรืออีกกรณีหนึ่ง เทคนิคการดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์วิถีธรรม ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกครั้งไป เช่น การพอกทา เรามักเอาผงถ่านดินสอพอง น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด น้ำปัสสาวะหรือน้ำสกัดย่านางผสมกันแล้วพอกทาบริเวณที่ต้องการ แต่ถ้าไม่มี ผู้ป่วยอาจเอาดินที่บ้านผสมกับข้าวและน้ำปัสสวะ ทำการพอกทาบริเวณที่เจ็บป่วยได้นั้นหมายความว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวถ้าเราเรียนรู้เรื่องความสมดุลร้อนเย็นอย่างเข้าใจก็จะสามารถปรับใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุดได้ หรืออีกกรณีหนึ่งเรื่อง พืช ผัก ผลไม้ ถ้าเราไม่สามารถปลูกกินเองได้ ไม่มีพื้นที่ผู้ป่วยก็สามารถเลือกซื้อจากแหล่งที่ปลูกพืชผักไร้สารพิษก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ซื้อมาแล้วแช่ด้วยถ่านหุ้งต้มเกลือหรือน้ำซาวข้าวอย่างใดอย่างหนึ่งแช่ประมาณ 10-15 นาทีก็พอที่จะช่วยลดสารพิษไปได้บ้าง ซึ่งอาหารนี้เป็นหนึ่งในโลกเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญและจำเป็นดังนั้นต้องใส่ใจและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่ยากเกินไปที่จะหาอาหารที่มีประโยชน์มารับประทาน แต่ทุกครั้งที่รับประทานอาหารต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่ามันมีพิษหรือไม่ เราจะรับประทานเพื่อบำรุงขันธ์เท่านั้นเมื่อพลาดไปต้องรีบกลับมาถอนพิษออกด้วยหลักการดูแลสุขภาพด้วยเทคนิค 9 ข้อ
ปัญหาอุปสรรคในการช่วยเหลือผู้อื่น หรือ เผยแพร่ความรู้แพทย์วิถีธรรม อะไรบ้าง มีแนวทางแก้ไขอย่างไร
คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักการปรับสมดุลร้อนเย็น ไม่รู้จักว่าการดำรงชีวิตนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมไม่รู้ว่าการล้างกิเลสทำให้คนเราพ้นทุกข์หายจากโรคภัยได้หรือการเอาหญ้ามากินแทนผักแพง ๆ ที่ขายตามท้องตลาดได้เป็นเรื่องแปลกและไม่มีใครรู้เรื่องเช่นนี้มาก่อนเนื่องจากความไม่รู้ ไม่เคยเรียนพ่อแม่ไม่เคยสอนซึ่งจริง ๆ แล้วบรรพบุรุษของเราท่านได้ดำเนินชีวิตด้วยหลักการเหล่านี้มาก่อนทั้งสิ้นด้วยที่สังคมโลกถูกเหวี่ยงไปตามแรงของกิเลสในระบบทุนนิยม ทำให้ประเทศไทยถูกกำหนดว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา สิ่งเหล่าทำให้วิถีชีวิตของคนไทยถูกปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วปรับตัวไม่ทันเขาให้อะไรมารับไว้หมดนี้เป็นสาเหตุหนึ่งในปัญหาที่จะช่วยเหลือผู้อื่นหรือเผยแพร่ความรู้ด้านการแพทย์วิถีธรรม ด้วยคนไปติดยึดวัตถุ และโลกธรรมต่าง ๆ ที่สืบทอดปฏิบัติตาม ๆ กันมา อะไรที่ต่างไปจากนี้จะถูกตีทิ้งดังนั้นแนวทางในการแก้ไขคือต้องให้ความรู้อย่างมีสัมมาทิฏฐิ เสียก่อน แต่การที่ผู้อื่นจะเปิดใจรับความรู้เหล่านั้นได้นั้นตัวเราต้องปฏิบัติได้จริงเสียก่อน อย่าเพียงแต่คิดและจำได้เท่านั้น เพราะการพูดนั้นจะเป็นการพูดเท็จทันที (เดรัจฉานกถา) เป็นวิบากกรรมชั่วดังนั้นตนเองพยายามฝึกทำให้ได้และเห็นผลจริงเสียก่อน จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในการให้ความช่วยเหลือต่อผู้อื่น
เหตุปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการดูแลตนเองหรือพึ่งตนตามหลักแพทย์วิถีธรรม
ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการดูแลตนเอง คือ การมีอิทธิบาท 4 มีความยินดีและพอใจที่จะปฏิบัติทุกครั้ง มีความพากเพียรอดทน มุ่งมั่น ทุ่มโถมจริงจังและเข้าถึงแก่นแท้แห่งพุทธธรรม รู้จักรับผิดและเต็มใจที่จะแก้ไข พึงพอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ มีเป้าหมายแห่งชีวิต พร้อมเป็นที่พึ่งพาของผู้อื่นและที่สำคัญที่สุดคือเลื่อมใสและศรัทราต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ลดละล้างกิเลสให้ได้จริง
เหตุปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้อื่น หรือ เผยแพร่ความรู้การแพทย์วิถีธรรม
ความลงตัวของผู้ให้และผู้รับที่สมดุลพอดี จะทำให้ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือหลักการสำคัญในการช่วยเหลือหรือการเผยแพร่ความรู้การแพทย์วิถีธรรมคือ การไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นให้ได้ตามที่ใจมุ่งหมาย แต่ก่อนที่จะวางดีนั้นต้องทำทุกอย่างให้ได้ดีที่สุดเสียก่อนซึ่งมีปัจจัยต่าง ๆ เช่น ตัวผู้ให้และผู้รับต้องมีสัมมาทิฏฐิ คือ คิด พูด ทำ ถูกต้องถูกตรง ตัวผู้ให้และผู้รับต่างลด ละ เลิก กิเลสได้ ต้องไม่หวังให้ได้ดีเกินฤทธิ์แรงที่ตนมี (ได้เท่าไรก็เท่านั้น) ตัวผู้ให้และผู้รับมีความเพียรทำความดี ละเว้นสิ่งชั่ว และมีจิตใจผ่องใสเบิกบานอยู่เสมอและหมั่นฟังธรรม ทบทวนธรรม สนทนาธรรมกันอยู่เสมอ เป็นต้น ซึ่งต่างฝ่ายต่างประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม กิจกรรมการงานใด ๆ ย่อมประสบความสำเร็จเพราะความสำเร็จจริง ๆ คือใจที่สำเร็จไม่ใช่งานสำเร็จ ดังนั้นถ้าผู้ให้และผู้รับสามารถรู้ถึงสัจจะความจริงนี้ ก็ย่อมเป็นสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ นั้นหมายถึงว่าหลักการแพทย์วิถีธรรมได้เผยแพร่เข้าถึงผู้คนแล้ว
รูปแบบหรือแนวทางในการพัฒนาจิตอาสาแพย์วิถีพุทธ
รูปแบบและแนวทางที่ทำอยู่ดีอยู่แล้ว เน้นการล้างกิเลส มีศีลเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตและช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความยินดีมีการประชุมอยู่เนือง ๆ มาช่วยกันคิดช่วยกันทำ ไม่มีภาระตกกับผู้ใดผู้หนึ่งเป็นการประสานงานกันทำงานเท่าที่ตนมีแรงมีความสามารถ จึงทำให้งานสามารถเดินไปได้ไม่ต้องติดยึดต้องเสร็จสมบูรณ์ ทำให้เกิดสภาวะผ่อนคลายไม่ต้องกังวลจึงจะมีแรง ที่จะพากเพียรปฏิบัติทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างไม่ต้องสร้างเงื่อนไขต่อไป รู้เพียรรู้พักไปชีวิตมีแต่ความผาสุก ดังนั้นชีวิตของจิตอาสาก็คือผู้ใฝ่ดีฝึกฝนปฏิบัติให้ได้มรรคได้ผลเพื่อได้จิตที่ผ่องใสเบิกบานเพราะอยู่ในฐานะผู้ให้อย่างบริสุทธ์ และจะเป็นผู้รับอย่างพอเพียง อยู่ให้โลกเลี้ยงไว้เป็นหลักการพัฒนาจิตอาสาที่สำคัญ กฎระเบียบอื่น ๆ เป็นการตั้งขึ้นมาประกอบเท่านั้น มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
รูปแบบหรือแนวทางในการเผยแพร่การแพทย์วิถีธรรม
เรื่องการเผยแพร่ทางแพทย์วิถีธรรมดำเนินการได้ครอบคลุมสื่อต่าง ๆ ไปได้มาก แต่อยากจะให้แนวคิดว่าต้องอยู่อย่างพอเพียง ถึงจะมีคนมากขึ้นคนเดือดร้อนมากขึ้นการใช้จ่ายไม่จำเป็นต้องใหญ่โตตามไปด้วย เรายังคงยึดหลักประหยัดเรียบง่ายใช้สิ่งของให้ได้ประโยชน์สูงสุดเราเดินช้ากว่าเขาหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรแต่เราเดินไม่หยุด ช้า ๆ แต่ได้ผล จากการปกครองแบบสาธารณโภคีทำให้เรามีการทำงานแบบไม่ใช่ตัวใครตัวมัน เราจะฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ทำให้มีแนวคิดดี ๆ มากมาย สิ่งเหล่านี้สามารถนำมากลั่นกรองเอาประโยชน์ให้มีคุณค่าเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ในปัจจุบัน การเผยแพร่ทางวิชาการค่อนข้างน้อย เราต้องเร่งดำเนินการแก้ไขหาลู่ทางการสื่อสารด้านเอกสารที่จะตีพิมพ์ในเอกสารวิชาการให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีเอกสารวิชาการมากมาย ไม่จำเป็นต้องตรงสาขาเราอย่างเดียว เพียงแค่ข้อมูลที่นำเสนอนั้นมีผลกระทบกับศาสตร์อื่นก็ได้ เช่น สุขภาพเราจะโยงเข้ากับวิชาการด้านธรรมะหรือโยงเข้ากับเศรษฐกิจสังคม และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงมีความเห็นว่าเราจิตอาสาแพย์วิถีพุทธหันมาสนใจงานด้านเผยแพร่สิ่งตีพิมพ์ลงวารสารกันให้มากขึ้น ช่วยกันคิดช่วยกันทำใครถนัดแนวไหนก็เขียนแนวนั้น
การเดินตามรอยบาทพระศาสดาค่ายแฟนพันธ์แท้พระไตรปิฎก จิตอาสาแพย์วิถีพุทธ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ได้พร้อมใจแสดงความกตัญญูต่อพระศาสดาคือองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการเดินจาริกจากสวนป่านาบุญ 4 บ้านแดนสวรรค์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อไปกราบสักการะพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า ที่พระธาตุพนม รวมระยะทางทั้งสิ้น 23 กิโลเมตร เส้นทางเดินไม่ได้สะดวกสบายมีหินลูกรัง กรวด หิน ดินทราย ทั้งถนนลาดยางและถนนคอนกรีต ที่สลับไปมาให้ได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของทางเดินแห่งชีวิตที่มิได้ราบเรียบแต่อย่างใด ซึ่งจะมีทั้งผู้ที่ใส่รองเท้าเดิน ไม่ใส่รองเท้าเดิน และผู้ใส่ ๆ ถอด ๆ ตามแต่วาระของสภาพร่างกายและจิตใจของแต่ละคน จากจุดเริ่มต้นที่มุ่งมั่นก่อนก้าวขาเดินตามรอยเท้าของพระพุทธเจ้า ระหว่างทางต่างมีอุปสรรคมาท้าทายว่าจะไปรอดหรือ มันอีกไกลนะ มันเริ่มเจ็บแล้วหละ เริ่มร้อนแล้วด้วย หิวน้ำจัง ความคิดต่าง ๆ เข้ามาเป็นพายุ แต่เห็นคนอื่นยังสดชื่นอยู่เลย เดินต่อดีกว่าด้วยใจเป็นสุข ได้พลังจากหมู่มิตรดีสหายดี ทำให้มีแรงก้าวขาเดินอย่างไม่หยุดยั้ง ไปให้ถึงปลายทาง มีเสียงประกาศมาตลอดทางว่า “อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว” ซึ่งได้ยินอยู่หลายรอบมากแต่ไม่ถึงสักที แต่ด้วยใจที่ศรัทธาและยึดมั่นต่อพระพุทธเจ้าจะเดินทางนี้แหละเพราะเป็นทางเดียวที่ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น และล้างความยึดมั่นสุขทุกข์ในชีวิตไปด้วย จะทำด้วยใจที่เป็นสุข มีความยินดีในกระทำ พากเพียร วิริยะ ตั้งใจ ทุ่มโถม ปฎิบัติให้เป็นจริง ทำให้สำเร็จ การเดินจาริกสอนให้มีสติรู้ตัว ทุกก้าวที่ย่างเดินจะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นได้อย่างไร และชำระล้างกิเลสตนที่ท่วมถมทับจิตใจได้อย่างไร หมั่นเพียรใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งที่เคยปฏิบัติมาในอดีตที่ให้โทษต่อตนเอง จึงรีบกำจัดออกไป ทำให้ใจเป็นสุขได้ นึกถึง พระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเสียสละเหนื่อยยากบำเพ็ญเพียรช่วยมนุษยชาติ ด้วยการเดินเท้าเปล่าไปตามหมู่บ้าน และแคว้นต่าง ๆ ด้วยความมุ่งมั่นพากเพียร ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายของสังคมสมัยนั้นที่มนุษย์ถูกจัดให้เข้าในวรรณะ 4 ตามชาติกำเนิดตลอดชีวิตที่ฝากโชคชะตาไว้กับการบูชายัญ มีพระเวทย์เป็นขีดจำกัดของภูมิปัญญา และเป็นเครื่องผูกการศึกษาไว้กับคนชั้นพราหมณ์และวรรณะที่สูง โดยพระพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการใหม่ ย้ายฐานจากบรมเทพออกไปตั้งเป็นฐานบรมธรรม ให้โอกาสแก่ผู้ต้องการหลุดพ้นจากระบบสังคมออกมามีวิถีชีวิตแห่งการพัฒนาตนให้สมบูรณ์ (พระพรหมคุณาภรณ์ ป อปยุตฺโต 2554 “ตอบดร มาร์ติน : พุทธวินัยถึงภิกษุณี)
การเดินธรรมจาริกของทีมแพทย์วิถีธรรมเป็นการเดินตามรอยบาทพระศาสดา เป็นการรวมพลังของลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ที่ตั้งใจจะทำความดีมาชำระล้างกิเสตนและทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นมันจึงไม่ใช่ของง่าย เพราะเราต้องเดินทวนกระแสของสังคมโลกแต่เนื่องจากพวกเรามีหัวใจดวงเดียวกัน การมาเดินครั้งนี้คือการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณที่หาค่ามิได้ นั้นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของมวลมนุษยชาติ