#ธรรมะว่าด้วยความยินดี
#มีฉันทะ
#มีความพอใจ_เต็มใจ_สุขใจ
#การปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาคือการปฏิบัติที่ถูกตรง
คือ ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ 8
มีทางนี้ทางเดียวที่จะพาพ้นทุกข์เท่านั้น ไม่มีทางอื่น
แม้ทางนี้ก็เถอะ พญามารมักลวงหลอกให้หลงทางเสมอ
มารเก่งมากเลย ถ้าไม่ได้พบสัตบุรุษ จะไม่สามารถทะลวงมายากลไปได้ ก็จะตกเป็นทาสของมาร
ก็ให้ **ตรวจสอบ**
– ณ ปัจจุบัน ว่า เรายังผาสุกดีอยู่ไหม
ถ้า ณ ปัจจุบัน ใจไร้ทุกข์ ใจดีงาม แสดงว่า ปฏิบัติได้ถูกตรง
แต่ถ้าจิตมันทุกข์ จิตหม่นหมอง จิตมีวิตกกังวล แสดงว่าปฏิบัติผิดแล้ว
– ณ เวลานั้น ควรวางหรือควรยึด
ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
ถ้ายึดแล้วดี ก็ยึด
ถ้ายึดแล้วไม่ดี ก็วาง
ถ้าวางแล้วดี ก็วาง
ถ้าวางแล้วไม่ดี ก็ยึด
การจะยึดจะวางได้ดี
ก็ต้องล้างชอบชัง สุขทุกข์ ได้
ได้ดั่งใจสมใจก็สุขใจได้ ไม่ได้ดั่งใจสมใจก็สุขใจได้
เมื่อล้างได้ จะยึดจะวางก็ได้
ต้องประมาณให้ดี
พระพุทธเจ้าตรัสใน อินทรียภาวนาสูตร
ว่าถ้าเราล้างทุกข์ได้ ก็จะวางได้ยึดได้
เรามีปัญญาซ้อนเข้าไปว่า เราควรยึดหรือควรวาง
แต่ถ้าเราไม่แน่ใจ ให้ดูความเสี่ยง
ถ้ายึดแล้ว จะมีความเสี่ยงมาก เสียหายมาก เกิน 70% ก็ควรวาง
ถ้าวางแล้ว จะมีความเสี่ยงน้อย เสียหายน้อย เกิน 70% ก็ควรวาง
ถ้าวางแล้ว จะมีความเสี่ยงมาก เสียหายมาก เกิน 70% ก็ควรยึด
ถ้ายึดแล้ว จะมีความเสี่ยงน้อย เสียหายน้อย เกิน 70% ก็ควรยึด
พ่อครูให้หลักไว้ที่ 70 %
มั่นใจว่าเกิดผลดี เกิน 70% ทำ ยึด
ถ้ามั่นใจว่าเสี่ยงเกิน 30 ไม่ควร ให้วาง ไม่ประมาท
ทำแล้วก็ต้องประเมินผล
นี้คือ มาตลีเทพสารถี
ถ้าทำดีแล้ว ก็ทำต่อไป แต่ถ้าไม่ดีแล้ว
ก็ต้องพร้อมปรับพร้อมเปลี่ยน อย่ายึดมั่นถือมั่น
ต้องพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยน ตลอดเวลา
*** จะทำอย่างไร ที่จะมีฉันทะในการทำ
เพราะจะบรรลุธรรม ก็ต้องมีฉันทะ
สุขสูตร 22 /349
มีความยินดีในธรรม
ยินดีภาวนา
ยินดีในการละบาป ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ยินดีปวิเวก (ความสงบจากกิเเลส)
ยินดีความไม่พยาบาท
ยินดีธรรมที่ไม่เนิ่นช้า
#ภาวนา
ภาวะคือสภาพนั้นๆ
รู้ว่ากิเลสมีลักษณะเป็นอย่างไร
จะตั้งศีลอย่างไร
รู้อุบายเป็นเครื่องออก
รู้ความสงบจากกิเลส
พรากห่างออกได้เป็นลำดับ
ย่อมมีความยินดีในความไม่เนิ่นช้า
รีบพากเพียรทำ
#เร่งเหตุแต่ไม่เร่งผล
**เหตุอะไรทำได้เร่งเข้าไป
**เร่งแบบไม่เครียด
**เร่งไนสิ่งที่ควรเร่ง
**ไม่เรงในสิ่งที่ไม่ควรเร่ง
**ไม่เร่งผล
การเร่งผลทำให้เสียผล
แต่เร่งเหตุทำให้เกิดผล
เร่งแบบไม่เครียด
ไปทำดู จะเป็นสุขเลย
พระพุทธเจ้า ตรัสว่า “#ปีติแม้น้อยช่วยเสริมพลัง”
พ่อครูฯ กล่าวว่า “#ทุกวินาทีทำความยินดีให้มีพลัง”
24/66 พระสารีบุตร กล่าวว่า
#ความไม่ยินดีแลเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
#ความยินดีแลเป็นเหตุให้เกิดสุข
พระพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า
#ให้มีความยินดีในธรรม_ในภาวนา_ในการละ_ในปวิเวก_ในความไม่พยาบาท_ในธรรมที่ไม่เนิ่นช้า
นี้คือ ความยินดี คือ ความสุข
ซึ่งก็ตรงกับที่ พระสารีบุตรตรัสว่า
#ความไม่ยินดีแลเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
#ความยินดีแลเป็นเหตุให้เกิดสุข
ฉะนั้น ทำอะไร ๆ อยู๋ ไม่มีความยินดี จะไม่มีความสุข
มันชิงชัง มันเบื่อระอา มันหดหู่ มันเห็นโทษ มันก็จะไม่อยากทำ
บุคคลผู้มีความยินดี แม้จะทำอะไร ๆ อยู่ ย่อมมีความสุข ความสำราญ
โดยเฉพาะ มีธรรมะตามฐานที่ถูกตรง
มีความยินดี ให้พอดี
ไม่ใช่ไปยินดีมากๆ ก็จะหมดแรง
ณ คราวนั้น ก็ดูให้เหมาะควร ว่าแค่ไหนสบายที่สุด
อภิปโมทยังจิตตัง
ทำงานเสร็จแล้ว ก็ยินดีแบบสบาย
เรียกว่า ได้โดยไม่ยาก ซึ่งฌานทั้ง 4
เลือกเอาให้พอเหมาะที่สุด
ก็จะสุข มีชีวิตชีวา
วันนี้
#ธรรมะว่าด้วยความยินดี
#มีฉันทะ
#มีความพอใจ_เต็มใจ_สุขใจ
ติดตามเพิ่มได้ที่
https://youtu.be/jT22uye8-Tg