กรณีศึกษาที่ 1.5 คุณจรูญ

ดิฉันชื่อ นางจรูญ ปัจจุบันอายุ 56 ปีค่ะ ทำงานรับจ้างเป็นช่างภาพอิสระค่ะ ดิฉันมีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ก้าวร้าว พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่อยู่ในท้องได้ 3 เดือน เลยมีภาวะเครียดตลอด พออายุได้ 33 ปี เริ่มมีอาการไทรอยด์เป็นพิษ รักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายนครราชสีมา อีกระยะต่อมาก็เป็นความดัน และไตวายด้วยค่ะ ก็รักษามาเรื่อย ๆ โรคฉี่หนูก็เคยเป็น แล้วต่อมาก็เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ แต่ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง มีอาการอั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะจะหยดตลอด มีกลิ่นเหม็นมาก ต้องใช้ผ้าอนามัยตลอดเวลา ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด มีเพื่อนมาแนะนำให้ดูแลสุขภาพแบบคุณหมอเขียว พอรับฟังแล้วก็เชื่อเลย ก็ลองทำตามดู แต่ก็ยังงง ๆ อยู่นะ เพราะว่าเรายังไม่เคยไปเข้าค่ายสุขภาพ แต่ก็เปลี่ยนมาทานอาหารสูตรของคุณหมอเขียว ทั้ง ๆ ที่ปกติดิฉันเป็นคนที่ทานอาหารรสจัด และดิฉันก็เป็นคนเชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรม ดิฉันเคยสร้างกรรมกับงูและคางคก เลยต้องโดนผ่าท้องเหมือนกับที่เราเคยไปผ่าท้องคางคก ก็รู้เลยว่าต้องรับผลกรรมอันนี้

หลังจากผ่าตัดแล้ว แผลที่ผ่าจะปวดมาก ต้องให้ลูกช่วยขูดกัวซาให้ตามแขน หลัง และตามตัว ขูดแล้วรู้สึกดีมาก แม้แต่คุณหมอที่โรงพยาบาลยังบอกค่ะว่าร่างกายเราดีมาก แม้แต่ช่วงที่ความดันขึ้นสูง ๆ ดิฉันก็จะนอนเฉย ๆ ให้ลูกช่วยขูดกัวซาให้ ต่อมาดิฉันเป็นมะเร็ง ก็ยังไม่มีโอกาสได้มาเข้าค่ายสุขภาพนะคะ ได้แต่อ่านหนังสือที่เพื่อนซื้อจากในค่ายสุขภาพไปให้ อ่านแล้วก็ทำตาม พอรู้สึกมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองก็จะใช้วิธีดีท็อกซ์ แล้วก็ทานอาหารสูตรคุณหมอเขียว แต่เราหาพืชผักไม่ได้อย่างในหนังสือ ก็ทำแค่ผักบุ้งคั่วกับน้ำมันนิด ๆ ใส่ข้าวโพดลงไปหน่อย เพราะข้าวโพดจะให้หลายรสค่ะ และทานกับข้าวต้ม ที่ต้มไม่สุกมาก แต่ที่ดิฉันยังขาดไม่ได้คือไข่ เวลาเบื่อ ๆ จะทอดไข่กินเป็นประจำ แต่ทานแล้วก็รู้สึกหนักตัว อีกอย่างที่ดื่มเป็นประจำคือน้ำปัสสาวะค่ะ หลังจากที่รู้ว่าเป็นมะเร็งเพื่อน ๆ บอกว่าเราต้องตายแน่นอน แต่ก็ยังอยู่มาได้ 2 ปีแล้วจนถึงตอนนี้ เดี๋ยวนี้เพื่อน ๆ กลับถามว่า จริงหรือเปล่าที่คุณหมอบอกว่าเราเป็นมะเร็ง ทำไมยังทำงานได้ตามปกติ จากที่ว่าเพื่อน ๆ เตรียมหาวัดให้แล้ว

ทีนี้หลังจากผ่าตัดรักษามะเร็งแล้ว ในช่วงแรกคุณหมอจะนัดตรวจเช็คทุก 3 เดือน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ขยับมาเป็นนัดตรวจเช็คทุก 6 เดือน แล้วก็ขยับมาเป็นนัดตรวจทุก 8-9 เดือน ถึงจะไปตรวจ คุณหมอก็ถามค่ะว่าทำไมเราถึงรักษาเลือดได้ดี ดิฉันก็บอกเลยว่าดิฉันทำดีท็อกซ์มา แล้วก็ทานอาหารสุขภาพตามสูตรของคุณหมอเขียว ซึ่งคุณหมอที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาก็รับฟังนะคะ ไม่ดุไม่ห้ามเหมือนเมื่อก่อน หากดิฉันปวดท้องจากอาหารพิษร้อนที่ทานเข้าไป ก็จะทำดีท็อกซ์ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะหมดแรงเกินไป ก็ไปขอยาคุณหมอที่โรงพยาบาล ก็ได้แต่เกลือแร่มาทาน เพราะคุณหมอบอกว่าร่างกายปกติดี ดิฉันจึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ว่า เรามาถึงครูบาอาจารย์แล้ว ให้พี่น้องทุกท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตาม แล้วท่านจะได้ผลอย่างดิฉัน ดิฉันเองก็ไม่ได้ทำเต็มที่ ทำสะเปะสะปะด้วย เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้มาเข้าค่าย ยังไม่ได้มาเจอครูจริง ๆ แต่ก็ถือว่าได้ผลดีมาก

ดิฉันขอนอกประเด็นหน่อยนะคะ คือดิฉันจะเล่าว่าดิฉันเคยทำเลวมาก แฟนดิฉันรับราชการเป็นจ่า เราจะทะเลาะกันบ่อย ดิฉันเลยหาของมาใส่แฟน จนคนมีบุญคนหนึ่งมาทักดิฉันว่า ดิฉันมีกรรม คนที่ทำให้เขาสูบยาใบตองกับกระดาษ กลิ่นที่สูบบุหรี่ก็เหม็นมากใช่หรือไม่ ดิฉันขนลุกเลยค่ะ ว่าทำไมคนที่มาทักถึงรู้ ดิฉันเลยถามว่าจะแก้ไขได้อย่างไร เขาบอกให้ดิฉันไปปฏิบัติธรรม เขายังบอกอีกว่าหากดิฉันไม่ไปปฏิบัติธรรม วิญญาณตรงนั้นจะเข้า เป็นผีปอบผีชะมกดิฉันก็เชื่อนะคะ สิ่งที่มองไม่เห็นแต่มีจริง ก็เลิกเลย เลิกคิดเรื่องพวกนี้อีกเลย แล้วไปปฏิบัติธรรม 3 วัน หากใครมีแฟนไม่ดี ไม่ต้องไปหาของมาใส่นะ ให้ไปกราบขอพรพระ ใส่บาตรเอ่ยชื่อเขา แล้วแผ่เมตตาขอให้เขามีความสุข

เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับความสุขมหาศาล ไม่ต้องตกนรกเหมือนอย่างดิฉัน ที่ว่าตกนรกคือ ดิฉันนอนไม่หลับเลย ตั้งแต่ไปหาหมอคนที่ทำให้ เหมือนมียุงเป็นแสน ๆ ตัวมาอยู่รอบ ๆ ต้องลุกขึ้นมาตบยุงทุกคืน พยายามนอน ก็นอนไม่หลับ มันเป็นเพราะอะไร อาจมีวิญญาณหรืออะไรบางอย่างมารบกวนทำให้เรานอนไม่หลับ หน้านี่จะดำมากเลย ดำฝ้าด้วย แต่พอเราไปปฏิบัติธรรมได้แค่คืนถึงสองคืนเท่านั้น มันหายเกลี้ยงเลย ดิฉันเลยขอบคุณที่ดิฉันได้เคยทำชั่วมาแล้ว ได้มาเจอครูบาอาจารย์ดี ๆ ที่ช่วยให้ดิฉันได้เห็น เห็นอะไรที่ดี ๆ อย่างที่คุณหมอเขียวจะพูดเสมอ ๆ คะว่า เราทุกคนมีกรรมเป็นของของตน เราจะได้กรรมดีหรือกรรมชั่วขึ้นอยู่กับตัวเรา กรรมจะให้ผลไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติอื่น ๆ สืบไป ฉะนั้นจะทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น ขอบพระคุณมากค่ะ