2. บันทึกกลุ่มตัวอย่างจาก ผู้ใช้การแพทย์วิถีพุทธที่เป็นจิตอาสาแพทย์วิถีพุทธ
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558
(ประเภทข้อมูลที่ 10 แบบบันทึกกรณีศึกษาของจิตอาสาและนักศึกษาแพทย์วิถีพุทธ และข้อมูลที่ 12 แบบสอบถามประสบการณ์การใช้แพทย์วิถีพุทธ เทคนิค 9 ข้อ)
กรณีศึกษาที่ | 2.79 |
ชื่อ | เครือแก้ว คุณะวัฒนา |
เพศ | หญิง |
อายุ | 48 ปี |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
โรค | โรคภูมิแพ้ โรคโลหิตจาง โรคความดันต่ำ โรคไขมันสูง ตะคริว ลมพิษ |
วันสัมภาษณ์ | 29 มกราคม 2555 |
จิตอาสา: พี่แก้วป่วยเป็นอะไรมาคะ
พี่แก้ว: ก็มีหลายโรค ศูนย์รวมโรค โรคที่เป็นบ่อย ๆ ทุกเดือน ที่เป็นประจำ ภูมิแพ้ เป็นหวัด เจ็บคอ เสียงแหบ ไอ หลอดลมอักเสบโลหิตจาง ความดันต่ำ ไขมันสูง ตะคริว ลมพิษ ล่าสุดที่รู้สึกว่ามันอันตราย ตกใจค่ะ ตื่นขึ้นมาครึ่งขวาทั้งซีก มันแข็งไปหมดเลย ตกใจเราจะเป็นเจ้าหญิงนิทรารึเปล่านะ อายุเราก็ยังไม่เยอะถ้าเราเป็นอะไรไปลูกเราก็ยังเล็ก เพราะฉะนั้น เราคงต้องหาอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะดูและรักษาตัวเราเองแล้ว เพราะจากประสบการณ์ที่เราป่วยและไปหาหมอแผนปัจจุบันก็ไปหาหมอทุกเดือน ทานยาทุกเดือน ไม่เคยซื้อยาทานเอง ไปหาก็เพราะเราทำงานและเบิกได้ เป็นเวลาประมาณ 20 ปี ทานแล้วพอหมดฤทธิ์ก็กลับมาป่วยอีก เดือนหนึ่งมี 4 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ก็กินยา ครั้งแรก ๆ ก็ทานยา Amoxicillin ประมาณอาทิตย์หนึ่งก็หาย กินอีกอาทิตย์หนึ่งก็หาย พออาทิตย์ที่จะหายก็จะเป็นประจำเดือนก็จะปวดทรมานมาก จนทำงานแทบไม่ได้ ก็ต้องทานยา บลูราแกรน แก้ปวดประจำเดือน ทาน 1 เม็ด เมื่อปวดมาก ๆ ก็ต้องเพิ่มจำนวนเม็ดขึ้นยา Amoxicillin ก็เหมือนกัน จาก 1 เม็ด 500 มิลลิกรัม เป็น 2 เม็ด ยาอื่น ๆ ก็เหมือนกัน อัตราส่วนจากของเดิมเท่าไหร่มันก็เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว เราก็เริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แล้วคำตอบตรงนี้มันไม่น่าจะถูกต้อง แล้วช่วงนั้นก็ขนขวายที่จะหาหนังสืออ่าน ที่เกี่ยวกับสุขภาพประเภทชีวจิตทำอย่างไรจึงจะปลอดโรค แข็งแรง แล้วค่อย ๆ ปฏิบัติตัว เนื้อสัตว์ตอนนั้นก็ยังทานปกติอยู่แต่ว่าเนื้อปลาเป็นหลัก สัตว์ใหญ่ก็ไม่ค่อยทานอยู่แล้ว แต่ก็มีบ้าง
จิตอาสา: มาเข้าค่ายตั้งแต่ปีใหนจำได้มั๊ยคะ
พี่แก้ว: เดือนธันวาคม 2552
จิตอาสา: ที่ใหนคะ
พี่แก้ว: สวนป่านาบุญ 1 ครั้งนั้นมาได้ 5 วันตอนนั้นมากับญาติ มากับพี่เล็กมหาชัย โปรแกรมจะต้อง 7 วัน และ 2 วันสุดท้ายที่เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ ใจเราก็อยากฟังมาก เรามา 5 วัน 2 วันหลังเป็นสิ่งที่เราอยากฟังมากที่สุดเลย เราดูตามโปรแกรมในตารางแต่เราต้องกลับ ก็เลยไปต่อเดือนมกราคา 2553 ที่กาญจนบุรี ที่โรงเรียนผู้นำ ก็ไปต่อ อันนั้น ก็ 7 วันเลย รู้สึกดีใจมาก ช่วงที่มาที่นี่ครั้งแรกมีความรู้สึกว่าสถานที่โปร่งโล่งสบายอากาศบริสุทธิ์ผู้คนก็น่ารัก ทุกคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน รู้สึกว่ามีด้วยนะดินแดนแบบนี้
จิตอาสา: มันมีความอบอุ่นใจ ใช่ไหมคะ
พี่แก้ว: ใช่ ๆ ก็ยังคิดเลยว่าถ้าเป็นคนโสดขอมาอยู่ที่นี่เลย ไม่รู้อาจารย์จะให้รึเปล่า (หัวเราะ) เพราะเราเพิ่งมาครั้งแรก แต่เรามีความคิดว่าน่าอยู่จังเลย อยากจะมาอยู่ ไม่อยากกลับบ้านเลย และพอดีค่ายนั้นแฟนขับรถจากกรุงเทพมารับ แล้วพี่เล็มหาชัยถามว่าจะไม่กลับเหรอ จะอยู่ต่ออีก 2 วัน เหรออยู่ต่อดีไหมพี่เล็กอยากอยู่ต่ออยากเรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณ อยากรู้ว่ามันคืออะไร อยากรู้รายละเอียดตรงนั้น แต่ก็ตัดใจเอาไว้โอกาสหน้า ก็เลยสมัครไปเดือนมกราคม
จิตอาสา: หลังจากเข้าค่ายแล้วดูแลตัวเองอย่างไรบ้างคะ ในค่ายดูแลตัวเองอย่างไรคะ
พี่แก้ว: ในค่ายอาจารย์พูดเรื่องน้ำฉี่ ในวันที่สาม ซึ่งมันตรงเราว่าสมัยก่อนคันตามาก เป็นภูมิแพ้มันจะเป็นทุกระบบเลยค่ะ ทั้งหายใจ และผิวหนัง และจะคันตา จะเกาตาเหมือนหมีแพนด้า ตาทั้งปูดทั้งดำเลย และก่อนมาเข้าค่ายมีคนแนะนำเรื่องน้ำปัสสาวะว่าหยอดตาแล้วจะหาย ไม่ว่าจะเป็นคันตา ตาแดงเราก็เลยเอาฉี่หยอดตาช่วงนั้นแต่ก็ยังยี้นะ แต่ก็ลองหยอดดู ปรากฏว่ายาหยอดตากี่กระปุกก็ไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเลย พอใช้น้ำปัสสาวะตัวเองอาการมันหายเป็นปลิดทิ้งเลย ทั้ง ๆ ที่ใช้แค่สองครั้ง อันนี้คือก่อนเข้าค่าย พอมาในค่ายอาจารย์พูดวันที่สาม พอพูดปั๊บเราเข้าห้องน้ำเลยค่ะ ปฏิบัติการทันที ดื่มเลยค่ะ ดื่มหมดแก้วเลย มันอร่อย ก็ทานได้เหมือนน้ำชาอุ่น ๆ ปกติเป็นคนชอบทานน้ำชาอุ่น ๆ อยู่แล้ว ก็ปฏิบัติมาตลอด เวลาดื่มรู้สึกสดชื่น เอามาล้างหน้า สระผม คืออาจารย์พูดอะไรเราเชื่อเต็มร้อยเลย เรารู้สึกศรัทธาเลย เราทำแล้วเรารู้สึกดีขึ้นจริง ๆ และในช่วงห้าวัน อาการที่จมูกตัน ๆ ตลอดเวลาเลย เสียงมันอื้อ ๆ อึ้ง ๆ อาการปวดศีรษะอาการทุกอย่างมันหายเป็นปลิดทิ้งในช่วงห้าวันเลยนะ เรารู้สึกว่าไม่ศรัทธาได้ไง ไม่เชื่อได้ไงศาสตร์แบบนี้ แถมยังประหยัดเรียบง่าย ซึ่งเราเป็นคงที่ประหยัด มัธยัสถ์อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าผักนี้เอาไปที่บ้านก็ได้ เด็ดไปปักที่บ้านก็ขึ้น ปลูกอะไรไม้รับประทานของที่นี่ ปลูกอะไรก็ขึ้นได้หมด เราก็รู้สึกว่ามันถูกจริตกับเรา ประหยัด เรียบง่าย และพึ่งตน
จิตอาสา: ได้ใช้ยาทั้ง 9 เม็ดเลยหรือเปล่าคะ
พี่แก้ว: เต็มร้อยเลย กลับไปบ้านนะ เปิดเลยค่ะ ซีดีของอาจารย์ มีซีดีโยคะอะไรทุกชุด ซื้อหมดเลย ประกอบว่าเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือด้วย ก็อ่านหนังสือทุกเล่มของอาจารย์ เวลาใครไม่สบาย เพื่อนบ้านไม่สบาย หมา แมวไม่สบาย เราก็เปิดอ่าน แก้อย่างนี้ ๆ นะ เราก็ทำน้ำเขียว น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสดอยู่ทุกวันแล้ว เพื่อบ้านก็จะมาขอ แมวข้างบ้านไม่สบาย คนไม่สบาย เป็นอะไรก็มาเล่าให้เราฟัง เราก็แจกน้ำเขียว และไปอธิบายให้เขาฟัง ว่าลองชิมดู แรก ๆ เราก็มีอัตตาเหมือนกันนะ อยากให้เขาได้ดี พอหลัง ๆ มา ฟังอาจารย์ตรงนี้ต้องสอนคนที่ศรัทธาแต่คนไม่ศรัทธาเราก็พูดแล้วก็ต้องวางแล้ว เค้าจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ รู้สึกว่าเวลาอาจารย์สอนอะไรแล้วเอามาปฏิบัติตามมันได้ความผาสุขที่แท้จริง
จิตอาสา: ไปอย่างไร มาอย่างไรคะ จึงได้เข้ามาเป็นจิตอาสา
พี่แก้ว: ช่วงสามปีก่อนมาเข้าค่ายอาการที่ป่วยเป็นมากขึ้น จากประสบการณ์ 10 ปี 20 ปี ที่เราป่วยบ่อย ๆ ออด ๆ แอด ๆ พอมาปฏิบัติตัวแบบนี้ ช่วงนั้นเราเริ่มทิ้งงานแล้วเริ่มโอนงานให้สามีทำแล้ว เริ่มวางใจ เราเริ่มรู้สึกว่าถ้าเราป่วยแบบนี้ แล้วเราอายุประมาณนี้ ถ้าเราไม่รีบหาย อนาคตลูกเราจะทำอย่างไร ลูกเราคงลำบากเพราะถ้าแม่ไม่แข็งแรงลูกก็ต้องมาดูแลใช่ไหม ก็เริ่มห่างงานทีละน้อย และเริ่มมาทางนี้ ทุกครั้งที่มาค่ายเราก็ได้ความรู้ไปด้วย และช่วยงานไปด้วย ตรงจุดไหนที่พร่องที่เราลงไปช่วยทำได้ ก็ช่วยเอาบุญค่ะ และถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณหมอเขียว ที่ให้เราโดยที่ไม่หมกเม็ดเลย ถามยังฟรีอีกต่างหาก อาจารย์ให้ทุกอย่างเลย
จิตอาสา: ในแต่ละค่ายที่ไปเป็นจิตอาสา ชอบฐานงานไหนคะ
พี่แก้ว: เฉย ๆ นะคะ แต่เราดูความพร่องของจุดในแต่ละฐานงานมากกว่า เราไปบำเพ็ญในจุดที่คนไม่ค่อยทำกัน และเราสามารถแบ่งเบาภาระตรงนั้นได้ เราก็ไป แล้วบังเอิญจุดฐานร้านค้าไม่ค่อยมีคน ซึ่งเรารู้สึกว่าการเผยแพร่องค์ความรู้ อย่างหนังสือแต่ละเล่มเราก็อ่านหมด ก็รู้ว่าหน้าไหนมีอะไร ฉี่อยู่หน้าไหน สมุนไพรฤทธิ์เย็นสดทำอย่างไรอยู่หน้าไหน ดีวีดีชุดนี้บอกอะไร เสียงธรรมเสียงปลุก ชุดไหน เราก็บอกเขาได้ เพราะฉะนั้นคนที่มาใหม่ ๆ ในค่าย ที่เขามาครั้งแรก ที่เค้าไม่รู้ เราสามารถบอกเขาได้ แล้วคนที่ซื้อเขาก็มั่นใจแล้วเราก็สามารถประชาสัมพันธ์หนังสือ และสื่อซีดี ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับตัวลูกค้าตัวคนที่มาซื้อได้
จิตอาสา: ดูเหมือนพี่แก้วใช้ความถนัดของตนเองในการที่จะนำมาช่วยในเรื่องของฐานงาน นะคะ
พี่แก้ว: จะถามว่าตรงนั้นตรงนี้ชอบไหม เรื่องร้านค้า เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่ได้อยู่ตรงความชอบหรือไม่ชอบ แต่ถามว่าทำตรงจุดที่มันพร่อง ตรงไหนพร่องเยอะเรารู้สึกอิ่มบุญมากกว่า
จิตอาสา: เท่าที่สังเกตดูเหมือนว่าทางครอบครัวก็สนับสนุนนะ ทางสามีก็สนับสนุนนะ ก็จะขับรถมาส่ง เวลาไปค่ายก็จะเห็นอยู่ เป็นอย่างไรบ้างคะ
พี่แก้ว: เขาก็ Open ค่ะ ถ้าเราขับรถจากกรุงเทพมามุกดหารนี่นะ ก็จะมาด้วยกันกับพี่สาว พี่เล็กมหาชัย พี่น้องเขาก็รักกันนะ เขาก็สนิทกัน เวลาพาคุณแม่ไปทำบุญที่ไหน ก็ไปด้วยกัน
จิตอาสา:ดูเหมือนว่าเขาก็เป็นกองหนุนที่ดีที่จะส่งให้พี่แก้ว มาบำเพ็ญบุญ และหลาย ๆ ครั้งก็เห็นว่าพี่เขาก็ไปช่วย คือไปทั้งครอบครัวไปช่วยกันทำงานบำเพ็ญบุญด้วยกัน และช่วงนี้ก็เห็นพี่แก้วก็พาลูกเล็กไปไหนมาด้วย
พี่แก้ว: ช่วงนี้น้องปิงปองเค้า Home school ก็เหมือว่ามาศึกษาธรรมชาติที่นี่และเรียนรู้ไปในตัวเรื่องแพทย์วิถีธรรม
จิตอาสา: อันนี้ถือเป็นโอกาส ถือเป็นบุญของเรา เป็นบุญของครอบครัวทีเดียว ก็คือเผื่อแผ่มายังตนเองด้วย ยังส่งมาถึงสามี ถึงลูกด้วย
พี่แก้ว: สามีก็ได้มาบำเพ็ญบุญกับเราด้วย
จิตอาสา: เคยไปที่บ้านพี่แก้ว คนข้างบ้านก็จะมาเรียกให้ไปดู “หมอแก้ว” อะไรอย่างนี้เรียกให้ไปดูว่าอาการเจ็บป่วยเป็นอย่างไรบ้าง
พี่แก้ว: เขาก็จะมาแซวว่าเป็นหมอ เราบอกว่าไม่ได้เป็นหมอ ไม่ใช่หมอ อย่ามาเรียกเขาจะแซว
จิตอาสา: อยากให้พี่แก้วฝากไว้ให้พี่น้องเราว่า 2-3 ปีที่เราทำงานมา เป็นอย่างไรบ้าง
พี่แก้ว: ก่อนที่จะมาเป็นจิตอาสา เราได้ศึกษาความรู้เรื่องแพทย์วิถีธรรมให้ลึกซึ้งให้ละเอียด แล้วก็ค่อยเป็นไป ค่อยปฏิบัติตัวไป อาการป่วยถ้าเราหายเราจะศรัทธามากขึ้น ศรัทธาในวิธีการ ว่าตรงนี้เป็นประโยชน์กับตัวเราและมวลชน อย่างน้อย ๆ เพื่อนบ้านเรา ญาติเรา พี่น้องเราเขาหายป่วยจากการปฏิบัติตัวอย่างที่เราทำแล้วความรู้ตรงนี้มันเป็นประโยชน์ เขาสามารถไปบอกต่อปากต่อปากได้อย่างที่เราทำ ทุกวันนี้เวลาไปจ่ายตลาดหรือไปที่ไหนก็แล้วแต่ก็จะใช้ลักษณะนี้เวลาใครถามว่าทำไมซื้อย่านางบ่อยจัง เราก็จะสอนเลย คนไหนที่สนใจเขาก็จะถามเราก็จะบอกถ่ายทอดตรงนี้ค่ะ องค์ความรู้นี้ไปตรงไหนเราก็จะบอกต่อไปเรื่อย ๆ แล้วก็ยาสมุนไพร หนังสือย่านาง เทคนิคฯ ก็จะซื้อแจก แรก ๆ แจก ๆ ญาติ และหลัง ๆ เริ่มแจกกับคนที่พอคุยด้วยแล้วเรารู้สึกเขาป่วยหรือเขามีปัญหา เราก็จะให้หนังสือ ให้ยาพอเรามาปฏิบัติตรงนี้แล้วเราดีขึ้นอย่างน้อยที่สุดถ้ามีโอกาส ก็ขอเชิญชวนว่าใครได้บำเพ็ญจะรู้สึกถึงความมีสุขภาพกายและใจที่ดีนะค่ะในความเห็นส่วนตัวนะ ในค่ายอาจารย์ไม่ได้สอนในยา 9 เม็ด แค่กาย แต่สำคัญที่สุดคือใจ ใจที่เป็นสุข ใจที่ผาสุกตลอดเวลา ใจที่ร่าเริงแจ่มใส ไปไหนก็รู้สึกเบาเนื้อ เบาตัว เบาสบาย มันก็เป็นบุญอีกอย่างหนึ่งที่เราสามารถปฏิบัติได้ทุกเมื่อ
จิตอาสา: วันนี้ต้องขอขอบพระคุณพี่แก้วมากนะคะ ขอบพระคุณค่ะ